playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Warrior Nun (Netflix) แม่ชีนักรบในเงามืดของประวัติศาสตร์วาติกัน

Warrior Nun

สรุป

ตัวเรื่องมีพล็อตที่ไม่ได้แปลกใหม่มากนัก มีส่วนผสมสูตรสำเร็จรักวัยรุ่นเข้ามาด้วยในครึ่งแรก แต่ว่าตัวเนื้อหาอื่นๆ มีรายละเอียดหลายอย่างลึกและทำออกมาได้น่าสนใจ มีประเด็นท้าทายความเชื่อทางศาสนาคริสต์มาเป็นเรื่องหลัก งาน CG ถือว่าทำได้ดีมีคุณภาพ ฉากแอ็กชั่นมีเป็นระยะๆ และก็ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดจากหน้าตานักแสดงวัยรุ่นหญิงทั้งเรื่อง มีความโหดเรต 18+ ผสมปนอยู่ด้วย แต่แย่ตรงเรื่องถูกตัดจบในฉากสุดท้ายแบบไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ทำต่อในซีซั่น 2 นี่จะกลายเป็นเฟลเอามากๆ ครับ (อัพเดทยืนยันเน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวทำต่อแล้วหลังยอดคนดูสูงมากติดท็อปต้นๆ)

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
4.5 (6 votes)

Pros

  • สกิลความสามารถของนางเอกเหมือน X-Men และก็มีรายละเอียดเชิงลึกให้เล่นเยอะ
  • เรื่องรักวัยรุ่นมโนเพ้อๆ ของนางเอกที่ดูตลกโรแมนติกนิดๆ กำลังดี
  • ตัวละครในกลุ่มแม่ชีแต่ละคนมีสกิลกับบทเด่นไม่แพ้กัน
  • ประเด็นท้าทายความเชื่อศาสนาผ่านอำนาจของวาติกัน
  • มุมมองของวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ความเชื่อในศาสนา
  • ตัวเรื่องมีหลายโลเกชั่นโบราณสถาณสวยงาม
  • งาน CG ผสมฉากแอ็กชั่นในเรื่องทำออกมาได้ดี

Cons

  • พล็อตเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่นัก
  • ครึ่งแรกเป็นแนวชีวิตรักวัยรุ่นเยอะ (แต่มีเหตุผลรองรับว่าทำไมเดินเรื่องแบบนี้)
  • กลุ่มแม่ชีแต่ละคนดูเป็นวัยรุ่นเด็กๆ จนดูขัดตา
  • ตอนจบที่โดนตัดจบแบบไม่ลงตัวดีในซีซั่นแรก

 

 

 

Warrior Nun ซีรีส์ Netflix จากหนังสือการ์ตูนอเมริกันเรื่อง Warrior Nun Areala ของ Ben Dunn เรื่องราวของกลุ่มแม่ชีนักรบที่เป็นเงามืดในประวัติศาสตร์ของการต่อสู้กับปีศาจร้ายจากนรก ภายใต้การปกครองของวาติกัน
 Warrior Nun (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Warrior Nun

รีวิวไม่มีสปอยล์เปิดเผยเนื้อหาจุดสำคัญของเรื่อง

ซีรีส์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากการ์ตูนมาก่อน โดยดึงตัวเอก ซิสเตอร์แชนนอน จากในการ์ตูนมาดัดแปลงเรื่องราวขึ้นใหม่ แต่ยังอิงโลกในการ์ตูนไว้หลายอย่างอยู่ และใส่ส่วนผสมของซีรีส์จาก Netflix ลงไปอย่างพวกความรักวัยรุ่น ซึ่งแม้พล็อตเรื่องจะดูธรรมดามากกับซีรีส์แนวนี้ที่มีมาก่อน อย่าง Van Helsing (ผู้สร้างคนเดียวกันด้วย Simon Barry) ที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงนักล่าปีศาจ แต่ตัวเรื่องมีความลึกและอะไรหลายอย่างที่แตกต่างไปมากเหมือนกัน

