playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Seoul Vibe พยายามเป็นฟาสเวอร์ชั่นตลก แต่ต่างชั้นกันมากในทุกทาง (ไม่มีสปอยล์)

Seoul Vibe

Summary

พยายามทำให้ดูเหมือนเป็นหนังซิ่งรถจารกรรมแบบฟาสเวอร์ชั่นตลกย้อนยุค แต่กลับไม่ตลก ไม่ลุ้น ไม่มันส์ ไม่ลงทุนฉากซิ่ง ไม่อะไรเลยสักอย่าง แถมความพยายามยัดย้อนยุคให้ดูเชยยังมาทำให้เรื่องไม่น่าดูเข้าไปอีก หนังขายการรวมดาราดัง แต่ก็เท่านั้น เพราะบทกับเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย แต่ถ้าสายเกาหลีดูดาราก็คงพอได้ แต่ถ้าคนทั่วไปนี่ข้ามผ่านเถอะครับ

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • หนังซิ่งรถจารกรรมแบบย้อนยุค
  • ใส่พวกของย้อนยุคมาขายเยอะ
  • รวมดาราดังไว้เยอะ
  • มีพากษ์ไทย

Cons

  • ฉากซิ่งรถงั้นๆ มาก
  • มุกตลกพยายามยิงเยอะแต่ไม่ตลก
  • หนังยืดยาวมีแต่น้ำสองชั่วโมงกว่า

 Seoul Vibe (2022) on IMDb

รีวิว Seoul Vibe

หนังที่ดูเหมือนจะเป็นแนวฟาสมันส์ๆ ตลกๆ แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ตลกหรือมีฉากซิ่งรถอะไรได้ขนาดนั้นเลย เรียกว่าแค่เอาไอเดียพล็อตแนวๆ นั้นมาใช้ แต่ตัวเรื่องเป็นอะไรที่ง้องแง้ง ทำได้ไม่ถึงทางไหนสักทาง

ในแง่ฉากแข่งรถนี่บอกเลยดูตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนหนังแทบไม่ได้จะลงทุนทำอะไรให้แปลกใหม่หรือมีความตื่นเต้นได้จริงๆ เลยสักนิด ตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้ายฉากแข่งรถในเรื่องคือเหมือนหนังทั่วไปที่ทำๆ กันมาตลอด ถ้าตัดเกรดก็คงให้ C ไม่ได้มีความดีหรือฉากไหนที่ดูเจ๋งว้าวขึ้นมาเลย เรียกว่าสอบตกกันตั้งแต่ฉากแรกๆ ก็รู้สึกได้ทันทีว่าหนังไม่ได้มีอะไรอย่างที่ฟาสทำได้เลยสักภาค

แล้วตัวเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครพี่น้องครอบครัวมารวมแก๊งแบบฟาสนี่ก็ยิ่งไปใหญ่ เพราะหนังเหมือนบทแบบเล่นขายของไปวันๆ เข้าแก๊งฟอกเงินที่จัดแข่งหานักขับเจ๋งที่สุดในประเทศก็เข้าไปได้ง่ายเหลือเกิน ตัวเรื่องที่ให้มีภารกิจส่งของเป็นรอบๆ ก็เหมือนมีไปงั้นๆ ไม่ได้มีความพีคในภารกิจแต่ละครั้ง ไปเน้นที่ว่าพวกพระเอกได้เงินมาจากการส่งของเยอะจนเริ่มฟุ้งเฟ้อปรนเปรอลืมๆ ภารกิจไปก็เท่านั้น โดยมีตัวร้ายบ้าหทารที่เข้มงวดคอยทดสอบหาเรื่องจับผิดให้ดูเครียดๆ ขึ้นมานิดนึง แต่ด้วยความที่อยากทำหนังโทนตลก สุดท้ายมันก็เลยไม่ได้จริงจังอะไรในเนื้อหานั้นเลย แถมยังไม่ตกลเลยสักนิด ไม่ขำเลยสักฉากตั้งแต่ดูมาจนจบ ไม่ใช่เพราะเส้นลึก แต่มุกมันได้ทำให้ขำเลยจริงๆ

แถมด้วยความเชยของการย้อนยุคในเรื่องที่พยายามขายกันสุดๆ ซึ่งก็ไม่รู้จะย้อนยุคไปโยงกับโอลิมปิคปี 1988 เพื่ออะไร เพราะแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้เลย แล้วการย้อนยุคในเรื่องมันยิ่งทำให้ตัวละครมักทำตัวเฉิ่มๆ แต่งตัวเชยๆ สีสันโทนเรื่องก็ดูเก่าเชยไปอีก รถในเรื่องก็ดูไม่ได้แรงแบบรุ่นใหม่ มันเลยกลายเป็นการย้อนยุคที่ทำให้ตัวเรื่องดูดรอปลงมากกว่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมให้เรื่องสนุกขึ้น แต่คนเกาหลีเองอาจจะชอบพวกสิ่งของโอลสคูลในเรื่องก็ได้ แต่คนบ้านเราคงไม่ได้อินกับพวกนี้เท่าไหร่นัก เพราะคนละวัฒนธรรมกันเลย แม้จะมีที่บ้าเหมือนกันอย่างพวกรองเท้ากีฬา แต่ก็เป็นกลุ่มเฉพาะทางมาก

ตัวนักแสดงรวมดาราดังมาหลายคนก็จริง ได้ดารานักแสดง ยูอาอิน อง ซองอู พัก จู-ฮยอน มาเล่น แต่บทมันเรื่อยเปื่อยก็เลยไม่ได้ช่วยทำให้ใครดูดีมีเสน่ห์ในแบบฟาสที่เรารู้สึกว่าขาดคนนี้ไปไม่ได้ ในเรื่องนี้คือแบบดูจนจบยังไม่ได้รู้สึกเลยว่าใครเก่งอะไรแค่ไหน แล้วทำไมต้องมีคนนี้ ตัวร้ายก็เป็นป้าขี้โมโหธรรมดาไม่มีอะไรน่าจดจำ (แสดงโดย มุน โซ รี) กลายเป็นเหมือนแค่หนังเอาชื่อดารามาขายเท่านั้น แถมหนังยังยืดยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ที่มีแต่น้ำทั้งนั้นอีกต่างหาก

 

ถึงหนังจะดูไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าคนสายเกาหลีดูก็อาจจะพอๆ สนุกกับมันได้ แต่ถ้าไม่ใช่ นี่เป็นหนังที่ไม่ดูก็ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไร คือไม่ต้องดูเลยดีกว่าเพราะไม่มีจุดไหนที่รู้สึกดีจนคุ้มค่าให้ดูเลยสักนิด

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!