playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Swarm อเมริกันไซโคเด็กสาวผิวดำ Gen Z (ไม่สปอยล์)

Swarm

Summary

ซีรีส์ที่เล่นเอาเรื่องจริงของกลุ่มติ่งบียอนเซ่มาดัดแปลงเป็นเรื่องราวฆาตกรต่อเนื่องเด็กสาวผิวดำ Gen Z ที่คลั่งไคล้ไล่ฆ่าคนที่ไม่ชอบศิลปินที่เธอบูชาไปทั่วอเมริกา โดยอ้างอิงเหตุการณ์จริงผสมที่มาเหตุการณ์เรื่องราวให้เสมือนจริง มีเหตุผลแรงจูงใจพร้อมอาการความบ้าวิปลาศสุดๆ แต่ก็อาจจะดูเป็นการเล่าเรื่องที่ออกแนวติดเหมือนหนังคัลท์อยู่ด้วย แต่ก็แฝงนัยยะสะท้อนปัญหาสังคมเสพโซเชียลมีเดียจนบ้าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครที่มองหาความแปลกแหวกแนววิปริตนี่ไม่น่าผิดหวังครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เรื่องแต่งผสมเรื่องจริงของติ่งบียอนเซ่
  • ฆาตกรต่อเนื่องเด็กสาวผิวดำ
  • นักแสดงเล่นได้บ้าคลั่งมาก
  • ฉากฆ่าโหดเยอะ
  • สะท้อนปัญหาสังคมเสพโซเชียลมีเดีย
  • มีซับไทยครบ

Cons

  • การเล่าเรื่องดูเป็นหนังคัลท์จนดูแปลกๆ ติสๆ

 

 Swarm ชื่อไทย วิปลาศ ซีรีส์ amazon prime video 7 ตอนจบ แนวสยองขวัญจิตวิทยา เรื่องราวของ เดร เด็กสาวผิวดำอ้วนๆ คลั่งไคล้ปกป้องศิลปินนักร้องคนดัง จนกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เดินทางไปไล่ล่าฆ่าคนด่าว่าศิลปินที่บูชาไปทั่วอเมริกา
Swarm (2023) on IMDb

รีวิว Swarm วิปลาศ

ซีรีส์ที่ชื่อไทย วิปลาศ แล้วเนื้อเรื่องก็เต็มไปด้วยความวิปลาศสมชื่อจริงๆ ด้วยเรื่องราวที่ขึ้นต้นว่านี่ไม่ใช่เรื่องสมมติ แต่เหมือนเรื่องจริง ซึ่งก่อนอื่นต้องอธิบายที่มาของเรื่องนี้ก่อนจะได้ไม่ทำให้สับสนว่านี่มันคือเรื่องจริงหรือแต่ง นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวผิวดำฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นเรื่องแต่ง แต่อ้างอิงเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องมาจากเรื่องจริง+ข่าวลือ ของกลุ่มติ่งที่คลั่งไคล้ บียอนเซ่ แล้วเรียกตัวเองว่า “Beyhive” หมายถึงกลุ่มผึ้งที่คอยปกป้องบียอนเซ่แบบสุดโต่งทางอินเตอร์เน็ต อย่างการล่าแม่มด ขุดคุ้ยบ้านที่ทำงานคนที่ไม่ชอบบียอนเซ่ ซึ่งชื่อเรื่องนี้ภาษาอังกฤษก็แปลว่าฝูงผึ้งเช่นกัน โดยในเรื่องนี้เปลี่ยนแค่ชื่อของบียอนเซ่เป็นนักร้องสมมุติที่ชื่อว่า Ni’jah (ไนจา) แต่พฤติกรรมกับเหตุการณ์หลายอย่างในเรื่องคืออ้างอิงมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับบียอนเซ่โดยตรง ยกเว้นเหตุฆาตกรรมในเรื่องที่ผู้สร้างต้องการให้มีพื้นที่สื่อบันเทิงเล่าเรื่องเด็กสาวผิวดำเป็นฆาตกรต่อเนื่องบ้าง แทนที่จะมีแต่คนผิวขาวเท่านั้นที่เป็นได้ ผู้หญิงผิวดำก็จิตวิปลาศบ้าคลั่งแบบนี้ได้เช่นกัน นี่คือที่มาของซีรีส์ที่จัดว่าวิปลาศเหมือนเป็นดั่ง อเมริกันไซโคแบล็ควูแมน Gen Z ก็ว่าได้