เรื่องเริ่มขึ้นโดย “ซิสเตอร์แชนนอน” แม่ชีหัวหน้ากลุ่ม “คณะดาบกางเขน” ต้องมาจบชีวิตลงในภารกิจแรกอย่างเป็นปริศนา และในร่างกายเธอมีวัตถุโบราณศักสิทธิ์ที่ถูกเรียกว่า “เฮโล (Halo)” หรือวงแหวนของฑูตสวรรค์ ที่มีพลังอำนาจมหาศาลให้แก่ผู้ครอบครองสิ่งนี้ แต่วัตถุชิ้นนี้คือแกนหลักของกลุ่มแม่ชีนักรบเหล่านี้ที่มีมานับพันปี เมื่อผู้ครอบครองเดิมสิ้นอายุขัยก็ต้องมอบให้คนใหม่ต่อไป และทางกลุ่มแม่ชีได้วางตำแหน่งผู้สืบทอดไว้แล้ว แต่กลายเป็นว่า “เอวา” สาววัยรุ่นที่ประสบอุบัติเหตุมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นอัมพาตมานานกลับได้ครอบครองมันโดยบังเอิญ และชุบชีวิตเธอขึ้นจากความตาย จนกลายเป็นคนที่ทางกลุ่มแม่ชีต้องฝากความหวังให้เป็นผู้นำกลุ่มเพื่อต่อสู้กับปีศาจต่อไป แต่เอวากลับไม่คิดแบบนั้น และขอเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง

วงแหวนเฮโล
วงแหวนเฮโลที่ต้องฝังเข้าไปกลางหลังของผู้สืบทอด

เนื้อเรื่องแม้จะดูไม่แปลกใหม่อะไรเลยสักนิดจริงๆ แถมตัวอย่างยังพยายามขายมุกตลกให้ดูเหมือนเรื่องไม่ได้จริงจังอะไรมาก แต่ตัวเรื่องจริงค่อนข้างแตกต่างไปจากที่คิดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะความลึกของเนื้อหาและประเด็นต่างๆ ที่ไม่ได้เล่นแบบฉาบฉวย และเรื่องไม่ได้เดินไปตามสูตรอย่างที่คิดในตอนแรก อย่างสูตรสำเร็จคนธรรมดาที่ได้พลังมา แล้วก็ต้องมาฝึกใช้ก่อนจะกลายเป็นผู้กู้โลกอะไรทำนองนี้ ในเรื่องนี้ตอนแรกก็ชวนให้คิดว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เรื่องกลับมีแค่นิดเดียวโดยให้นางเอกได้หลงเข้าไปเพื่อทำความเข้าใจว่าตัวเองได้พลังอะไรมา จากนั้นก็หลุดจากสูตรนั้นมาเลยด้วยการผจญภัยไปกับชีวิตของเธอเอง จากซีรีส์แนวแอ็กชั่นนักล่าปีศาจกลายเป็นซีรีส์รักวัยรุ่นผจญภัยไปกับพระเอกหนุ่มหล่อซะครึ่งเรื่อง เป็นจุดที่ใครไม่ชอบก็จะเลิกดูได้ง่ายๆ เลย แต่เรื่องก็มีเหตุผลที่วางไว้ดีพอสมควร เพราะตลอดชีวิตนางเอกเป็นอัมพาตติดเตียงมาตลอด แถมตายไปแบบไม่รู้ตัว (แบบมีปมปริศนาค่อยๆ เล่าย้อนกลับว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่) พอฟื้นกลับมาเดินได้ปกติ ก็ต้องอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งก็บังเอิญมาเจอกับกลุ่มของพระเอกที่เป็นอาชญากรนักต้มตุ๋นแนวๆ แบดกาย (แถมหล่อมากด้วย) เรื่องจึงผลักดันประเด็น “เจตจำนงเสรี (free will)” ให้ดูเข้ากับเรื่องราวการค้นหาตัวตนชีวิตวัยรุ่น ซึ่งเธอมีพลังกับสิ่งที่เป็นความหวังของกลุ่มแม่ชีที่มีมาพันปี แต่ในยุคนี้ใครจะอยากไปมีชีวิตแบบนั้นกันเล่า? เรื่องในส่วนนี้จึงเหมือนช่วงเวลาที่ให้คนดูทำความเข้าใจนิสัยตัวตนของนางเอกเรื่องนี้ที่มีความแปลกๆ หลายอย่างอยู่เหมือนกัน โดยเรื่องจะถ่ายทอดเสียงในความคิดของนางเอกออกมาให้ได้ยินเป็นเรื่องเล่าอยู่ตลอดเวลา และก็ตลกนิดๆ เมื่อความคิดกับการกระทำของนางเอกมักไม่ตรงกัน บางทีก็แอบมโนเพ้อๆ ผู้ชายไปตามวัยฮอร์โมนว้าวุ่นขำๆ ด้วย

