playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Sky Is Everywhere (apple TV+) หนังรักวัยรุ่นใจพังๆ ที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร (ไม่สปอยล์)

สรุป

หนังรักวัยรุ่นที่เรื่องราวแปลกแตกต่างจากทั่วไปมาก ด้วยการเน้นหนักไปที่อาการซึมเศร้าจมทุกข์ของนางเอกที่ฉุดให้อนาคตทุกอย่างของเธอล่มสลาย พร้อมกับเรื่องราวรักสามเส้าที่ชวนให้คิดเรื่องผิดทางศีลธรรมระดับหนึ่ง แต่ที่เด่นสุดของเรื่องคืองานภาพที่สวยมากจนเหนือกว่าทุกอย่างในเรื่อง ตัวหนังอาจจะไม่ถึงกับสนุกมากเพราะบทของนางเอกทำตัวน่ารำคาญได้สมบทบาทจนน่าหงุดหงิดกับการกระทำของนางตลอดเรื่อง แต่ก็แนะนำให้ลองรับชมกันดูครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • หนังรักวัยรุ่นอมทุกข์เหมือนทั้งโลกพังทลาย
  • งานภาพที่สวยเด่นจนเหนือกว่าทุกอย่างในเรื่อง
  • นักแสดงเล่นได้สมบทบาทกับมีเสน่ห์แปลกๆ
  • ปมรักสามเส้าที่น่าติดตาม

 

Cons

  • ความสามารถทางดนตรีในเรื่องไม่ได้ถูกนำมาใช้อะไรมาก
  • นางเอกเปลี่ยนไปแบบง่ายๆ ในตอนท้ายจนดูไม่สมเหตุผล
  • บทของนางเอกดูน่ารำคาญมากถึงมากที่สุด (แต่ก็สมตามบทที่วางไว้)

 

 

The Sky Is Everywhere หนังรักวัยรุ่นจากงานสร้างของ apple TV+ ที่เล่าเรื่องราวความรักอันมืดหม่นของสาววัยรุ่นแรกแย้มที่อมทุกข์ไปกับการเสียพี่สาวไป จนทำให้ชีวิตตัวเองดิ่งจมลงไปเรื่อยๆ และละทิ้งพรสวรรค์ด้านดนตรีกับอนาคตของตัวเธอไปจนหมดสิ้น

ความยาวหนัง 1 ชั่วโมง 40 นาที

 The Sky Is Everywhere (2022) on IMDb

ตัวอย่าง The Sky Is Everywhere

หนังจากนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียน Jandy Nelson  ซึ่งเป็นผลงานเปิดตัวของเธอ แล้วก็ไปเตะตาเข้ากับสตูดิโอ A24 ที่ทำ Euphoria ซีรีส์วัยรุ่นดังของ HBO ผลงานเรื่องนี้ได้ผู้กำกับ Josephine Decker ที่ค่อนข้างโนเนมมาเป็นผู้สร้าง ซึ่งก็เป็นผลงานแนววัยรุ่นรักที่ไม่ได้โรแมนติกนัก แต่เน้นไปที่เรื่องราวการสูญเสียคนที่รักจนจิตใจพัง จนทำลายชีวิตของสาววัยรุ่นแรกแย้มคนหนึ่งไป

เรื่องย่อ

เลนนี่กับเบย์ลี่สองพี่น้องที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกันอย่างมาก เธออาศัยอยู่กับลุงกับยายที่เลี้ยงพวกเธอมาหลังแม่ของเธอเสียชีวิตไป เลนนี่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี ส่วนเบย์ลี่ถนัดด้านการแสดง ชีวิตของทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี แต่แล้ววันหนึ่งเบย์ลี่พี่สาวก็เกิดหัวใจหยุดเต้นขณะกำลังซ้อมบทละคร นั่นทำให้เลนนี่ใจสลายหายไปจากโรงเรียน และจมดิ่งกับความทุกข์ที่เธอเสียพี่สาวไป จนเมื่อเธอกลับมาเรียนอีกครั้งก็ได้พบกับโจ หนุ่มที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีเช่นกันซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเธออีกครั้ง

