playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Somebody แอปรัก แอบฆ่า ซีรีส์เกาหลี Netflix ทำเองที่บทป่วยสุดๆ แบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน

Somebody แอปรัก แอบฆ่า

Summary

ซีรีส์เกาหลีที่เน็ตฟลิกซ์สร้างเองแบบตกมาตรฐานจนถึงขั้นแย่มากเกินทน ตัวเรื่องพยายามทำตัวเหมือนหนังคัลท์ ไม่สนเหตุผลในทุกๆ อย่าง ตัวละครโง่เกินจริงจนเหมือนศูนย์รวมความโง่กับทุกตัวละคร ตัวเรื่องนึกจะใส่อะไรก็ใส่มา ไปจนถึงขั้นมีผีสิงฆาตกร แล้วจุดขายเรื่องแอปหรือเทคโนโลยีในเรื่องก็ใส่มางั้นๆ ทั้งเรื่องพยายามตามรอยฝรั่งเรื่องความรักแบบ LGTB เพศเดียวกัน มีฉากเซ็กส์แนวนี้ใส่มาแบบไม่จำเป็น แล้วก็ยังยัดฉากแนวติดเรตมาซะเยอะเกินจำเป็นต้องมี แม้แต่ความรักของตัวนางเอกกับฆาตกรที่เป็นจุดขายเรื่องก็ดูอินดี้แบบงงๆ ว่ารักอะไรกันยังไง ไร้ซึ่งความเข้าใจหรือให้คนดูอินได้เลย การกระทำของนางเอกก็ย้อนแย้งในตัวตลอด ไม่ได้อิงกับความเป็นแอสเพอร์เกอร์อะไรอย่างที่วางไว้เลย ฆาตกรก็ฆ่าไปเรื่อยแบบดูเหมือนฉลาด แต่จริงๆ คือบทตำรวจในเรื่องโง่จนดูเหมือนตัวประกอบแทบไม่มีบทบาทมากกว่า ฉากจบก็ติสๆ นึกจะจบก็จบ จนรู้สึกว่านี่เป็นงานเกาหลีที่ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไง เพราะสอบตกมาตรฐานทุกอย่างไปหมดซะทุกเรื่องจริงๆ ครับ

Overall
3/10
3/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวรักกับฆาตกรจิตๆ เหมือหนังคัลท์
  • ฉากติดเรตเอากันเยอะ บ่อยด้วย
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทไม่สมเหตุผลตลอดเวลาทั้งเรื่อง
  • ตัวละครทำอะไรโง่ๆ ซ้ำซาก
  • เทคโนโลยีในเรื่องแค่ผิวเผิน
  • ตัวนางเอกย้อนแย้งในตัวหลายครั้ง
  • เอาเรื่องแอสเพอร์เกอร์มาใช้แบบมั่วๆ
  • อยู่ๆ ก็มีเรื่องผีวิญญาณเข้ามาแบบจริงจัง

Somebody แอปรัก แอบฆ่า ซีรีส์เกาหลีที่  Netflix สร้างเองแนวดราม่าฆาตกรรม เรื่องราวของ คิมซัม เด็กสาวที่เป็นแอสเพอร์เกอร์ และสร้างแอปหาคู่ชื่อดัง แต่เธอเองกลับไร้ความรัก จนกระทั่งได้พบกับฆาตกรต่อเนื่องที่ใช้แอปของเธอลวงหญิงสาวไปฆ่า แต่เธอกลับตกหลุมรักเขาเพราะความพิเศษไม่เหมือนคนในสังคมปกติ แบบที่เธอเองเป็นมาตลอด

 Somebody (2022) on IMDb

 

รีวิว Somebody แอปรัก แอบฆ่า

ผู้เขียนยกให้เลยว่านี่คือซีรีส์เกาหลีที่เน็ตฟลิกซ์สร้างเองได้แย่ที่สุดแบบที่ไม่เคยมีเรื่องอื่นทำมาก่อน ด้วยความที่เรื่องราวหน้าปกดูเหมือนจะเป็นแนวภัยร้ายของเทคโนโลยีผสมกับเรื่องราวฆาตกรโรคจิต แต่สิ่งที่เรื่องนี้นำเสนอกลับแทบจะเละเทะไร้ทิศทางจนมั่วไปหมดแทบจะเกินบรรยาย

