playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Samaritan ซูเปอร์ฮีโร่วัยเกษียณสเกลเล็กของซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (ไม่มีสปอยล์)

Samaritan

Summary

ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ลงสตรีมมิ่งที่ดูลงตัวในขอบเขตงบจำกัดกับการโชว์พลังที่ไม่ต้องพึ่ง CG อะไรมาก มีฉากโชว์พลังเล็กๆ เป็นระยะ ก่อนจบด้วยฉากใหญ่หน่อยตามสูตรกับมีเซอร์ไพรส์เรื่องนิดๆ แต่ก็ทำให้คนดูสนุกไปกับเรื่องได้พอสมควร โดยมีความสัมพันธ์ต่างวัยของตัวแซมกับโจเป็นดราม่าซึ้งนิดๆ ช่วยทำให้เรื่องดูมีอะไรมากขึ้น แต่การได้เห็นซิลเวสเตอร์ในวัยนี้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งและเชื้อชวนมาดูมากกว่าอย่างอื่นในเรื่องทั้งหมด ซึ่งใครเป็นแฟนนี่ห้ามพลาดเลยครับ (แต่น่าเสียดายที่ตัวเรื่องทำมาจบเลยแบบไม่ทิ้งท้ายต่อ)

 

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซิลเวสเตอร์ สตอลโลนในวัย 76 กับการรับบทนำซูเปอร์ฮีโร่ครั้งแรก
  • มีฉากแอ็กชั่นเล็กๆ แต่ทำได้ดีตลอดเรื่อง
  • ปมการเป็นซูเปอร์โร่วัยเกษียณ
  • ทำจากคอมมิคในชื่อเดียวกัน
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • ความสามารถตัวร้ายไม่พอต่อกรกับพระเอกมากจนดูยังไงก็แพ้
  • สเกลในเรื่องเล็กๆ ด้วยทุนไม่สูงมากทำให้ขาดความเว่อร์วัง
  • จบแบบจบเลยจนดูทิ้งปมท้ายเรื่องแบบน่าเสียดาย

 

 

Samaritan หนังซูเปอร์ฮีโร่ Amazon Prime Video นำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ทำมาจากคอมมิคของค่าย Mythos เล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยที่หลงไหลในเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับฮีโร่เหนือมนุษย์ของเมืองที่หายตัวไปหลายสิบปี จากศึกครั้งสุดท้ายที่เขาต้องสู้กับแฝดน้องของตัวเอง ก่อนที่เขาจะพบความลับว่าชายแก่ในอพาร์ทเมนต์ฝั่งตรงข้ามคือฮีโร่คนนั้น
 Samaritan (2022) on IMDb

 

รีวิว Samaritan

หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ซิลเวสเตอร์เล่นในวัย 76 ปี แล้วก็เป็นค่ายหนัง Balboa Productions ของเขาเองด้วย นี่จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่ปลุกปั้นโดยตรงจากซิลเวสเตอร์ โดยได้ Julius Avery เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย ที่ไม่ได้มีเครชื่อเสียงนักมากำกับเรื่องนี้  แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นผลงานที่โอเคเลยไม่มีข้อตกบกพร่องอะไรมาก แม้จะเป็นหนังทำลงสตรีมมิ่งทุนไม่สูงนักก็ตาม

ในยุคที่หนังแนวนี้เกลื่อนตลาดแล้ว การที่เรื่องนี้จะฉีกออกไปได้ก็ต้องมีพล็อตที่ดีก่อน เรื่องนี้จึงฉีกตัวเองมาเล่าเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่วัยชราที่เกษียณตัวเองหลบลี้หนีผู้คนมาอยู่อย่างสันโดษ และไม่พยายามไม่กลับไปเป็นแบบตัวเองในอดีต ซึ่งนี่เป็นความลับสำคัญของเรื่องนี้ว่าทำไม เพราะอะไร แม้ตัวเด็กในเรื่องอย่างแซม (แสดงโดย Javon ‘Wanna’ Walton) จะพยายามอ้อนวอนให้เขากลับมาช่วยเมืองยามที่เกิดวิกฤต แต่โจ หรือ ซามาริทันเองกลับคิดต่างออกไป ซึ่งตัวเรื่องจะค่อยๆ เผยให้เห็นฉากในอดีตที่เป็นตำนานเล่าขานของเมืองว่าซามาริทันช่วยเหลือชาวเมืองจากตัวร้ายเจเนซิสที่เป็นแฝดน้องมีพลังแบบเดียวกับเขาไว้ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เองคือจุดพลิกผันชีวิตของโจและก็ทำให้ความคิดเรื่องการเป็นซูเปอร์ฮีโร่คืออะไรที่ผิดพลาดสิ้นดีในมุมของเขา