เชื่อว่าผู้ชมไทยเองเห็นหน้าปกหรือตัวอย่างเด็กสาวผิวดำอ้วนๆ กับฉากเลือดสาดก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ไม่น่าดูในตอนแรก แต่ถ้าลองเปิดใจรับชมดู นี่คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องได้น่าติดตามไปกับความวิกลจริตสุดๆ แบบเข้ากับปัญหาสังคมยุคใหม่ที่เสพสื่อโซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊กกับทวิตเตอร์ IG กันจนทำให้คนเป็นบ้ากันได้ไม่มากก็น้อย แต่ตัวเอกในเรื่องนี้คือความคลั่งที่เกินขีดขึ้นไปอีก แต่ก็มีความเป้นได้เพราะเรื่องก็สร้างจากความบ้าคลั่งขีดสุดของแฟนๆ ที่บูชานักร้องดังมากมาย มีกระทั่งฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังกับข่าวของนักร้องเหล่านี้ ซึ่งในเรื่องก็มีการปูที่มาต้นเหตุแรงจูงใจต่างๆ ให้ผู้ชมคล้อยตามเชื่อได้ว่า เมื่อคนที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ขีดสุดของความตกต่ำก็สามารถเป็นฆาตกรได้จริง อย่างในเรื่องนี้ต้นเหตุคือการตายของพี่สาว ต่อมาถูกโซเชียลมีเดียเอาไปล้อการตายของเธอ แถมวันที่ตายแฟนหนุ่มก็ยังมาแยกทางกันอีก แล้วน้องสาวอย่างเธอก็ดันพลาดไม่ได้รับสายพี่สาวในห้วงสุดท้ายที่พี่ต้องการใครมาอยู่เคียงข้าง นี่คือตอนแรกที่ทำให้เรื่องราวจุดกำเนิดของฆาตกรเด็กสาวผิวดำคนนี้สมเหตุผล 

แต่เรื่องราวหลังจากตอนแรกคือ ความวิกลจริตสุดกู่เมื่อเธอออกตามล่าคนที่เหยียดหยามไนจากับพี่สาวเธอ กลายเป็นการเดินทางตามล่าฆ่าคนทั่วอเมริกา ที่เต็มไปด้วยเรื่องราววิปริต เสียดสี ติดดาร์คคอมเมดี้นิด ในระหว่างทางที่เธอฆ่าไม่ใช่แค่เหยื่อที่หมายหัว แต่กลายเป็นการพบเจอกับตัวละครสาวผิวขาวที่มักชอบเข้ามาเจือกเข้ามาคั่นเวลาการเดินทางของเธอ ซึ่งในแต่ละตอนมักมีตัวละครแบบนี้โผล่เข้ามาอยู่เลย เหมือนการประชดประชัน การแบ่งแยกสีผิว โดยที่ตัวละครเหล่านี้มักดีกับเธอ แต่กลายเป็นการหวังดีแบบเพื่อยกตนขึ้น คล้ายๆ อย่างหนัง Get Out ที่คนขาวเชิดชูคนดำเพื่อยกตัวเองขึ้นแบบนั้น 

ตัวเรื่องแทบไม่ได้บอกที่มาที่ไปของ เดร ตัวเอกในเรื่องเลย 5 ตอนแรกเราแทบไม่รู้อะไรเลยว่าเธอมีชีวิตมายังไง ก่อนที่ตัวเรื่องจะใช้ตอนที่ 5-6 เล่าเรื่องราวประวัติครอบครัวเธอ ต่อด้วยการทำเป็นหนังสารคดีปลอมๆ ในตอนที่ 6 เล่าเรื่องนักสืบสาวผิวดำที่ตามสืบคดีนี้เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเด็กผู้หญิงอ้วนๆ คนหนึ่งกลายเป็นฆาตกรได้ เรียกว่าเป็นการมองข้ามแบบไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งตอนนี้จะเป็นการสืบแล้วเล่าทบทวนคดีที่เดรก่อไว้ในแต่ละตอนที่ผ่านมาแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเธอฆ่าพวกเขาไป ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการพบตัวเดรในตัวตนใหม่แล้วก็ตัดจบเหมือนสารคดีจริงๆ ว่าทางตำรวจกำลังตามล่าและรื้อคดีของเธอขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

แต่ซีรีส์ยังไม่จบมีตอนส่งท้ายที่ชื่อเก๋มากว่า มีแต่พระเจ้าที่สร้างตอนจบแสนสุขได้ (Only God Makes Happy Endings) เป็นตอนส่งท้ายที่เอาเหตุการณ์จริงที่เกิดกับคอนเสิร์ตของบียองเซ่มาเล่าผสมกับเรื่องราวที่เป็นเหมือนช่วงดีสุดของเดรในตัวตนใหม่ที่เติบโตขึ้นหลังจากก่อคดีทั้งหมดลงไป แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่จินตนาการที่เกิดขึ้นเท่านั้น 

จุดด้อยของเรื่องนี้ก็คงเป็นการเล่าเรื่องสมมุติที่เสมือนจริงจนดูคัลท์มากในหลายฉากที่เดรลงมือฆ่าคนแบบวิปลาศเกินจริง แล้วยังรอดตัวหายไปได้เรื่อยๆ จนกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องหลายศพทั่วอเมริกาที่ดูเว่อร์มากๆ แต่ถ้าไม่ติดใจอะไรตรงนี้ นี่ก็เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องแฝงนัยยะต่างๆ ให้ขบคิดติดหัวได้มากพอสมควร แบบดูจบเชื่อว่าถ้าไม่รู้เรื่องราวมาก่อนก็คงต้องไปค้นหาอ่านต่อว่าอะไรจริงอะไรแต่งกันแน่ครับ

ถือเป็นซีรีส์ที่แหวกแนวมากเรื่องหนึ่งในปัจจุบัน ใครที่มองหาความแปลกแหวกแนววิปริตนี่ไม่น่าผิดหวังครับ

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!