playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sweet Girl (Netflix) หนังแอ็กชั่นดราม่าสะเทือนใจที่เจสันเล่นได้ดีจนต้องชม (ไม่มีสปอยล์)

Sweet Girl

สรุป

หนังแอ็กชั่นดราม่าทุนสูงของ Netflix เอง มีจุดดีพอตัวในการดึงเจสันมารับบทแนวดราม่าครอบครัวที่มีปมเศร้าสะเทือนใจได้ดีเลย ในขณะที่ฉากแอ็กชั่นก็ทำได้ถึงในระดับหนึ่งมีมาต่อเนื่องอย่างที่ผู้ชมต้องการ แต่แค่ไม่เนี๊ยบและมีหลุดคิวแปลกๆ อยู่บ้าง ซึ่งถ้าใครตามผลงานของเจสันอยู่ก็คงไม่ผิดหวังกับตัวนักแสดง แต่อาจจะไปผิดหวังกับบทที่อ่อน โดยเฉพาะในช่วงหลังของเรื่องที่เจสันถูกลดบทบาทลงไปให้บทลูกสาวขึ้นมาเด่นแทน

 

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เจสันในบทดราม่าพ่อลูกที่เศร้าสะเทือนใจ
  • ฉากแอ็กชั่นมีมาต่อเนื่อง (ไม่ถี่ยิบแต่ก็มาตลอด)
  • นำเสนอปมเรื่องราววงการยาที่หากินกับชีวิตผู้ป่วยได้ดี
  • มีปมจิตวิทยาบาดแผลในจิตใจมาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก
  • โปรดักชั่นงานสร้างลงทุนสูงไม่ใช่หนังเกรดทั่วไปของ Netflix
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • บทช่วงหลังของเรื่องอ่อนมาก
  • ฉากแอ็กชั่นตัวๆ มีหลุดคิวไม่เนียนหลายครั้ง
  • บทลูกสาวที่มาเด่นในช่วงท้ายดูไม่สมเหตุผลมากพอ
  • ตอนจบของเรื่องรวบรัดง่ายเกินจนไม่สมเหตุผล

Sweet Girl สวีทเกิร์ล หนังแอ็กชั่นดราม่า Original Netflix เรื่องราวของพ่อที่ตามล้างแค้นให้ภรรยาที่ตายไป โดยที่ต้องปกป้องลูกสาวให้พ้นภัยจากการตามล่าของพวกผู้มีอิทธิพลในบริษัทยายักษ์ใหญ่ของประเทศ มี Jason Momoa เป็นนักแสดงนำครั้งแรกของการร่วมงานกับ Netflix

 Sweet Girl (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Sweet Girl สวีทเกิร์ล

ผลงานหนัง Original Netflix ที่ดึงดาราใหญ่อย่าง Jason Momoa มาร่วมงาน โดยมีผู้กำกับ Brian Andrew Mendoza ที่ปกติเป็นโปรดิวเซอร์หนังของ Jason Momoa มาหลายเรื่อง มากำกับเรื่องนี้เองครั้งแรก ซึ่งก็เป็นงานที่ Netflix ทุ่มทุนกว่าปกติ โปรดักชั่นดูดีไปอีกระดับ แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดหนังฟอร์มยักษ์แบบหนังโรงได้อยู่ดี

หนังเรื่องนี้เป็นแอ็กชั่นดราม่า ที่เล่าเรื่องราวของ เรย์ คูเปอร์ สามีที่เห็นภรรยาตายไปต่อหน้าจากโรคมะเร็ง โดยมีปมเรื่องยารักษาที่แพงเกินจริงจากบริษัทยายักษ์ใหญ่อยู่เบื้องหลังการตายของเธอ เขาสัญญาว่าจะทวงคืนความยุติธรรมครั้งนี้ พร้อมปกป้องลูกสาว เรเชล (เล่นโดย Isabela Merced นางเอกเด็กจากหนัง Dora and the Lost City of Gold) ซึ่งเป็นสมาชิกคนเดียวในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ จากการตามล่าของมือสังหารที่พยายามปิดปากทุกคนที่พยายามสืบหาเบื้องหลังของผู้มีอิทธิพลกับเรื่องนี้