รีวิว The Sky Is Everywhere

หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักวัยรุ่นก็จริง แต่ก็ไม่ได้มาตามสูตรหนังวัยรุ่นทั่วไป เพราะเปิดมาก็แหวกแนวให้นางเอกของเราจมทุกข์อยู่การสูญเสียพี่สาวไป ซึ่งอาการหมกหมุ่นทางจิตจนเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าของเธอก็คือสิ่งที่เราจะได้พบเจอตลอดการรับชมเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีเรื่องรักแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ประเด็นหลักของเรื่องนี้คือการที่สาววัยรุ่นคนหนึ่งรู้สึกไร้ที่พึ่งพาทางใจ แม้จะมีลุงกับยายเลี้ยงมา แต่เธอกลับโทษว่าทั้งสองคนนี้มีส่วนทำให้พี่สาวของเธอตาย ซึ่งตัวละครของเลนนี่จะเป็นสาวที่ชีวิตจมทุกข์ผสมกับความเกรี้ยวกราดอาละวาดไปทั่วกับทุกคน จนผู้ชมต้องรู้สึกรำคาญคาแรกเตอร์ที่เหมือนผีบ้าของเธอมากพอตัวเลย แต่นั่นก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นแปลกๆ ที่แตกต่างจากหนังวัยรุ่นทั่วไปค่อนข้างมาก

แม้นางเอกจะเป็นแนวร้ายๆ แต่แน่นอนว่านี่ยังเป็นหนังรักอยู่ ในเรื่องเธอจะได้พบกับโจหนุ่มที่มีพรรสวรรค์สาวกรี๊ดทั้งโรงเรียนมาสนใจในตัวเธอ ซึ่งก็เป็นความรักครั้งแรกของเลนนี่ที่เธอเองก็วางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้ชายพยายามเข้ามาหาเธอเพื่ออะไร ซึ่งถ้ามีแค่โจเรื่องนี้ก็คงธรรมดาไป ตัวเรื่องยังมีโทบี้แฟนของพี่สาวเธอที่ตายไปมาเกี่ยวข้องด้วย แล้วก็กลายเป็นความสัมพันธ์แปลกๆ ที่เหมือนรักสามเส้าก็ไม่ใช่ แต่ก็คล้ายๆ เพราะเรื่องทำให้โทบี้กับเลนนี่คนจิตใจพังๆ สองคนมาเยียวยากันจนเผลอใจมีความสัมพันธ์ทางกายในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ไปกระตุ้นความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของสาวบริสุทธิ์อย่างเล่นนี่ ตัวเรื่องดำเนินไปแบบทั้งสองคนรู้ว่าผิด แต่ก็ห้ามใจไม่ได้ ก็กลายเป็นนางเอกของเรื่องนี้คือสาวนอกจะทำตัวร้ายๆ แล้ว ยังเหมือนเป็นคนโลเลจับปลาสองมือเรื่องความรักอีกด้วย แต่บทก็ไม่ได้ถึงกับทำให้เธอเป็นคนเลวขนาดนั้น เรียกว่ามีการปูที่มาที่ไปในความสัมพันธ์แต่ละครั้งให้คนดูเชื่อว่าเธอทำไปเพราะมีเหตุผลจริงๆ

แม้พล็อตเรื่องจะแปลกจนเป็นจุดเด่นแล้ว แต่ที่เด่นเกินหน้าพล็อตเรื่องก็คืองานภาพที่สวยสุดๆ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับดนตรีด้วยในระดับหนึ่ง อาจจะไม่เยอะมากแค่ก็มีส่วนสำคัญกับเรื่องราว เมื่อตัวหนังถึงฉากที่ต้องใช้ดนตรีเดินเรื่อง ฉากในเรื่องจะถูกเปลี่ยนไปแบบกึ่งๆ แฟนตาซีพร้อมด้วยงานภาพสวยแปลกคล้ายฉากในมิวสิควิดีโอ แต่ก็ไม่ถึงกับตัดภาพไปมาแบบนั้น ซึ่งงานภาพที่ออกมากับฉากดนตรีทุกอย่างคือดีงาม จนถ้าเรื่องนี้ทำแนวดนตรีล้วนๆ ออกมาโดยไม่ได้เน้นปัญหาจมทุกข์ของนางเอกก็อาจจะเป็นหนังแนวดนตรีที่มีฉากสวยที่สุดอันดับต้นๆ ที่มีการสร้างมาเลย และไม่ใช่ฉากดนตรีที่สวย แต่ทุกฉากที่เรื่องราวดำเนินไปก็มีมุมกล้องการถ่ายทำที่สวยงามมากไม่แพ้กัน ยิ่งบ้านของนางเอกอยู่ในป่า ฉากที่ถ่ายออกมาจึงเป็นภาพแนวธรรมชาติสวยๆ ให้ได้ดูกันตลอดเรื่อง