ตัวเรื่องมีมุมมองที่ค่อนข้างดูเรียลมากว่าโลกนี้ไม่ควรมีใครมาทำตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งเหตุผลในเรื่องก็ถือว่าสมเหตุผลเลย เพียงแต่มันไม่ได้ใหม่นักในยุคที่มีฮีโร่สายดาร์คฉีกกรอบไปมากมายแล้วเช่นกัน อย่างเดอะบอย หรือแม้แต่แบทแมนเวอร์ชั่นโนแลนก็ด้วย พลังอันยิ่งใหญ่กลายเป็นปัญหาให้กับสังคมมากกว่าตัวร้ายที่ทำลายเมืองเสียอีก แต่คอนเซ็ปต์อันนี้มันถูกทำมาให้อยู่ในรูปฮีโร่วัยเกษียณติดดิน ทำงานเก็บขยะไปวันๆ หาของมาซ่อมแซมเอาไปขาย ซึ่งดูเข้ากันดีเลย แต่ก็ทำให้สเกลของเรื่องเล็กลง จำกัดวงแคบแค่ในเมืองสมมุติอย่างในเรื่องเท่านั้น ซึ่งทุนสร้างที่น้อยก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

แต่ไม่ใช่ว่าตัวเรื่องนี้จะไม่มีฉากโชว์พลังอะไรมาก โดยรวมมันมีฉากที่โชว์พลังของซามาริทันเล็กๆ ได้อย่างสนุกน่าสนใจตลอดเรื่อง ตั้งแต่ฉากเปิดตัวจริงที่โดนรถชนไม่ตายในเทรลเลอร์จะเห็นว่าแทบเป็นอมตะฟื้นตัวได้ แต่ก็สร้างจุดอ่อนของฮีโร่ตัวนี้ให้เห็นแต่แรกเลยว่าพลังอมตะมีจุดอ่อนยังไง และก็ใช้มันเชื่อมต่อกับเรื่องราวของค้อนที่สร้างมาเพื่อทำลายซามาริทันได้อีก ทำให้ตัวร้ายได้ครอบครองและก็มีความสามารถฆ่าซามาริทันได้อีก โดยมีระเบิด EM ที่ทำลายระบบไฟฟ้ามาเป็นอาวุธหลักของตัวร้ายที่ใช้หลายฉากเลย แล้วก็จัดเต็มกับฉากสุดท้ายที่โชว์ให้เห็นว่าซามาริทันในโหมดบ้าคลั่งร้ายกาจแค่ไหน โดยมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ แต่แอบว้าวพอสมควรกับจุดนี้ เสียแค่ว่าตัวเรื่องไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ต่อไปมากอย่างที่คิด แล้วก็จบแบบไม่ทิ้งท้ายไว้ต่อเลยอีกต่างหาก (ในการ์ตูนก็เหมือนจบแค่นี้)

นอกจากฉากแอ็กชั่นแล้ว ตัวเรื่องก็ยังมีมุมดราม่าความสัมพันธ์ของแซมกับโจ ที่ตัวแซมเองเป็นเด็กน้อยที่มีความคิดอยากช่วยแม่หาเงิน แต่ก็เลือกทางผิดหลายครั้ง ตัวเรื่องทำให้เห็นว่าโจเองไม่พยายามเข้าไปช่วยมาก แต่ก็ปรามเมื่อแซมล้ำเส้นบางอย่างไป และการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ นี่เองที่ค่อยๆ เปลี่ยนให้แซมค่อยๆ เลือกเส้นทางที่ถูกต้องเองในภายหลัง และโจเองก็มีความผูกพันธ์กับแซมมากขึ้น เป็นดราม่าเล็กๆ ที่สอดแทรกตลอดเรื่องแบบค่อยๆ ซึมและทำได้ดีพอตัวเลยทีเดียว

 

ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ลงสตรีมมิ่งที่ดูลงตัวในขอบเขตงบจำกัดกับการโชว์พลังที่ไม่ต้องพึ่ง CG อะไรมาก แต่ก็ทำให้คนดูสนุกไปกับเรื่องได้พอสมควร และการได้เห็นซิลเวสเตอร์ในวัยนี้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ใครเป็นแฟนนี่ห้ามพลาดเลยครับ

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!