playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ Valley of Tears HBO หนังสงครามจากมุมมองยิวที่โคตรเรียล!

Valley of Tears

สรุป

ลิมิเต็ดซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริงของสงครามอาหรับ – อิสราเอล ย้อนยุคได้อย่างสมจริง ฉากสงครามโดดเด่นมีรายละเอียดลงลึก และสมจริงมากจนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่เป็นงานสร้างหนังสงครามจากมุมมองยิวโดยตรง

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากสงครามย้อนยุคที่สมจริงเอามากๆ
  • งานสร้างย้อนยุคที่เก็บรายละเอียดได้เนี๊ยบมาก
  • มุมมองของสงครามจากทหารอิสราเอลทั้งชายและหญิง ให้ความรู้สึกแตกต่างจากหนังสงครามที่สร้างโดยฝรั่ง
  • ไม่ใช่แค่เรื่องสงคราม ยังมีเรื่องการเมืองการประท้วงรัฐบาลในอิสราเอลเองร่วมด้วย
  • ดนตรีประกอบระทึกเข้ากับจังหวะฉากเกิดสงครามได้ดี

Cons

  • ใส่เรื่องราววิถีชีวิตของยิวมาเต็มที่ในช่วงแรก จนคนดูอาจจะรู้สึกว่าไกลตัวไม่น่าสนใจ
  • มีแค่มุมมองของอิสราเอลฝ่ายเดียว

 

Valley of Tears ลิมิเต็ดซีรีส์ 10 ตอนจบของ HBO สร้างจากเรื่องจริงของ สงครามอาหรับ – อิสราเอล ที่ระเบิดขึ้นในวันสำคัญทางศาสนาของ ชาวยิว คือวันโยมคิปปูร์ (Yom Kippur) ในขณะที่ชาวอาหรับเรียกว่าสงครามเดือนตุลาคม หรือสงครามรอมฎอน (Ramadan War)

 Valley of Tears (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Valley of Tears HBO

ซีรีส์ย้อนไปสมัยปี 1973 ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์สงครามวันโยมคิปปูร์ เล่าเรื่องผ่านมุมมองของฝ่ายยิวอิสราเอล ถึงหน่วยทหารแนวหน้าที่ปะทะกับกองกำลังจากซีเรียกับอียิปต์ที่เปิดฉากบุกแบบไม่รู้ตัว โดยตั้งใจเลือกเอาช่วงวันทางศาสนาที่มีการอดอาหาร และเป็นช่วงที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดสงคราม ซึ่งตัวเรื่องจะเจาะลึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนสงคราม ซึ่งในอิสราเอลเองก็กำลังมีการประท้วงจากประชาชนที่รวมตัวกันเป็นหน่วยก่อกวนรัฐ โดยมีทหารแนวหน้าของอิสราเอลเข้าร่วมด้วยจากเหตุผลที่โดนกดขี่ด้านชนชั้น แต่เมื่อเกิดสงครามเขากลับต้องมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประเทศชาติในที่สุด

ก่อนอื่นต้องเข้าใจเหตุที่สงครามนี้สำคัญจนถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ สงครามครั้งนี้เป็นการบุกครั้งใหญ่ของซีเรียกับอียิปต์ร่วมกันเพื่อมุ่งหวังยึดดินแดนศักสิทธิ์อิสราเอลและเมืองเยรูซาเลมกลับมา โดยที่ทั้งสามฝ่ายเองก็มีสหรัฐกับโซเวียตในตอนนั้นหนุนหลังอยู่ด้วย (สหรัฐหนุนอิสราเอล โซเวียดหนุนซีเรีย อียิปต์) ต่อมาอิสราเอลบุกกลับไปได้ จนกลายเป็นการรุกข้ามพรมแดนไปยังสองประเทศ ซึ่งหมิ่นเหม่จะกลายเป็นสงครามใหญ่โตจากสองชาติมหาอำนาจ ที่ตอนนั้นกุมกำลังอาวุธนิวเคลียร์กันไว้อยู่ จนได้ UN มาเบรคให้พักสงบศึกกันได้ในที่สุด (สนใจอ่านเชิงลึกเพิ่มเติมแนะนำที่กระทู้พันทิป คลิกที่นี่ครับ)

ในซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนฉากหน้าหนึ่งของสงครามที่สำคัญมากในตะวันออกกลาง และก็หยิบเอาศึกย่อยในศึกใหญ่ของโยมคิปปูร์ที่ถูกเรียกว่า Valley of Tears อันเป็นชื่อเรื่องมาเล่า ในศึกย่อยนี้คือกลุ่มทหารรถถังจำนวนน้อยที่ต่อต้านการบุกของซีเรีย ที่ขนรถถังและกองกำลังทหารมามากมายกว่าหลายเท่าได้สำเร็จ รวมถึงช่วงที่ป้อมปราการของอิสราเอลถูกบุกจนแตกพ่าย และในนั้นก็มีความสำคัญทางด้านข้อมูลของชาติรวมอยู่ด้วย

