playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Delhi Crime SS2 แก๊งโหดสะเทือนขวัญใช้ค้อนทุบคนแก่ตายต่อเนื่อง

Delhi Crime SS2

Summary

ถือเป็นซีรีส์ที่ยังคงอารมณ์กับธีมหลักสร้างจากแฟ้มคดีโหดจริงไว้ได้ แม้เรื่องราวจะไม่สะเทือนใหญ่โตระดับประเทศแบบซีซั่นแรก แต่แค่ 5 ตอนจบก็ใช้เวลาสั้นๆ ใครที่ชอบดูแนวอาชญากรรมอิงเรื่องจริงนี่ก็ยังแนะนำให้ดูต่อครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • คดีโหดจากเรื่องจริงอิงแฟ้มตำรวจกรุงเดลี
  • มีเรื่องชนเผ่าชายขอบของอินเดียมาเกี่ยวข้อง
  • พัฒนาชีวิตตัวละครต่อเนื่องในแต่ละซีซั่น
  • 5 ตอนจบสั้นๆ 

Cons

  • ระดับความกดดันของคดียังไม่เท่าซีซั่นแรก
  • เรื่องราวจริงของคนร้ายมีแค่ 2 ตอนหลัง ไม่ใช่ 5 ตอนแต่แรก ทำให้ดูน้อยมาก

Delhi Crime SS2 ล่าเดนเดลี ซีรีส์อินเดีย Netflix แนวอาชญากรรมที่สร้างจากเรื่องจริง 5 ตอนจบ เป็นการเปิดแฟ้มคดีใหม่ที่เป็นแก๊งอาชญากรรมโหดใช้ค้อนทุบคนแก่ตายหลายศพต่อเนื่อง แล้วยังเชื่อมโยงไปถึงคดีแบบเดียวกันในอดีตที่หายไปนาน จนทำให้คนในกรุงเดลีตื่นตกใจกับการกลับมาของแก๊งอาชญากรรรมนี้อีกครั้ง

รีวิว Delhi Crime SS2

ซีรีส์ที่สร้างจากแฟ้มคดีโหดของตำรวจกรุงเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย ที่ SS1 เป็นคดีรุมข่มขืนโหดบนรถเมล์ (อ่านเรื่องราวรีวิวซีซั่น 1 ที่นี่) มาซีซั่น 2 ก็ยังยึดรูปแบบเดิมคืออิงรายละเอียดจากแฟ้มคดีจริง แต่เปลี่ยนตัวละครนำสืบในท้องเรื่องให้เป็นนักแสดงที่ไม่เกี่ยวกับตัวจริงของตำรวจในคดีเลย เพื่อสร้างเรื่องราวชีวิตส่วนตัวกับความสัมพันธ์ของตัวละครในทีมประกอบเรื่องเพิ่มมา และก็พัฒนาไปต่อเนื่องในแต่ละซีซั่นต่อกัน 

ในซีซั่นนี้คดีโหดเป็นคดีแก๊งปล้นฆ่าคนแก่ในบ้านยามวิกาล โดยมีใช้ค้อนเป็นอาวุธทุบใบหน้าเหยื่อจนเละทุกราย แล้วคดีนี้ยังเชื่อมโยงกับอาชญากรรมในอดีตที่เป็นแก๊งปล้นฆ่ารูปแบบเดียวกันที่ทำให้คนแก่ของอินเดียจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ จึงทำให้คดีนี้กลายเป็นคดีร้อนที่เหมือนประจานกรมตำรวจว่าอดีตที่ยังเคลียร์ไม่ได้หมดกลับมาหลอนผู้คนทั้งเมืองกันอีกครั้ง

ตัวคดีมีรูปแบบความโหดไม่แพ้ซีซั่นแรก และก็เห็นศพเละสยองเหมือนจริงต่างจากคดีแรกที่อ่อนไหวกว่าทำให้เราตัวผู้สร้างไม่ลงรายละเอียดในฉากข่มขืนให้เห็น แต่ด้านความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ในเรื่องคดีในซีซั่นแรกสูงกว่า แล้วก็ขยายวงไประดับประเทศได้สูงกว่ามาก คดีทุบคนแก่นี้ตัวเรื่องพยายามสร้างบรรยากาศขยายวงความน่ากลัวแบบซีซั่นแรกไว้ จากการเห็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ ที่ออกเตือนผู้สูงอายุในเมืองอย่าอยู่คนเดียว แล้วก็ยังเดินเรื่องโดยมีการเมืองจากเบื้องบนมากดดันสารวัตรวาร์ติกา นางเอกของเรื่องนี้เหมือนเดิม แต่ระดับอารมณ์กดดันมันก็ยังไม่เท่ากับซีซั่นแรกจริงๆ