แต่ส่วนที่ว่านี้จะอยู่แค่ช่วงครึ่งแรกของเรื่องเท่านั้น ครึ่งหลังตัวเรื่องพานางเอกกลับมาจากการผจญภัยรักวัยรุ่น และก็เดินเรื่องเข้าไปสู่ปริศนาทั้งในอดีตและปัจจุบันที่มีความคลุมเครือตั้งแต่จุดกำเนิดของ “คณะดาบกางเขน” เป็นจริงตามตำนานที่บันทึกไว้หรือไม่ การพยายามพิสูจน์ว่าวาติกันหลงไหลในอำนาจปกครองมวลมนุษย์ผ่านความกลัวปีศาจ คำสอนเรื่องเทวฑูต นรก ดินแดนสวรรค์ที่ไร้ซึ่งอายุขัยและการเจ็บป่วยมีจริงหรือไม่ ซึ่งถือว่าตัวเรื่องกล้านำเสนอความเชื่ออีกแบบที่ท้าทายศาสนาอยู่ไม่น้อยในแบบนิยายของ “แดนบราวน์” ที่มักค้นหาความจริงจากความเชื่อในศาสนาที่บอกเล่าต่อกันมา และอาจจะกลายเป็นเรื่องลวงโลกได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องช่วงหลังขมวดเข้าปมพิสูจน์ความเชื่อพวกนี้ได้ลึกพอตัวเลย และก็ไม่ได้จบแบบคาดเดาง่ายแบบที่คิดอีกด้วย

แต่เรื่องก็ไม่ได้หนักไปที่การผจญภัยของนางเอกซะทั้งหมด ตัวเรื่องพยายามปูเนื้อหาทั้งในอดีตจุดกำเนิดของ “คณะดาบกางเขน” ย้อนไปยังสมัยที่คนแรกได้ครอบครองเฮโลว่ามาที่มาจากไหน และค่อยๆ แนะนำตัวละครหลักแม่ชีคนอื่นที่มีความสำคัญกับเรื่องมาทีละคน แต่ละคนก็มีสกิลพิเศษแตกต่างกัน โดยมีเรื่องการสืบหาสาเหตุการตายของ “ซิสเตอร์แชนนอน” ในตอนเปิดเรื่องอยู่เป็นระยะๆ จากคำพูดสุดท้ายของเธอที่บอกแก่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวว่า “อย่าไว้ใจใครทุกคน” ที่ทำให้เรารู้ว่าในกลุ่มตัวละคร “คณะดาบกางเขน” ต้องมีอะไรปกปิดไว้ และคนร้ายตัวจริงอยู่ในกลุ่มนี้ ทำให้เรื่องดูไม่น่าไว้ใจว่าอาจจะมีหักหลังคนดูได้ตลอดเวลา และก็ซ่อนความลับนี้ไว้ได้ดีจนถึงที่สุด แม้อาจจะเดาได้ แต่ก็ต้องมีโดนสับขาหลอกระหว่างทางแน่นอน เพียงแต่ตอนแรกที่ดูจะรู้สึกว่ากลุ่มแม่ชีแต่ละคนดูเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่สมจริงเลยกับโครงเรื่องล่าปีศาจแบบนี้ แต่เรื่องก็ให้เวลาอธิบายตัวตนของแต่ละคนเยอะ และก็มีฉากแอ็กชั่นโชว์สกิลพิเศษที่ทำออกมาได้ดี บางฉากนี่ถือว่าดีมาก บางครั้งก็มีความโหดแบบติดเรต (เรื่องนี้ 18+) จนทำให้ทดแทนหน้าตาคาแรกเตอร์ที่ไม่สมจริงไปได้ (แม้จะยังรู้สึกแบบนี้อยู่ตลอดเรื่อง)