จุดเด่นของเรื่องนี้หลักๆ คือ “ความสมจริงของสงครามในรายละเอียดจนน่าทึ่ง” ในแบบที่คงมีหนังไม่กี่เรื่องรู้สึกได้แบบนี้ ซึ่งฉากแรกที่เปิดตัวออกมาด้วยจรวดยิงลงมาถล่มป้อมใกล้ตัวทหารไม่กี่เมตร ทั้งแรงสั่นไหว เศษระเบิด หลายๆ อย่างทำออกมาได้สมจริงสุดยอดมาก แบบฉากนี้ฉากเดียวคุณจะรู้สึกได้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้มีความจริงมากแค่ไหน และต่อจากนั้นก็คือรายละเอียดการรบในระยะประชิดทั้งจากการถล่มป้อม รถถังดวลรถถัง ซึ่งตัวเรื่องมีรายละเอียดการต่อสู้ของทหารอิสราเอลทุกขั้นตอนแบบที่ไม่เคยเห็นในเรื่องไหนมาก่อน และด้วยความที่เรื่องนี้สร้างจากทีมงานอิสราเอลเอง ความสมจริงเชิงลึกเหล่านี้จึงเชื่อได้ว่าถูกต้องแทบทั้งหมดแน่นอน เพราะซีรีส์ใส่จุดเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาไว้ทั้งหมด แม้กระทั่งเรื่องความประมาทของอิสราเอลจนทำให้ช่วงแรกถูกบุกหนักถอยร่นจนเกือบแพ้แบบนี้ก็ถูกแสดงให้เห็นไว้ในช่วงแรกของซีรีส์ จากการที่ทหารหน่วยดักฟังพยายามแจ้งบอกแล้วว่าจะมีการบุกเปิดฉากสงครามในวันนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ (ก่อนนี้อิสราเอลบุกอียิปต์ชนะจากสงคราม 6 วัน พร้อมสร้างฐานที่มั่นต่างๆ ไว้เพื่อต่อต้านการบุกรุกใหญ่โต จนไม่มีใครเชื่อว่าจะมีการบุกมายึดอิสราเอลได้) ในเรื่องยังมีการตัดฟุตเทจจริงของบริบทเหตุการณ์จริงช่วงนั้นมาประกอบ ทำให้เรื่องดูสมจริงเหมือนสารคดีประวัติศาสตร์เสริมเข้าไปด้วย

แม้ความสมจริงของฉากสงครามในเรื่องนี้จะโดดเด่นมากจริงๆ แต่ตัวเรื่องก็มีช่วงดราม่าลากยาวนานๆ ก่อนจะเข้าสู่สงครามในตอนท้าย EP1 ซึ่งถ้าคนไม่อดทนรอดูจนถึงฉากสำคัญฉากแรกที่บอก ซีรีส์เรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะดูไม่น่าสนใจในมุมมองคนดูที่ไม่ได้คลุกคลีหรือสนใจเรื่องในตะวันออกกลาง เพราะตัวเรื่องเต็มไปด้วยการพูดถึงสิ่งต่างๆ ในอิสราเอล ชีวิตของยิวในทางศาสนา รวมถึงคำเรียกต่างๆ ที่เป็นศัพท์เฉพาะของยิว ที่ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจหรือใกล้ตัวคนดูทางเอเชียอย่างเราได้เลย รวมถึงอาจจะงงๆ ด้วยว่าตัวละครในเรื่องมีปัญหาอะไรกับชีวิต ถึงลากเรื่องการประท้วงรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามในเรื่องนี้ในตอนแรก

ตัวเรื่องนอกจากการสู้รบแล้ว ยังเผยให้เห็นความผิดพลาดของทหารอิสราเอลด้วยกันเองในเหตุการณ์นี้ด้วย ทั้งการประมาทเลิ่นเล่อจนทำให้ถูกบุกตีป้อมแตก ความกดดันจนสติแตกยิงพวกเดียวกันเองตายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นศัตรูที่มาบุก ซึ่งถือว่าเรื่องค่อนข้างแฟร์ที่เปิดเผยมุมเหล่านี้ และเรายังได้เห็นบทบาทหน้าที่ของทหารหญิงที่ในอิสราเอลถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งชายและหญิงมีหน้าที่เป็นทหารกันทุกคนตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย ซึ่งในเรื่องนี้จะมีทหารหญิงปะปนอยู่ตลอดเรื่อง แต่ตัวเรื่องจะโฟกัสเพียงคนเดียวที่ถูกสั่งให้หนีไป แต่เธอกลับย้อนกลับมาที่แนวหน้าช่วยเหลือสามีที่อยู่แนวหน้า ซึ่งตัวเรื่องก็คงเขียนบทนี้ไว้เพื่อโชว์ให้เห็นความเด็ดเดี่ยวของทหารหญิงอิสราเอลที่ชาติอื่นอาจจะแค่ไม้ประดับ แต่ที่นี่คือทหารตัวจริงทุกคนแน่นอน

ตัวเรื่องมาทุกวันพฤหัส ในตอนแรก HBO ปล่อยออกมาสองตอนรวด จากนั้นก็มาอาทิตย์ละตอนครับ ใครสนใจซีรีส์สงครามที่แตกต่างห้ามพลาดครับ เพราะนี่คือหนังสงครามจากทีมงานประเทศตะวันออกกลางทำเองที่คุณภาพสูงมากแบบที่ไม่เคยได้เห็นกันมาก่อนแน่นอนครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์เรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!