playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวหนัง The Flash แฟนเซอร์วิส DC เต็มอิ่ม แต่ผู้ชมทั่วไปคงเข้าไม่ถึงนัก (ไม่มีสปอยล์)

Summary

หนังในจักรวาล DCEU ที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่แฟน DC อยากได้และอยากเห็นมาไว้เกือบทั้งหมด การแสดงของเอซร่าก็ดีขั้นเทพกับแฟลชเวอร์ชั่นนี้มาก การยิงมุกตลกที่เป็นธรรมชาติและช่วงเวลาดราม่าก็ซึ้งกินใจ ฉากแอ็กชั่นโหมกระหน่ำเต็มอิ่มทั้งสไตล์ของโนแลนและแซ็ค (แบบ Man of Steel) การมาของแบทแมนคีตันที่เยี่ยมยอดในฉากต่อสู้ที่เกินคาดกว่าแบทเบนเสียอีก ซูเปอร์เกิร์ลของ ซาช่า ที่สวยเท่ดุดันรุนแรงได้ใจมากๆ  เสียเพียงแค่ตัวร้ายที่ถูกหยิบยืมมาใช้อย่างนายพลซ็อดกับลูกน้องมาไม่สุดแบบหนังเดี่ยวของตัวเอง การเล่นกับประเด็นเวลาในแฟลชพ้อยท์ที่ครบทั้งอดีต อนาคตและมัลติเวิร์สไปพร้อมกัน ซึ่งเต็มไปด้วยตัวละครที่มาแบบเซอร์ไพรซ์เกินกว่าที่คิดไว้ แต่ต้องเป็นแฟน DC มาตลอดถึงจะเก็ท ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้ดูเป็นแนวแฟนเซอร์วิสมากจนเกินกว่าผู้ชมทั่วไปจะเข้าถึงได้ทั้งหมด แม้ภาพโดยรวมจะสนุกมากก็ตามครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นโหมกระหน่ำต่อเนื่องมันส์มาก
  • เต็มไปด้วยตัวละครเซอร์ไพรส์เกินคาด
  • ซูเปอร์เกิร์ลของซาช่าดีงามมาก
  • เล่นกับปมเวลาได้ครบเครื่อง
  • หนังยิงมุกตลกได้เป็นธรรมชาติ
  • ปมดราม่าครอบครัวทำได้กินใจ

 

Cons

  • แนวแฟนเซอร์วิสมากจนผู้ชมทั่วไปเข้าไม่ถึงเป็นส่วนใหญ่
  • เอนด์เครดิตไม่ได้ให้ความหวังอนาคตของจักรวาลใหม่ไว้เลย
  • ฉากต่อสู้ตอนท้ายถูกตัดจบไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิวหนัง The Flash (ไม่มีสปอยล์)

หนังเรื่องสำคัญที่แฟน DC รอกันมานานที่สุด เนื่องจากปัญหานักแสดง การแก้บท ปัญหาการเปลี่ยนประธาน DC ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้หนังเรื่องอยู่ในลักษณะลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด จนกระทั่งกระแสรอบฉายทดลองที่มีมาก่อนนานหลายเดือน ได้เสียงตอบรับในแง่บวกมากๆ ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็เป็นแฟน DC มาตลอดเช่นกัน (ก็ตั้งแต่แบทคีตัน) นี่คือรีวิวจาก Day 1 โรงไอแม็กซ์รอบแรกของไทย ยอมรับว่าคาดหวังไว้เยอะ ซึ่งสุดท้ายผลตอบรับก็มีทั้งส่วนที่ได้ตามที่หวัง ส่วนที่เกินกว่าที่หวัง และยังส่วนที่ผิดหวังเช่นกันครับ รีวิวนี้จึงขอแบ่งทั้ง 3 ส่วนที่แจกแจงให้ผู้อ่านได้ฟังกันนะครับ