บทถูกเขียนมาเพื่อสร้างดราม่าสะเทือนใจครอบครัวโดยเฉพาะ โดยการเล่นประเด็นเรื่องค่ารักษามะเร็งที่สูบเลือดเนื้อครอบครัวผู้ป่วยไปจนหมดตัว โดยมีเบื้องหลังการสมรู้ร่วมคิดของบริษัทยากับคนในรัฐบาลมาเกี่ยวข้อง ซึ่งสถานะครอบครัวคนจนตัวเล็กๆ อย่างเรย์ถึงรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่สามารถจะสู้กับนายทุนอิทธิพลขนาดใหญ่ที่อิงแอบกับอำนาจรัฐแบบนี้ได้ เนื้อเรื่องครึ่งชั่วโมงแรกก่อนเข้าสู่ช่วงแอ็กชั่นของเรื่องถือว่าบิ้วอารมณ์เศร้าสะเทือนใจได้ดีเลย ผ่านการแสดงของเจสันที่ปกติไม่ค่อยเห็นอารมณ์ในแบบนี้นัก ในซีนที่เขาต้องหาที่หนีไปร้องไห้คนเดียวในโรงพยาบาลหลังการตายของภรรยา เป็นอะไรที่เจสันทำได้ดีเกินคาดต่างจากภาพลักษณ์ปกติที่เห็นมาก จนดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วเจสันเลือกเล่นเรื่องนี้เพื่อพลิกบทจากแนวทางปกติของเจสันด้วย

ถึงหนังปูทางไว้อย่างดีในช่วงแรกให้คนดูได้เห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น แต่ช่วงต่อมาเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มาแนวแก้แค้นในทันทีอย่างที่คิด เนื้อเรื่องสคิปเวลาผ่านมา 2 ปี ที่ดูเหมือนพ่อลูกจะทำใจกับการจากไปได้แล้ว แต่กลับเกิดเหตุให้พ่อลูกคู่นี้ต้องกลายมาเป็นอาชญากรที่ FBI ตามล่าตัว หลังเรย์ไปก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงกับ CEO บริษัทยาที่เขาแค้นขึ้น ซึ่งช่วงนี้คนดูคงรู้สึกแปลกๆ อยู่นิดๆ กับบทหนังที่ไม่ได้ปูแบ็คกราวด์ของเรย์ไว้มากมาย นอกจากเป็นคนชอบศิลปะการต่อสู้และสอนลูกเอาตัวรอดในแบบต่างๆ ตั้งแต่เด็ก แต่เรย์กลับกลายเป็นสายบู๊เต็มสูบ ที่เก่งจนเหมือนพวกตัวเอกหนังสายลับเลยก็ว่าได้ เก่งขนาดที่ใช้มือเปล่าสู้กับคนมีปืนที่ถูกฝึกมาได้ หรือแม้แต่นักฆ่าอาวุธครบมือที่มาตามล่าก็ยังไม่รอด จนดูเว่อร์เกินไป แต่แน่นอนว่าพอเป็นหนังแอ็กชั่นคนดูทั่วไปคงสนใจแค่ว่า มันส์ไม่มันส์เป็นหลัก เรื่องความไม่สมเหตุผลอะไรแบบนี้มักถูกมองข้ามไปได้ง่ายๆ ก็ต้องบอกเลยว่าผู้เขียนแม้รู้สึกติดใจกับการที่พระเอกเก่งขึ้นมาแบบเว่อร์ๆ ก็จริง แต่ก็ยังรู้สึกว่าหยวนๆ สนุกไปกับเรื่องได้อยู่ดี ซึ่งตัวหนังก็วางฉากแอ็กชั่นการต่อสู้มือเปล่าปะทะตัวร้ายที่พระเอกค่อยๆ สืบสาวเจอลึกโยงใยขึ้นเรื่อยๆ ได้ดีพอสมควรเลย แต่ก็แอบเห็นจังหวะหลุดคิวกันอยู่บ้าง (แบบต่อยวืดแต่ล้มงี้) หรืออัดกันจนน่วมกับตัวร้ายหลัก แต่ตัวร้ายดันไม่มีแผลหรือเลือดเลยสักนิด

ในระหว่างที่ใส่ฉากแอ็กชั่นเข้ามาเรื่อยๆ อาจจะไม่ถี่แต่ก็มีมาตลอด เนื้อเรื่องก็พ่วงปมดราม่าพ่อที่พยายามปกป้องลูกสาวไปพร้อมกัน โดยเขาพยายามทิ้งลูกสาวเพื่อไม่ให้มาเสี่ยงอันตรายด้วย แต่กลายเป็นว่าตัวลูกกลับดื้อดึงจะอยู่กับพ่อ และแอบติดต่อกับ FBI สาวที่ไล่ล่าพวกเขา ที่กลับกลายมาเห็นใจในความอยุติธรรมที่เกิดกับครอบครัวนี้ขึ้นมา ซึ่งฉากแอ็กชั่นไล่ล่าของ FBI ในช่วงท้ายถูกตัดเอามาเป็นฉากเปิดเรื่องในตอนแรกด้วย ก่อนที่เรื่องจะเล่าย้อนกลับมาชนกันกับฉากที่ตัดไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นเทคนิคการเปิดเรื่องให้ดูน่าตื่นเต้นตามปกติ แต่สำหรับเรื่องนี้ฉากนั้นกลับมีอะไรมากกว่าที่เห็น และกลายมาเป็นจุดหักมุมใหญ่สุดของเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามมา โดยอิงกับชื่อเรื่องนี้ที่เชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่ต้องสงสัยว่าทำไมหนังแอ็กชั่นดุเดือดที่เจสันเล่นกลับตั้งชื่อเป็นผู้หญิงหวานๆ แบบนั้น

