playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Prey กลับมาล่าแบบดิบๆ โหดระทึกบู๊สนุกตลอดเรื่อง (ไม่มีสปอยล์)

Prey

Summary

ถือเป็นพรีเดเตอร์ภาคที่ดีรองจากภาคแรกจริงๆ สมคำเล่าลือ แต่ว่าก็ยังไม่ได้ดูดิบหรืออันตรายเท่ากับภาคแรก ออกจะเป็นภาคบู๊กันตัวๆ ที่มันส์กว่าภาคแรกมากกว่า ไม่ใช่การหลบซ่อนสู้กันเลย เพราะสู้กันจะๆ ทุกฉาก โดยที่พรีเดเตอร์ถูกเนิร์ฟความเก่งลงมาพอสมควรให้พอสู้กันได้แบบไม่ต่างกันเว่อร์ๆ แบบภาคก่อน ((มีติดโง่บางครั้งด้วย) และยังมีฉากโหดดิบเลือดสาดอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่แหวะ ซึ่งตอบสนองแฟนๆ พรีเดเตอร์ได้แน่นอน นอกจากนี้ยังมีธีมเรื่องราวคนขาวที่บุกรุกเข้ามาในยุคนั้นสอดแทรกเข้ามาเนียนๆ กับเรื่องได้ดีเลยครับ โดยรวมคุณภาพงานสร้างดูดีเลยแม้ลงสตรีมมิ่งโดยตรงด้วยครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • พรีเดเตอร์ภาคดิบๆ ล่ากันกันแบบภาคแรก
  • ฉากแอ็กชั่นเยอะ
  • พรีเดเตอร์ถูกลดความสามารถลงบ้าง แต่ก็ยังมีไอเทมใหม่ๆ มาให้ดูกัน
  • บทนางเอกกับน้องหมาคู่หูในเรื่องทำได้ดี
  • สอดแทรกเรื่องคนขาวเข้ามาได้เนียนดี
  • คุณภาพงานดูดีแม้ลงสตรีมมิ่งโดยตรง

Cons

  • ใช้ภาษาอังกฤษพูดกันทั้งหมดจนดูแหม่งๆ อยู่บ้างถ้าคิดถึงความสมจริง
  • นางเอกยังดูขาวใสไม่เหมือนอินเดียนแดงจริงๆ มากเท่าไหร่
  • พรีเดเตอร์ภาคนี้ไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรให้เห็นเลย แล้วก็แอบโง่ทุยๆ ไปบ้าง

 Prey (2022) on IMDb

รีวิว Prey (ไม่มีสปอยล์)

นี่เป็นหนังพรีเดเตอร์ที่ได้คะแนนสูงสุดในช่วงหลังจากภาคแรก ซึ่งก็เหมือนการได้หวนกลับไปเล่าเรื่องการล่าในแบบดิบๆ แบบต้นตำหรับ ต่างจากช่วงหลังที่เน้นโชว์อาวุธใหม่ๆ ของพรีเดเตอร์ ก็ทำให้ผลลัพธ์ของเรื่องออกมาดูดีกว่าจริงๆ 

ตัวหนังเล่าเรื่องปูสั้นๆ ถึงทีมนักล่าของอินเดียนแดงมือฉมัง ที่หัวหน้าทีมมีน้องสาวตัวเอกของเรื่องที่ Naru ที่พยายามออกล่าให้คนในเผ่าและพี่ชายยอมรับ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ก่อนที่เธอจะไปเจอกลับพรีเดเตอร์เข้าและตามรอยมันไปคนเดียว ก่อนที่ทีมนักล่าของเผ่าที่มาตามตัวเธอจะพบกับมันไปด้วย 