ความเลวร้ายของเรื่องหนักที่สุดก็คงเป็นความพยายามทำให้เรื่องนี้ดูติสๆ เป็นเหมือนหนังคัลท์ที่มีสไตล์เฉพาะตัว แต่มันกลับทำให้เรื่องเต็มไปด้วยเรื่องงี่เง่าไม่สมเหตุผล หาคำอธิบายอะไรแทบไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นนางเอกที่ไปเจอฆาตกรในตอนแรก และก็บอกว่าตัวเองสู้แรงไม่ได้ถ้าจะโดนข่มขืน แล้วก็ทำหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ประมาณว่าเป็นแอสเพอร์เกอร์เลยแสดงอารมณ์ไม่ได้  แต่ต่อมามีฉากที่นางเอกถูกลวงไปข่มขืน คราวนี้กลับตื่นกลัววิ่งหนีสู้กลับสุดชีวิต หรืออย่างฆาตกรที่นึกจะฆ่าใครก็ฆ่า อันนี้ไม่แปลก แต่กลับไม่ฆ่าเหยื่อที่ควรจะฆ่าแบบไม่มีเหตุผล และอีกสารพัดที่ตัวละครในเรื่องนี้ทำไปแบบไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรืออะไรตามปกติเลยสักนิด กระทั่งถึงตอนจบก็ยังจบแบบติสๆ งงๆ ล่องลอยแบบไร้เหตุผล

บทของตัวละครในเรื่องนี้แทบจะเป็นศูนย์รวมความโง่ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เพื่อนนางเอกที่เป็นตำรวจด้านไซเบอร์เอง นางเป็นคนพิการนั่งรถเข็น แต่กลับถูกหลอกไปนัดเอากันง่ายๆ แล้วก็โดนฆาตกรทิ้งไว้ไม่ฆ่า ปล่อยให้คลานกลับมาได้ ก็เกิดแค้นตามหาตัวจนเจอในแชท แต่กลับหลงเชื่อว่าเขาไม่ได้ทิ้งนาง แล้วก็ไปตามนัดจนโดนหลอกไปอีกรอบ หรือตำรวจในเรื่องที่วันๆ ไม่ทำงานอไะร มีฉากพบศพที่ถูกฆาตกรรม แต่ก็แค่นั้น ไม่มีสืบ ไม่มีบท เหมือนตัวประกอบโง่ๆ ของเรื่องจนจบก็ยังไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไม และตัวละครหลักฝ่ายนางเอกก็รู้เรื่อง แต่ไม่แจ้งความตามตัวให้จบๆ กลับพยายามสืบเองนั่นนี่แค่เพราะอายที่โดนหลอก ซึ่งรวมๆ แล้วมันเป็นบทที่โง่แบบเหลือเชื่อเกินเป็นไปได้ ขนาดที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นบทของเกาหลีเองด้วย

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังหลุดธีมปกติไปเป็นพวกคนทรงเรื่องเหนือธรรมชาติ จากตัวละครพี่สาวเพื่อนนางเอก ที่ไม่ใช่แค่บทหมอดูทายทัก แต่ลามไปถึงขั้นมองเห็นว่าฆาตกรถูกวิญญาณร้ายล้อมรอบ และนางเอกก็ด้วย มีการทำพิธีใหญ่โตปัดรังควาน ตัวนางเอกที่เป็นคนเขียนโปรแกรมอยู่ๆ ก็มางมงายเชื่อเรื่องนี้จริงจัง จนดูแล้วขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นเอามากๆ 

แถมใครที่คิดว่าจะได้เห็นเรื่องราวแนวเทคโนโลยีที่ตอนแรกปูเรื่องไว้ เป็นแชทบอท AI ของนางเอกกับแอป แต่กลายเป็นตัวเรื่องเหมือนเอามาแค่ปะหน้าแบบผักชี แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรื่องจะนำเสนอจริงจังเลย แม้ว่าตอนหลังพยายามยัดเรื่องเทคโนโลยีดีฟเฟค (ปลอมวิดีโอ) แต่ก็เหมือนใส่มาเพื่อให้มันดูเก๋ๆ คูลๆ ในตอนท้ายสุดของเรื่องเท่านั้น 

