playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The School for Good and Evil นิทานแฟนตาซีหัวก้าวหน้าผสมโครงสร้างวัยรุ่นไฮสคูลป๊อบๆ (ไม่มีสปอยล์)

The School for Good and Evil

Summary

หนังแฟนตาซีวัยรุ่นที่เอาโครงสร้างแนวโรงเรียนไฮสคูลมาดัดแปลงให้อยู่ในโลกแฟนตาซีเต็มตัวมีฉากแอ็กชั่น CG ใช้เวทย์มนต์ตลอดเรื่องดูไม่น่าเบื่อ แล้วก็วิพากษ์นิทานยุคก่อนในอดีตที่หลายอย่างดูไม่เมคเซนส์เรื่องตัวละครความดีความชั่วแบบทื่อๆ ทำให้เปิดมุมมองใหม่ดูเป็นเรื่องที่ก้าวหน้ากว่า แต่ตอนท้ายกลับไม่สามารถก้าวพ้นจากจุดทื่อๆ นั้นได้เหมือนเรื่องอื่นๆ อยู่ดี แต่ก็นับว่าเป็นความพยายามที่น่าชมเชย และอยากให้ทำต่อเป็นหนังชุดตามนิยายที่มีอีกหลายเล่มต่อไปครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • โลกแฟนตาซีหัวก้าวหน้าแบบวิพากษ์นินานเรื่องเก่าๆ
  • จับสูตรวัยรุ่นไฮสคูลมาใส่ในโลกแฟนตาซี
  • ฉาก CG แฟนตาซีทำได้ดีในระดับสตรีมมิ่ง
  • สร้างจากนิยายชุดชื่อดัง
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ดาราดังหลายคนแต่บทน้อยไม่เด่น
  • ยังจบด้วยสูตรสำเร็จนิทานแบบเดิมๆ

The School for Good and Evil โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ภาพยตร์แฟนตาซี Netflix สร้างจากหนังสือชุดขายดีทั่วโลกจากปลายปากกาโซมาน ไชนานี กำกับโดยพอล เฟก (Last Christmas) นำแสดงโดยโซเฟีย แอน คารูโซ, โซเฟีย ไวลี่, ชาร์ลิซ เธอรอน ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น และ มิเชล โหย่ว 

เรื่องราวของสองเพื่อนสนิท โซฟีกับอกาธา ที่หลุดเข้ามาในโลกแฟนตาซีเวทมนตร์โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ที่สั่งสอนนักเรียนคนละด้านเพื่อให้กลายเป็นตัวละครในเรื่องราวแฟนตาซีทั่วโลก ทั้งคู่อยู่คนละฝั่งของโรงเรียน ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอยู่ผิดที่ ผิดโรงเรียน จึงพยายามหาทางแก้ไขเหตุการณ์ที่กลายมาเป็นความวุ่นวายโกลาหลของทั้งสองโรงเรียน 

 The School for Good and Evil (2022) on IMDb

 

รีวิว The School for Good and Evil (ไม่มีสปอยล์)

ภายนอกเรื่องนี้ดูเหมือนแนวนิทานแฟนตาซีสมัยใหม่มากๆ แต่ความจริงแล้วเนื้อแท้การดำเนินเรื่องราวมันคือแนววัยรุ่นไฮสคูลในโรงเรียนดีๆ นี่เอง แค่เพียงเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่างๆ ให้เป็นโลกมีเวทย์มนต์ อย่างที่เห้นชัดในเรื่องคือการที่สาววัยรุ่นสองคนต้องเข้าไปอยู่ในโรงเรียนแบบเด็กหน้าใหม่ที่เหมือนมาอยู่ผิดที่ ถูกบูลลี่กลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ มีตัวละครชายป๊อบสุดของโรงเรียนที่สาวๆ แอบหลงรักเป็นลูกเจ้าชายอาเธอร์ ซึ่งนางเอกก็แอบปิ๊งรักด้วย อยากให้เขารัก อยากให้เขาพาไปออกงานเต้นรำ ซึ่งก็เหมือนงานพรอมประจำไฮสคูลดีๆ นี่เอง รวมถึงความพยายามต้องการให้สังคมโณงเรียนยอมรับ โดยการสร้างจุดเด่นจุดขายทั้งความสวย การเป็นตัวร้ายตัวแสบ หลายๆ อย่างในเรื่องนี้คือชี้ชัดเลยว่าเป็นหนังวัยรุ่นไฮสคูลนี่แหละ แต่ถูกจับมาแปลงร่างให้อยู่ในโลกเวทมนต์แฟนตาซีเท่านั้น

