รีวิว Twisters ทวิสเตอร์ส 2024 หนังพายุทอร์นาโดที่มีดีมากกว่าแค่รอดู CG เพียงอย่างเดียว
Twisters
Summary
ถือว่าเป็นการกลับมาสานต่อหนังพายุเรื่องดังได้ดีกว่าภาคแรกค่อนข้างมากในแง่ของเนื้อเรื่องที่มีหัวใจกว่า นักแสดงหลักทั้ง 3 คนมีเสน่ห์ลงตัวกับบท แต่ว่าในส่วนของพายุยังไม่มีความสดใหม่มาก แค่ออกมาถี่กว่าโดยไม่ไต่ระดับ F อีกแล้วไปเน้นที่ความแปลกเพิ่มเข้ามากับอุปกรณ์ตัวช่วยใหม่ๆ อย่างรถสว่านเจาะยึดพื้นที่เป็นฮีโร่จุดขายของเรื่อง และนำมาคอมโบกับอุปกรณ์หยุดพายุของนางเอกที่ลงตัว จนผูกพันเป็นพาร์ทความรักเบาๆ ที่เรื่องสอดแทรกไว้ได้กลมกล่อมพอดีๆ ลงตัวเลยครับ
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- ภาคต่อเนื้อเรื่องใหม่จากภาคปี 1998
- ผู้กำกับเกาหลี Lee Isaac Chung ที่เข้าชิงออสการ์จากเรื่อง Minari
- ความสัมพันธ์ตัวละครหลักทำได้ดี
- ฉากพายุออกถี่และบ่อย
- อุปกรณ์ไล่ล่าพายุทันสมัยแปลกตา
- นักแสดงมีเสน่ห์เข้ากับบทมาก
Cons
- ความสดใหม่ของพายุไม่มาก
- เนื้อเรื่องยังคงสูตรสำเร็จแบบง่ายๆ
รีวิว Twisters ทวิสเตอร์ส 2024 (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
ภาพยนตร์ภาคต่อและเป็นเนื้อเรื่องใหม่จาก Twister 1996 ที่เป็นตำนานหนังดังเรื่องหนึ่งในยุคนั้น ด้วยเนื้อหาการต่อสู้กับภัยธรรมชาติอย่างพายุทอร์นาโดที่แปลกใหม่ด้วยพลังของ CG ในยุคนั้นที่เป็นจุดขายหลัก และก็ทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องระดับพายุ F1-F5 ในวงกว้างด้วย การทำภาคใหม่ในอีก 28 ปีหลังก็ดูยากเหมือนกันว่าหนังจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ เพราะจุดขาย CG ในปัจจุบันนี้ก็เรียกว่าคนดูคุ้นชินกันไปหมดแล้ว
หนังยังคงเค้าโครงเรื่องการไล่ล่าพายุแบบเดิมไว้ แต่ว่าเปลี่ยนจากการไล่ตามระดับมาด้วยเซอร์ไพรส์ 10 นาทีแรกที่จัดเต็มอย่างน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่จะพาตัวละครเข้าสู่เรื่องราวดราม่า นางเอกเคท คูเปอร์ (รับบทโดย Daisy Edgar-Jones) จากนักศึกษาสาวไล่ล่าทำลายพายุกลายเป็นคนทำงานออฟฟิสที่ไม่คิดจะไปเจอพายุอีกเลย ซ้ำยังเป็น PTSD จากเหตุการณ์ในอดีต แต่สุดท้ายเธอก็กลับมาไล่ล่าพายุอีกครั้ง เพราะเพื่อน จาวิ (รับบทโดย Anthony Ramos) ดึงเธอมาช่วยตามล่าสแกนพายุเพื่อเก็บข้อมูลนำไปป้องกันภัยให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้พาเธอไปเจอกับ ไทเลอร์ โอเว่น (รับบทโดย Glen Powell) ยูทูปเบอร์ผู้มีชื่อเสียงในการไล่ล่าพายุอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งบทของทั้ง 3 คนนี้คือตัวเดินเรื่องที่มีความลึกมากกว่าภาคก่อน ทั้งการแก้ไขปมในจิตใจของนางเอกที่ติดตัวมาตลอด ความรักก่อตัวขึ้นระหว่างการเป็นคู่แข่งของไทเลอร์ที่มีนิสัยบ้าระห่ำชอบโชว์ออฟ แต่จริงๆ ก็มีหัวใจ และเบื้องหลังของชีวิตจาวิที่พบเหตุการณ์เดียวกันกับนางเอก แต่ว่าเขาเลือกทางเดินที่ต่างออกไป ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คนคือตัวช่วยพยุงและผลักดันเรื่องราวระหว่างพักการไล่ล่าพายุในแต่ละช่วงได้อย่างดีเกินกว่าแค่จะมาเน้นนั่งดู CG กันอย่างเดียวแบบภาคแรก หนังมีหัวใจมากกว่า แม้เรื่องจะยังเดาได้ไม่ยากเพราะหนังก็ยังสูตรสำเร็จฮอลลีวู๊ดไว้ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะการได้ผู้กำกับเกาหลี Lee Isaac Chung ที่เข้าชิงออสการ์จากเรื่อง Minari มานั่นเอง จึงทำให้พาร์ทความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ดูเป็นแค่ส่วนเกินฆ่าเวลาแบบภาคแรก และก็ไม่ได้กินเวลาแทรกช่วงพายุมากมายอีกด้วย