เรื่องราวยังคงสูตรสำเร็จแบบเดิม พรีเดเตอร์มาล่าคนเก่ง ฆ่าคนมีอาวุธ ล่าสัตว์ร้ายในป่า มีล่องหน ที่แก้ด้วยการลดอุณหภูมิในตัวแบบเดิม (แต่ใช้มุกใหม่) มีหมวกเลเซอร์ล็อกเป้า มีกรงเล็บยืดหดได้ ร่างกายแข็งแรงว่องไว มีของเล่นใหม่ที่เห็นชัดๆ คือโล่ไว้บังกระสุนกับเป็นของมีคมปาร่อนได้แทนจานร่อน แต่ผู้สร้างก็เขียนบทลดพลังความสามารถโดยรวมๆ ลงมาพอสมควร จะเห็นว่ามันยังโหดอยู่ แต่ก็ไม่เว่อร์ขนาดที่จะฆ่าไม่ได้ตั้งแต่แรก ด้วยการให้มันโดนยิงฟันแทงอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่อง เป็นพรีเดเตอร์ที่เหมือนไม่คิดจะหลบอะไรมาก มักโดนอะไรง่ายๆ ขนาดเดินไปติดกับดักสัตว์เองก็มี ซึ่งแอบคิดว่าตัวในเรื่องนี้ออกโง่นิดๆ ด้วย แต่ก้เข้าใจได้เพราะนี่เหมือนเป็นยุคที่พึ่งเริ่มมีปืนอัดดินดำ ถ้าไม่ปรับสมดุลย์ให้พอสู้ได้คงหมดสนุกไปในทันที ซึ่งเรืองก็ถือว่าว่าบาลานซ์จุดนี้ทำให้เราเชื่อได้ตั้งแต่แรกว่าอินเดียนแดงในยุคนั้นพอสู้ได้แน่นอน และในหนังเองก็ดันทำให้อินเดียนแดงเก่งเว่อร์ด้วย ขนาดที่ว่าบู้ตัวๆ แบบไม่พึ่งอะไรนี่พรีเดเตอร์แพ้อีกต่างหากด้วยครับ แต่ก็ตามสูตรมันต้องมีไอเทมช่วยโกงให้ชนะมนุษย์เสมอ 

ตัวหนังหันมาโฟกัสที่เรื่องราวของ Naru ที่พยายามให้คนในเผ่ายอมรับ ซึ่งบทเขียนได้ดีมาก ทำให้เราเชื่อได้ว่าแม้สรีระร่างกายอาจจะอ่อนแอกว่า แต่จุดที่ผู้หญิงอย่างเธอเหนือกว่าคือสมองและการตัดสินใจวางแผลกลยุทธเอาชนะคู่ต่อสู้ ซึ่งในเรื่องมีฉากแสดงให้เห็นถึงการเอาตัวรอดของเธอโดยใช้สมองมากกว่ากำลังอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องการบู้ไปเพราะเธอก็ยังคงเป็นสายบู๊ที่เก่งมากระดับที่ผู้ชายรุมยังเอาไม่ลง โดยมีหมาเป็นตัวช่วยต่อสู้ด้วยอีกทาง ซึ่งมีบทบาทอยู่ตลอดเรื่องไปจนถึงการต่อสู้กับพรีเดเตอร์ในไคลแม็กซ์ตอนท้ายเลย โดยไม่มีฉากเศร้าสะเทือนใจกับคนรักสัตว์ไม่ต้องกลัวดูได้เลย และอาจจะชอบเจ้าหมานี่ด้วยเพราะบทส่งให้คู่กับนางเอกมากจริงๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีพี่ชายของเธอที่มีบทไม่น้อยเลย เป็นนักรบที่เก่งแบบบู๊ตัวๆ กับพรีเดอเตอร์ได้ แต่น่าเสียดายที่เหมือนกลัวจะเด่นเกินไป บทเลยให้มาแค่ฉากสั้นๆ เท่านั้นครับ 

ตัวเรื่องยังแบ่งเวลาช่วงนึงให้คนขาวเข้ามามีบทบาท ซึ่งก็คือมาเป็นเหยื่อคั่นเวลาให้นางเอกนั่นแหละ แต่บทคนขาวก็สอดแทรกเข้ามาดีทำให้ธีมเรื่องไม่ใช่แค่อินเดียนแดง vs เอเลี่ยนต่างดาว แต่เป็นพวกต่างด้าวคนขาวมารุกรานไล่ล่าพวกเขาด้วย ซึ่งเข้ากันมากกับธีมของพรีเดเตอร์ที่มันจะมาในช่วงยุคสมัยที่มีการล่าอะไรแบบนี้ในประวัติศาสตร์ ก็เป็นส่วนเสริมเรื่องราวให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้นด้วย