ส่วนที่ได้ตามความคาดหวัง

ส่วนนั้นก็คือ ฉากแอ็กชั่นสนุกมันส์ๆ ในแบบ DC เริ่มตั้งแต่ช่วงฉากแรกที่หนังโหมกระน่ำแอ็กชั่นของแบทเบทคู่กับแฟลชในภารกิจที่แยกกันทำ แต่นำเสนอไปพร้อมกัน ทางด้านแบทเบนนั่นคือการนำฉากแอ็กชั่นเรียลๆ ที่หวนให้นึกถึงสไตล์งานของโนแลน เชื่อว่าสักวันแบทแมนแบบนี้ก็จะกลับมาได้อีก ส่วนอีกด้านคือการนำเสนอพลังของแฟลชในแบบที่เว่อร์สุดๆ ตามสไตล์ของตัวละครนี้ ท่าวิ่งที่เป็นเอกลักษณ์แบบของเอซร่า ที่คนมองว่าตลกๆ แต่มันกลับดูแล้วเข้ากันมากกับบุคคลิกติดตลกมีโจ๊กไม่หยุดของแฟลชคนนี้ ที่ยิงมุกตลกได้แทบทั้งเรื่องและใช้ถูกที่ถูกเวลาด้วย หลังจากนั้นแล้วก็ยังมีฉากแอ็กชั่นมันส์ๆ ต่อเนื่องกันมาทั้งเรื่อง แม้แต่แบทแมนของคีตันที่แก่แล้วก็ยังมีฉากบู๊ถึงพริกถึงขิง ระดับที่ฟัดกับลูกน้องของนายพลซ็อดได้ ไม่ใช่แบทแมนที่เน้นหนีแบบที่ผ่านๆ มา รวมถึงฉากแอ็กชั่นแบบ Man of Steel ที่ทุกคนโหยหามาตลอดก็มีครบในเรื่องนี้จากตัวละครซูเปอร์เกิร์ลที่ ซาช่า แคลล์ เล่นได้ดีมากๆ ซึ่งนี่แทบจะเป็นหนังที่หาทางขายฉากแอ็กชั่นแบบ DC ได้เต็มอิ่มที่สุดในช่วงหลังนี้เลย (มากกว่าแบล็คอดัม ทำได้ดีกว่ามากด้วย) ถ้าให้คะแนนฉากแอ็กชั่นก็เกือบเต็ม 10 มีตินิดเดียวก็คือการต่อสู้ช่วงสุดท้ายถูกตัดจบแบบห้วนๆ ไปหน่อย ไม่ใช่การต่อสู้แบบตัดสินขั้นเด็ดขาดแบบหนังตัวละครเดี่ยวที่มีเรื่องราวกับบอสตัวร้ายของตัวเอง แต่เป็นการยืมตัวร้ายของ Man of Steel มา แล้วเพิ่มส่วนของตัวเองเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น ทำให้ไม่สุด แต่ก็เข้าใจได้เพราะนี่เป็นเรื่องราวของแฟลช ไม่ใช่เรื่องของซูเปอร์เกิร์ลหรือแบทแมนที่เข้ามาแจมเท่านั้น  

อีกส่วนที่คาดหวังคือการเล่าเรื่องราวดีๆ โดยเฉพาะประเด็นของแฟลชพ้อยท์ที่เกี่ยวกับเวลา ซึ่งก่อนดูคิดว่าคงเป็นแนวบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์ นั่นคือการไปแก้อดีตทำให้อนาคตเปลี่ยน แต่เรื่องนี้กลับนำเสนอการเล่นกับเวลาที่ต่างออกไปตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นการเล่นกับอดีต อนาคตและมัลติเวิร์สไปพร้อมกัน การเปลี่ยนแปลงอดีตกลับทำให้อดีตก่อนหน้านั้นเปลี่ยนไปได้ ซึ่งในเรื่องอธิบายส่วนนี้ไว้ให้เข้าใจง่าย และนำปมเรื่องคดีของพ่อกับการตายของแม่แฟลชมาใช้ร่วมกับเหตุการณ์ที่แบทแมนก็สูญเสียพ่อแม่ไปเช่นกัน หนังสามารถเล่าเรื่องความเจ็บปวดในจิตใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี การแสดงของเอซร่าก็เข้าถึงจิตใจตัวละครมาก ยิ่งตอนท้ายที่เคลียร์ปมทั้งเรื่องแม่กับพ่อต่อเนื่องกัน หนังสามารถหาทางออกและจบมันในแบบที่สวยงามได้จริงๆ เอาว่าใครอินหน่อยก็มีน้ำซึมแน่นอนครับ 