ในเรื่องยังปูความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวละครจากวาติกัน ศาสนาคริสต์ และวิทยาศาสตร์ ในแบบโลกใหม่ ที่วิทยาศาสตร์พยายามอธิบายคำสอนของศาสนาให้เป็นวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ ผ่าน “อาร์คเทค” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี แต่กลายเป็นการเข้ามาของวิทยาการสมัยใหม่ทำให้คนที่ครอบครองอำนาจในศาสนาอย่างวาติกันกลับรู้สึกสั่นคลอน เหมือนกำลังโดนลบหลู่ดูหมิ่น และมีทฤษฎีสมคบคิดเรื่องวาติกันพยายามครองอำนาจผ่านการหลอกลวงผู้คนโดยใช้ศรัทธาและความกลัวปีศาจมาเป็นเครื่องมือ ซึ่งเรื่องก็พยายามเปิดสงครามระว่าง ศาสนา VS. วิทยาศาสตร์ เข้ามาเป็นประเด็นสำคัญในเรื่อง แต่น่าเสียดายที่ว่าเรื่องยังไปไม่สุดทางในซีซั่นนี้ แค่ใส่มาแบบปูทางไว้ซีซั่นต่อไปเท่านั้น

ตัวเรื่องมีหลายโลเกชั่นทั้งวาติกันจริงๆ และปราสาท หมู่บ้านเก่าแก่ ที่ถ่ายทอดออกมาได้สวยงาม ดูเป็นซีรีส์ที่ลงทุนใส่ใจกับรายละเอียด มีงานโปรดักชั่นที่ดี โดยเฉพาะ CG ที่ทำออกมาดีผ่านพลังพิเศษของนางเอกในแบบต่างๆ ที่เหมือน X-Men ดีๆ นี่เอง และก็ใส่มาอยู่เป็นระยะตั้งแต่ตอนแรกเริ่มเลย และก็มีฉากโชว์สกิลที่เป็นเมนหลักของเรื่องคือการทะลุกำแพง เป็นสกิลสำคัญไว้แก้ปริศนาสำคัญของเรื่อง เมื่อนางเอกสามารถทะลุเข้าไปยังห้องลับโบราณต่างๆ ได้ และไม่ได้ง่ายเพราะระหว่างที่นางเอกเดินทางอยู่ในผนังนั้นต้องพบเจออุปสรรคแบบไม่คาดคิด

นอกจากนี้ก็มี CG ผสมกับฉากแอ็กชั่นของแม่ชีในเรื่อง ที่เว่อร์ถึงขั้นเร็วจนสู้กับปืนได้ แต่เสียดายที่ช่วงโชว์แบบนี้มีแค่กลางเรื่องเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเป็นฉากแอ็กชั่นการต่อสู้กับปีศาจที่มาสิงร่างมนุษย์ เรื่องก็มีโชว์การไล่ผีในแบบฉบับของตัวเอง ผ่านอาวุธพิเศษที่มีโลหะศักสิทธิ์ผสมอยู่ มีเพียงวาติกันกับคณะดาบกางเขนเท่านั้นที่มีใช้ ซึ่งตัวปีศาจในเรื่องก็มีทั้งปกติและระดับบอส ที่อลังการพอตัว และก็ไม่ได้ปิดบังเพราะโผล่มาตั้งแต่แรกเลย แถมยังออกมาบ่อยมากตามเนื้อเรื่องที่ว่าใครที่ครอบครอง Halo จะต้องเห็นและถูกพวกนี้ตามล่าไปตลอดชีวิต

ตัวเรื่องทั้งหมดมี 10 ตอน แต่ละตอนก็ถือว่ายาวประมาณ 45-50 นาที แต่เรื่องก็ยังเล่าอะไรไม่หมด และค้างไว้ซีซั่น 2 โดยเฉพาะฉากจบที่ถูกตัดจบกลางทางฉากต่อสู้สำคัญ แบบไม่ค่อยให้ความรู้สึกเหมือนฉากจบเลย ทำให้ซีซั่น 1 ของเรื่องนี้แม้จะทำออกมาดีหลายอย่าง แต่ก็หวั่นใจว่าถ้าไม่ได้ทำต่อนี่คือเรื่องค้างกลางทางแบบแย่มากเลยครับ

(อัพเดทยืนยันเน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวทำต่อแล้วหลังยอดคนดูสูงมากติดท็อปต้นๆ)

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!