โดยรวมฉากแอ็กชั่นของเรื่องทำให้ระทึกตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะได้เห็นความโหดของพรีเดเตอร์แบบสะใจเหมือนเก่า มีฉากติดเรตให้เห็นทั้งเรื่องแต่ไม่แหวะ ออกมากำลังดี ในขอบเขตที่แฟนๆ พรีเดเตอร์พึงพอใจ เพราะถึงแม้ลงดิสนีย์+ แต่งานสร้างไม่ใช่ดิสนีย์ทำ 

ส่วนจุดด้อยมีบางๆ เป็นข้อจำกัดการทำหนังมากกว่าอย่างภาษาในเรื่องใช้อังกฤษทั้งหมดยกเว้นคนขาวที่บุกเข้ามามีใช้ภาษาอื่น (น่าจะโปรตุเกส) ซึ่งการที่เห็นเนื้อเรื่องอินเดียนแดงเป็นตัวเอกแต่พูด ENG กันหมดก็เป็นอะไรที่แหม่งๆ อยู่พอสมควร แต่ก็เข้าใจได้นั่นแหละครับ (เรื่องนี้ไม่มีพากย์ด้วย) และตัวนางเอกที่มารับบทนี้เป็นเม็กซิกันพื้นเมืองชื่อ Amber Midthunder ซึ่งก็พอเนียนๆ ว่าเป็นอินเดียนแดงได้ แต่ก็ยังดูผิวขาวและใสมากไปนิด แต่ดีที่เธอแสดงดี บทก็ดี เลยไม่มีปัญหาคาใจอะไรมาก

หรืออีกจุดก็คือการที่พรีเดเตอร์ตัวนี้ค่อนข้างกลวงๆ เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมาก เหมือนแค่เป็นบอสที่มาล่าทั่วๆ ไป ไม่ได้มีความพยายามถ่ายทอดอะไรให้เห็นแบบภาคอื่นๆ ที่อาจจะมีการพูดคุยออกเสียงภาษาของมัน หรือมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์บ้าง แต่เรื่องนี้คือไม่มีเลย ซึ่งก็ไม่ถือว่าแย่อะไร แต่มันจบแล้วก็จบ ไม่เหมือนอย่างภาคแรกที่อาร์โนลด์เล่นยังมีฉากจบที่มันสื่อสารกับตัวเอกก่อนทิ้งทวนระเบิดตัวเองนั่นแหละครับ แต่ตัวนี้ไร้ซึ่งทุกอย่างเลย

 และที่คนอาจจะคาดหวังไว้คือฉากทิ้งท้ายตามสูตรพรีเดเตอร์แทบทุกภาค ตัวหนังมีเหมือนไม่มี เพราะใช้ภาพวาดเป็นภาพนิ่งเล่าเรื่องทั้งหมดเหมือนเป็นภาพเขียนติดผนังถ้ำลำดับเหตุการณ์ ก่อนมีตอนท้ายต่อจากตอนจบของนางเอกเท่านั้นครับ

ถือเป็นพรีเดเตอร์ภาคที่ดีรองจากภาคแรกจริงๆ สมคำเล่าลือ แต่ว่าก็ยังไม่ได้ดูดิบหรืออันตรายเท่ากับภาคแรก ออกจะเป็นภาคบู๊กันตัวๆ ที่มันส์กว่าภาคแรกมากกว่า ไม่ใช่การหลบซ่อนสู้กันเลย เพราะสู้กันจะๆ ทุกฉาก ซึ่งสนองแฟนๆ พรีเดเตอร์ได้แน่นอน และยังมีธีมอินเดียนแดงกับคนขาวที่สอดแทรกเข้ามาเนียนๆ กับเรื่องได้ดีเลยครับ

 

 

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!