ตัวเรื่องมี 5 ตอน แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ 3 ตอนแรกเป็นการไล่จับคนแบบหว่านแหเพียงเพราะผู้ร่วมสืบคดีกับสารวัตเป็นตำรวจเก่าในคดีนี้ในอดีต แล้วก็พุ่งเป้าว่าชนเผ่าหนึ่งที่ถูกปฏิเสธจากสังคมอินเดียเป็นผู้ร้าย (คล้ายๆ ชนเผ่าชายขอบแบบบ้านเรา) ทำให้คดีกลายเป็นการจับผู้บริสุทธิ์มามากมาย แล้วก็กลายเป็นประเด็นร้อนสุมไฟให้สื่อกับสังคมเล่นงานตำรวจมากขึ้นไปอีก แม้ว่าในมุมหนึ่งพวกนี้จะมีประวัติอาชญากรจริงก็ตามที

2 ตอนหลังคือการเข้าเรื่องราวแก๊งคนร้ายตัวจริง ซึ่งตัวเรื่องก็ไม่ได้เป็นแนวสืบสวนปิดบังคนร้ายว่าเป้นใครอยู่แล้ว จึงเลือกเปิดคนร้ายออกมาทันที แล้วก็พยายามเล่าเรื่องในมุมคนร้ายถึงแรงจูงใจ ขั้นตอนการเลือกเหยื่อ และความสัมพันธ์ของแต่ละคน ซึ่งทำได้ดีเลยแม้จะมีแค่ 2 ตอนจบ แต่ก็มีจุดให้ลุ้นจากการไล่ตามสืบเบาะแสเล็กๆ ไปจนเจอตัว โดยต้องแข่งกับเวลาเพราะพวกนี้ย่ามใจก่อเหตุติดๆ กันหลายคดีด้วย

ในส่วนความสัมพันธ์ดราม่าชีวิตตัวละครก็ยังมีการพัฒนาไปทีละนิด อย่างผู้ช่วยสารวัตรที่เป็นผู้หญิงอีกคนก็มีปัญหาสามีเพราะคดีที่เกิดขึ้นทำให้การวางแผนชีวิตด้วยกันมีปัญหา ตัวสารวัตรวาร์ติกาเองก็ต้องงัดข้อกับอธิบดีที่พยายามช่วยเธอเต็มที่ในซีซั่นแรก และเธอเองก็มีปัญหากับลูกสาวที่ส่งไปเรียนอเมริกาอีก ทำให้กลายเป็นแรงกดดันจนระบิดออกมาหลังคดีนี้มีปัญหามากมาย อีกทั้งลูกน้องที่ไว้ใจก็ยังหักหลังส่งข่าวให้สื่อด้วย ซึ่งดราม่าพวกนี้มีเพียงนิดๆ ไม่เสียเวลาอะไรมาก แต่ช่วยเติมเต็มให้เรื่องราวดูมีชีวิตขึ้น และตอนจบของเรื่องก็ยังค้างปัญหาพวกนี้ไว้ รวมถึงสารวัตรวาร์ติกาเองก็จะได้ไปสู่ที่ทางใหม่ในตอนจบด้วย ซึ่งก็คงวางแผนทำซีซั่น 3 แล้วถึงจบด้วยการทิ้งค้างปมไว้แบบนี้ครับ

ถือเป็นซีรีส์ที่ยังคงอารมณ์กับธีมหลักไว้ได้ แม้จะไม่สะเทือนเท่าซีซั่นแรกก็ตาม แต่แค่ 5 ตอนจบก็ใช้เวลาสั้นๆ ใครที่ชอบดูแนวอาชญากรรมอิงเรื่องจริงนี่ก็ยังแนะนำให้ดูต่อครับ 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!