ส่วนที่ได้เกินความคาดหวัง (มีสปอยล์บางส่วน)

ส่วนที่เกินหวังคือการได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เชื่อว่าแฟน DC ทุกคนก็คงหวังอยากหนังเรื่องนี้เป็นการส่งท้ายตัวละครหลักของ DCEU ทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าคุณได้ตามนั้นแน่ครับ แม้บางคนจะไม่ได้มาเต็มตัวก็ตาม แต่ก็มีตัวละครที่มาเซอร์ไพรส์มากมายที่ขนมาจากจักรวาลเก่าๆ ของ DC และคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาได้ก็ยังโผล่มา แม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือในอดีตนานมาแล้วก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้เอามาทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงเป็นจังและก็ดูดีเสียด้วยสิ ซึ่งตรงนี้ต้องเป็นแฟน DC มาจริงๆ ถึงจะเก็ทกับเรื่องพวกนี้ครับ นอกจากนี้ยังมี Easter Egg เรี่ยราดตามรายทางมากมายที่ใครทันก็จะสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก  

 

บางส่วนที่แอบผิดหวัง

ส่วนที่ผิดหวังก็คือ เรื่องราวยังดูเป็นแฟน DC มากจริงๆ นี่เป็นหนังที่ผู้ชมทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึงได้ทั้งหมด เพราะเน้นแฟนเซอร์วิสมากเป็นพิเศษกว่าเรื่องไหนๆ ที่ DC เคยทำมา ซึ่งตรงนี้จะมีผลกับฟีดแบ็คของผู้ชมที่ไม่ใช่แฟนออกไป ส่งผลให้รายได้ของหนังเรื่องนี้ก็อาจจะไม่ปังอย่างที่หวัง แล้วทำให้ตัวละครที่อุตส่าห์แจ้งเกิดใหม่ในเรื่องอาจจะไม่ได้ไปต่อเอาง่ายๆ อย่าง ซูเปอร์เกิร์ล ที่ซาช่าเล่นไว้อย่างดีมากจนน่าเสียดายถ้าจะจบลงเพียงแค่นี้ 

นอกจากนี้ส่วนที่ผิดหวังเล็กๆ ก็คือเอนด์เครดิตที่ไม่ได้ให้ความหวังว่าจะสานต่อเรื่องราวของแฟลชเอซร่าหรือเผยให้เห็นอนาคตของ DC ในมือเจมส์ กันน์ ต่อไปเลยแม้แต่น้อย แม้เนื้อเรื่องตอนจบจะเผยให้เห็นว่าสามารถทำต่อได้อีกก็ตามครับ

ท้ายที่สุดแล้วนี่คือหนังในจักรวาล DCEU ที่ส่งท้ายได้อย่างสวยงามมาก แม้จะมี Aquaman and the Lost Kingdom อีกเรื่องก็ตาม แต่เรื่องนี้คือการมอบความสุขให้กับแฟน DC ได้อย่างเต็มอิ่มมาก ยังไงก็ห้ามพลาดโดยเฉพาะหนังถ่ายทำในสเกล IMAX ถ้ามีโอกาสก็ควรรับชมในระบบที่ดีที่สุดนี้เช่นกันครับ

ดูรีวิวหนังโรงเรื่องอื่นได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!