แต่ถึงตัวเรื่องจะยังคงใช้สูตรพล็อตน้ำเน่าอะไรแบบนั้นมาผสม แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้ดูน้ำเน่าซะทีเดียว เพราะตัวเรื่องก็พยายามอย่างหนักที่จะเล่นปมเรื่องความดีกับความชั่วที่วัดค่ากันจากภายนอกหรือการกระทำไม่ได้ ในเรื่องนี้ตัวละครที่ไม่ใช่นางเอกทั้งคู่ทุกคนคือมีมุมมองในโลกแค่ขาวกับดำ ดีกับเลว ต่างฝ่ายต่างเชื่อสุดตัวว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง ทำตามกฎของโรงเรียนทั้งดีกับชั่วแบบสุดโต่ง ซึ่งตัวนางเอกทั้งสองคนก็ถูกวางให้มีรูปลักษณ์ที่คนนึงยังไงก็ดูเป็นเจ้าหญิง (โซฟี) แต่ต้องไปอยู่ในโรงเรียนความชั่ว อีกคนคือดูเป็นแม่มดกลับต้องไปอยู่โรงเรียนความดี ซึ่งตัวเรื่องน่าสนใจทันทีที่บทบาทกับรูปร่างถูกสลับกัน และต้องไปพบเจอกับสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อว่านี่คือที่ๆ ถุกต้องของเธอ ตัวเรื่องพยายามสร้างรูปแบบความดีกับชั่วให้ไปสุดทาง แบบเสียดสีความจริงในเรื่องเล่านิทานแฟนตาซีต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งส่วนนี้ทำออกมาได้ดีทำให้มีมุมมองใหม่ต่อนิทานต่างๆ แตกต่างออกไป เรียกว่าเป็นนิทานยุคใหม่ที่หัวก้าวหน้า กล้าต่อว่าติเตียนนินานในอดีตที่หลายๆ อย่างพอมาอยู่ในยุคนี้มันไม่เมคเซนส์นักว่า ทำไมตัวละครต่างๆ ถึงเป็นสเตริโอไทป์ด้านชั่วกับดีทื่อๆ ได้แบบนั้น 

แต่ถึงเรื่องนี้จะพยายามหัวก้าวหน้าในการวิพากย์นิทานยุคเก่าๆ ค่อนข้างเยอะก็ตาม แต่ตัวเรื่องก็ยังไม่อาจจะหนีเบสิคพื้นฐานไปได้ไกลนักอย่างที่วิพากษ์เรื่องอื่นๆ เพราะสุดท้ายเรื่องราวก็ยังคงตามสูตรอยู่หลายอย่าง ตัวร้ายที่ต้องการครองโลกแบบทื่อๆ นางเอกที่หลงผิดแล้วสำนึกขึ้นมาทื่อๆ กลับตัวได้ไวแบบไม่น่าเชื่อ การพยายามบอกว่าทุกคนเทาๆ มีทั้งดีและชั่วผสมรวมกัน แต่เรื่องตอนท้ายก็กลายเป็นความดีชนะทุกอย่างหมดอยู่ดี ตัวละครทุกตัวฝ่ายร้ายกลับตัวเป็นคนดี ทั้งๆ ที่โจทย์ตอนแรกดูเหมือนจะวิพากษ์ว่าทำไมนิทานต่างๆ ความดีต้องชนะตลอด แม้เราเข้าใจได้ว่านิทานที่ไม่ดาร์คมันไม่สามารถจะบิดสูตรสำเร็จนี้ได้นัก ไม่งั้นคงไม่มีพ่อแม่ซื้อให้ลูกอ่านหรือโดนโจมตีสารพัดแน่นอน  ซึ่งพอเรื่องนี้เล่นโจทย์แบบนั้นขึ้นมาในตอนแรก ก็หวังว่าเรื่องนี้จะหาทางออกตอนจบได้ดีกว่า แต่กลายเป็นว่าก็ยังหาคำตอบดีๆ ไม่ได้ว่าทำไมความดีต้องชนะแบบเท่ๆ ได้ตลอดเหมือนเดิม กลายเป็นการสรุปจบแบบง่ายๆ ตามสูตรนี่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่กับความคาดหวังที่เรื่องพยายามสร้างไว้ตลอดทาง

ตัวเรื่องได้ดารามีชื่อหลายคนมาเล่นเป็นบทสมทบ ที่เอาจริงๆ ก็แทบไม่ได้มีบทสำคัญอะไรมาก ใครที่หวังว่ามิเชลโหย่วกับมอเฟียสจะมาร่ายรำแอ็กชั่นแฟนตาซีอะไรในเรื่องนี้ก็ไม่มีครับ แต่เข้าใจไ้ดเพาะเรื่องนี้ตัวหลักคือนางเอกวัยรุ่นทั้งคู่ที่ดำเนินเรื่องสลับไปมาตลอดเวลา ซึ่ง Sophia Anne Caruso ที่เล่นเป็นโซฟีเด่นกว่า Sofia Wylie ที่เล่นเป็นอกาธามาก นอกจากความสวยแล้วก็เพราะความที่ตัวร้ายของเรื่องมักเด่นกว่าอยู่แล้วด้วย

ส่วนงานวิชวลเอฟเฟ็กต์ CG ในเรื่องก็ทำได้ดี มีมาเรื่อยๆ หลายฉากค่อนข้างต่อเนื่อง แต่ไม่ถึงกับว้าวอะไรมาก เพราะยังคงดูหลอกตาอยู่บ้าง  เหมือนเป็น CG ระดับทำลงสตรีมมิ่งแค่นั้นครับ

 

ตัวเรื่องจบแบบมีทิ้งท้ายต่อภาคต่อไปไว้เลย ซึ่งก็เพราะนิยายเรื่องนี้มีอีกหลายเล่ม ทางเน็ตฟลิกซ์ก็น่าจะนำมาสร้างต่อไปเรื่อยๆ แน่นอนเช่นกันครับ ก็ถือว่าเป็นงานสร้างภายนตร์เน็ตฟลิกที่มีดีพอให้ชมได้หลายจุดอยู่เหมือนกัน

 

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!