ช่วงพายุของภาคนี้ด้วยความที่ไม่ได้เลือกเล่นไต่ระดับ F กันอีกแล้ว หนังจึงหันไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ด้วยพายุที่แปลกตากว่าเดิม อย่างพายุ 2 ลูกที่เข้ามารวมกันและแยกออกจากกัน และเล่นกับพายุระดับ F5 ได้มากกว่าลูกเดียวแบบภาคก่อน เน้นฉากการทำลายล้างบ่อยและถี่กว่า แบบที่พักแปบๆ พายุก็มาเลย แต่ว่ามันก็ไม่ถึงกับสดใหม่นักเพราะเรื่องก็นำเสนอการทำลายล้างมาหมดแล้วในภาคก่อน ตัวเรื่องจึงหันไปนำเสนออุปกรณ์ตัวช่วยใหม่ๆ สู้กับพายุให้ดูแปลกตาทันสมัย อย่างโดรนนำร่องไปหาพายุ รถที่มีสว่านยึดเกาะพื้นได้ของไทเลอร์ ที่หนังใช้เจ้านี่บ่อยจนเป็นเหมือนเครื่องมือหลักในการต่อสู้กับการถูกพายุทอร์นาโดหอบได้เลย โดยมีคอมโบคู่กับอุปกรณ์ทำลายพายุของเคทที่เนื้อเรื่องคือการตั้งเป้าทดลองทำให้สำเร็จ หนังดึงเอาอุปกรณ์ของทั้งคู่เข้ามารวมกันเป็นเส้นเรื่องความผูกพันของคนบ้าพายุ 2 คนที่มาเจอกันได้อย่างลงตัวเลย
และไม่ใช่แค่บทที่ดีเท่านั้น หนังยังคัดเลือกนักแสดงได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวมาก Daisy Edgar-Jones เธอคือผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ และก็ขึ้นกล้องน่ามองมากทุกฉาก ในบทที่ทั้งลุยๆ และบ้าระห่ำเป็นตัวเอกของเรื่องมากกว่าพระเอก และยังมีบทของคนที่ป่วยใจมีความบอบช้ำจากเหตุการณ์ที่พาให้ความสามารถของเธอจากสูงสุดสู่ก้นหีบที่ล็อกไว้ โดยมีไทเลอร์ที่ Glen Powel เข้ามาช่วยปลดล็อกความสามารถนี้ออกมา และพาเธอกลับมาสู้พายุได้อย่างที่ตั้งใจไว้ในอดีต ซึ่งเสน่ห์ของ Glen ก็ขึ้นกล้องมากจากนักล่าพายุลงยูทูปที่แรกๆ คือโชว์ออฟขี้เก๊กจนน่าหมั่นไส้ก็กลายมาเป็นอีกคนในตอนหลังที่มีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก และ Anthony Ramos ในบทเพื่อนนางเอกที่มีปมในอดีตร้าวลึกเก็บซ่อนไว้ก็เหมือนกัน เขาเป็นตัวละครที่เลือกทางที่แตกต่างและต้องหาทางชดใช้สิ่งที่ก่อไว้โดยไม่รู้ตัวจากหายนะหลังพายุที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีตัวละครสมทบที่น่าจับตามองคือ David Corenswet ในบทนักวิทยาศาสตร์จากบริษัทเอกชนที่อยู่ทีมเดียวกับจาวิ แต่นักแสดงคนนี้คือตัวเอก Superman ภาคใหม่ที่กำลังถ่ายทำอยู่และฉายปีหน้า 2025 ซึ่งเดวิดหุ่นให้ออร่าพระเอกออกมากๆ เพียงแต่บทนี้ได้ออกมานิดเดียวแล้วก็ไม่ได้มีบทสำคัญกับเรื่องมากนักครับ (ทั้งๆ ที่เรื่องจะทำก็ทำได้ แต่ไม่ทำ)
สรุป ถือว่าเป็นการกลับมาสานต่อหนังพายุเรื่องดังได้ดีกว่าภาคแรกค่อนข้างมากในแง่ของเนื้อเรื่องที่มีหัวใจกว่า นักแสดงหลักทั้ง 3 คนมีเสน่ห์ลงตัวกับบท แต่ว่าในส่วนของพายุยังไม่มีความสดใหม่มาก แค่ออกมาถี่กว่าโดยไม่ไต่ระดับ F อีกแล้วไปเน้นที่ความแปลกเพิ่มเข้ามากับอุปกรณ์ตัวช่วยใหม่ๆ อย่างรถสว่านเจาะยึดพื้นที่เป็นฮีโร่จุดขายของเรื่อง และนำมาคอมโบกับอุปกรณ์หยุดพายุของนางเอกที่ลงตัว จนผูกพันเป็นพาร์ทความรักเบาๆ ที่เรื่องสอดแทรกไว้ได้กลมกล่อมพอดีๆ ลงตัวเลยครับ