แต่จุดด้อยของเรื่องก็คือการที่เรื่องไม่ไปสุดสักทาง ในประเด็นของพรสวรรค์ทางด้านดนตรีนางเอกไม่ได้ถูกนำออกมาใช้เป็นไฮไลท์ของเรื่องราวเลยสักนิด แม้จะผูกตัวเอกที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีฉากไหนเน้นตรงนี้ให้เป็นไฮไลท์พิเศษ มีเพียงแค่การใช้เพลงกับเครื่องดนตรีเป็นทางผ่านของเรื่องราวให้ทั้งคู่ปิ๊งกันเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีเรื่องการแข่งขันในโรงเรียนนิดหน่อยกับเพื่อนร่วมชั้นที่มองว่าเธอเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้ขับเคลื่อนอะไรในเรื่องเลยจนจบ เหมือนผู้สร้างแค่เปิดมาแล้วก็ปิดจบมันง่ายๆ ให้ปมการแข่งขันดนตรีฝ่อไปเองอย่างน่าเสียดายมาก

ส่วนด้านความรักก็เหมือนกัน ด้วยความที่เรื่องต้องการเน้นจิตใจพังๆ ของนางเอก ทำให้เรื่องค่อนข้างดูน่ารำคาญไปกับการทำตัวเวิ่นเว้อโวยวายเหมือนโลกทั้งโลกพังจากที่พี่สาวเธอตาย ซึ่งตัวบทไม่ได้แสดงออกมาให้เราได้รู้สึกเห็นใจเธอเท่าไหร่ ตัวเรื่องลากยาวกับอาการพังๆ ของเธอไปจนเกือบจบ แล้วจู่ๆ ก็เหมือนหมดเวลาหนังจะจบแล้ว ก็พลิกให้นางเหมือนคิดได้ปรับเปลี่ยนตัวเองในทันที ซึ่งมันขาดความน่าเชื่อในตัวเพราะหนังทำให้เราเห็นเหมือนเธอแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้วทั้งเรื่อง แต่กลับมาเปลี่ยนกันง่ายๆ ชั่วพริบตาได้ไง อันนี้คือจุดที่ทำให้ไม่อินกับความรักในเรื่องนี้เลย (ผู้เขียนอินเข้าใจกับความรักของเธอกับโทบี้ที่จิตใจพังๆ ด้วยกันมากกว่าซะอีก)

ตัวนักแสดงเอง Grace Kaufman ถ่ายทอดบทเลนนี่ออกมาได้ดี เธอมีเสน่ห์ในแบบบ้านๆ ตามบทเด็กสาวที่เป็นรองพี่สาวมาตลอด เพียงแต่คาแรกเตอร์ของเธอไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกรักได้ลงเท่านั้น ส่วนตัวเอกอีกชายอีก 2 คน นักแสดง Jacques Colimon เล่นเป็นโจ หนุ่มน้อยฮอตๆ ได้น่ารักดี แต่บทของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าแค่ซัพพอร์ทนางเอกของเรื่อง ส่วนโทบี้ เล่นโดย Pico Alexander ที่บทให้มาพัวพันกับเล่นนี่เป็นคนจิตใจพังๆ สองคนมาเจอกัน ด้วยความเหงาทำให้ทั้งคู่เผลอใจไปหลายครั้ง ซึ่งบทของโทบี้ค่อนข้างมากกว่าโจซะอีก แล้วก็เป็นบทที่มีอะไรน่าสนใจน่าเอาใจช่วยที่สุดของเรื่องแล้วจากความรักต้องห้ามที่ผิดหรือไม่ผิดถ้าคนรักตายจากไปแล้วจะมีอะไรกับน้องสาวของเธอได้หรือไม่ นี่เป็นคำถามทางศีลธรรมที่เรื่องโยนมาให้คนดูขบคิด

สรุป The Sky Is Everywhere สนุกและดีไหม

เป็นหนังรักวัยรุ่นที่รสชาติแปลกแตกต่างจากสูตรปกติทั่วไปมาก อาจจะไม่สนุกอะไรมาก แต่ความดีงามของเรื่องก็มีมากพอสมควร อยากให้ทดลองรับชมกันเองมากกว่าว่าจะชอบหรือไม่กับแนวทางแปลกๆ ของเรื่องนี้ครับ

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!