แล้วพอเป็นซีรีส์เกาหลีที่เน็ตฟลิกซ์สร้างเองก็เหมือนความพยายามโกอินเตอร์แบบยัดเยียดเอาแนวทางฝรั่งสูตรเน็ตฟลิกซ์มาใช้ อย่างการให้มีตัวละคร ญ ญ มีฉากซั่มกันของตัวละครแบบนี้ แล้วก็ฉากซัมกันอยู่เรื่อยๆ ของหลายตัวละคร ซึ่งโอเคแหละว่าเรื่องมันแนวฆาตกรรมหญิงสาวก็ต้องมีอะไรแบบนี้ แต่เรื่องกลับนำเสนอพวกนี้ถี่จนดูเปรอะเลอะเทอะเกินไป รวมถึงนางเอกก็หมกหมุ่นกับอะไรแบบนี้ ซึ่งมีฉากอย่างว่าหลายครั้ง รวมถึงการช่วยตัวเองยาวนานจนเหมือนเป็นหนัง X ติดเรตเลยก็ว่าได้ ซึ่งคอเกาหลีเองที่ไม่ค่อยดูฝรั่งแรงๆ ก็อาจจะเหวอ แต่เอาจริงๆ เรื่องนี้มันเหมือนจงใจยัดความรุนแรงมาขายมากกว่าจะเป็นไปตามเรื่องที่ควรเป็น 

ในส่วนความรักของตัวนางเอกกับฆาตกรที่ดูเหมือนเป็นพ้อยท์หลักที่เรื่องอยากนำเสนอในแง่ว่าคนเป็นแอสเพอร์เกอร์จะรักใครได้ไง ซึ่งละครเกาหลีมักเอาคนเป็นแบบนี้มาใช้บ่อยจนเกร่อมากๆ (อย่างอูยองอูที่พึ่งจบไป) แต่ตัวเรื่องกลับเอาอาการแอสเพอร์เกอร์มาตีความผิดๆ มั่วๆ ให้นางเอกที่ไม่เคยรักใครมารักฆาตกรแบบรักแรกพบง่ายๆ จากนั้นก็ถึงขั้นกลายเป็นหลงนักไม่ลืมหูลืมตา ใครจะบอกอะไรก็ไม่ฟัง ซึ่งดูเกินจริงแบบแทบจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแอสเพอร์เกอร์ก็ได้ จริงๆ นางก็แค่เป็นพวกหลงแบดบอยเลวๆ อะไรแบบนั้น แต่ตัวเรื่องก็พยายามทำให้ฆาตกรดูมีสไตล์ มีความเท่ สูง 190 มีกล้ามบึก เอาเก่ง แต่ก็ดันปูปูมหลังให้ว่าพึ่งมาฆ่าคนก่อนปีนึงจากที่พบนางเอก แล้วก็เป็นการฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ติดใจเลยทำมาตลอด แล้วก็หลอกให้นางเอกรักจนหลง แต่ไปๆ มาๆ ตัวเองก็หลงนางเอกหนักขึ้นมาดื้อๆ ซึ่งตัวเรื่องแทบจะไม่รู้สึกว่าสองคนนี้ไปอินอะไรกันตรงไหนได้เลย ต่อให้จะมองว่าทั้งคู่ผิดปกติก็ตาม แต่เรื่องไม่ได้ทำให้เราเข้าใจหรือชวนอินความรักทั้งคู่ได้เลยแม้แต่น้อย

สรุปเลยว่านี่เป็นซีรีส์ที่ขายอะไรก็ไม่รู้ที่ผู้สร้างพยายามยัดมัดรวมๆ กันให้คนดูงงๆ เหมือนมานั่งดูหนังคัลท์ แต่เป็นซีรีส์ยาว 8 ตอนที่ดูแล้วเหนื่อย น่าเบื่อ ถึงขั้นทรมานมากที่สุดในชีวิตการดูซีรีส์เกาหลีของเน็ตฟลิกซ์ทำเองที่ปกติจะค่อนข้างดี แต่เรื่องนี้คือแย่จนต่ำกว่ามาตรฐานเอามากๆ ข้ามได้ข้าม ไม่ควรเสียเวลาดูเลยครับ

 

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!