จุดหักมุมของเรื่องคือเรย์ตายตั้งแต่เวลาสองปีผ่านไปนานแล้ว ตัวเรย์ที่คนดูได้เห็นมาตลอดคือลูกสาวที่กลายเป็นโรคหลายบุคลิก โดยคิดว่าตัวเองป็นพ่อที่เสียไปตามสืบล้างแค้นให้แม่มาตลอด

 

นักฆ่าตัวร้ายหลักของเรื่องดูโหด แต่ก็มีบทพูดชวนจิตๆ แทรกให้น่าจดจำอยู่เหมือนกัน

ต้องบอกเลยว่าหลังจากเรื่องราวหักมุมทำให้ภาพลักษณ์ของเรื่องที่ดูมาเปลี่ยนไปหมด โดยมีเรื่องปมบาดแผลทางใจของลูกสาวพระเอกมาเกี่ยวข้อง จริงอยู่ที่ว่าการหักมุมครั้งนี้ได้ผลกับคนดูจนอึ้งแบบนะจังงังแน่นอน แต่ก็ต้องบอกว่าทำให้ความสมจริงของเรื่องราวดูอ่อนลงไปอีก แม้จะหยวนๆ ในฐานะหนังแอ็กชั่นได้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกไม่สมเหตุผลต่อเนื่องไปจนจบเรื่องเลย และบทในช่วงหลังนี้เองกลับอ่อนตามลงไปอีก ซึ่งเป็นช่วงสืบสวนถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังที่ต้องใช้หลักฐานเหตุผลมาเอาผิด แต่กลับใช้มุกง่ายๆ เอาผิดตัวร้าย ซึ่งในความจริงหลักฐานแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้แน่นอน จนดูเหมือนหนังหาทางออกให้ตัวเองหลังหักมุมไม่ได้ จนกลายเป็นฉากจบแบบรวบรัดและอ่อนเอามากๆ ซึ่งที่จริงถึงไม่หักมุมตัวเรื่องก็สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้เช่นกัน และอาจจะสมเหตุผลกว่าด้วยซ้ำ แต่ถึงบทหนังจะอ่อนในช่วงหลัง มองในอีกมุมหนึ่งถ้าคนดูสามารถมองข้ามอะไรแบบนี้ไปได้ ก็คงสนุกกับเรื่องราวฉากแอ็กชั่นที่เปลี่ยนไปอีกแบบได้อยู่เช่นกันครับ

Sweet Girl
Sweet Girl

ด้านโปรดักชั่นถือว่าลงทุนสูงพอตัว เรื่องราวค่อนข้างใหญ่โต มีฉากแอ็กชั่นทั้งการต่อสู้ตัวๆ หรือฉากยิง ระเบิด ขับรถไล่ล่าครบ ถือว่าเป็นหนังแอ็กชั่นกึ่งฟอร์มใหญ่ของ Netflix ที่มีดีในจุดหนึ่งจนดึงเจสันมารับบทนำได้ แต่ก็ยังไม่ใช่หนังเดี่ยวของเจสันซะทีเดียว เพราะต้องแบ่งบทกับอิสซาเบลลา นางเอกเด็กกำลังมาแรงเล่นหนังผจญภัยอย่าง Dora and the Lost City of Gold ซึ่งตัวอิสซาเบลลาเองก็มีบทบู้กับฉากแอ็กชั่นในเรื่องให้ด้วยเช่นกัน และต้องเล่นบทส่งอารมณ์กับเจสันอยู่ทุกฉากเป็นส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งเคมีพ่อลูกก็ถือว่าได้ ทำให้คนอินไปกับเรื่องปมสะเทือนใจในครั้งนี้พอสมควรมีซึ้งนิดๆ เพียงแต่เรื่องไม่ได้บิ้วหนักเพราะเทไปทางฉากแอ็กชั่นมากกว่าเท่านั้น

สรุปนี่เป็นหนังแอ็กชั่นดราม่าจาก Netflix เองที่ดึงเจสันมารับบทดราม่าครอบครัวเศร้าสะเทือนใจได้ดีเลย อาจจะดีกว่าฉากแอ็กชั่นของเขาเองในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ถ้าใครตามผลงานของเจสันอยู่ก็คงไม่ผิดหวังกับตัวนักแสดงแน่ แต่อาจจะไปผิดหวังกับบทอ่อนในช่วงหลังของเรื่องที่เจสันถูกลดบทบาทลงไปให้บทลูกสาวขึ้นมาเด่นแทนเท่านั้น

 

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!