playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Zom 100: Bucket List of the Dead แนวซอมบี้โลกสวยสดใสที่บทไม่ดีมาก แต่ถ้าชอบแนวนี้ก็ควรต้องดู!

Zom 100: Bucket List of the Dead

Summary

ถือเป็นแนวซอมบี้ที่มีไอเดียแปลกใหม่น่าสนใจมากกับการเล่นในธีมสดใสมองโลกในแง่บวกทั้งเรื่อง ซึ่งใครที่ชอบหนังซอมบี้อยู่แล้วก็ควรต้องดู แต่ต้องเข้าใจว่านี่เป็นหนัง Live Action ดังนั้นบทมันก็จะมีหลุดๆ ไม่ค่อยสมเหตุผลแทบทั้งเรื่องอยู่แล้วครับ 

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซอมบี้ในธีมสดใสมองโลกในแง่บวก
  • พระเอกมีเสน่ห์
  • เมคอัพซอมบี้ได้น่ากลัวดี
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ช่วงท้ายกลายเป็นแนวแอ็กชั่นหนังเกรดบี
  • บทมีหลุดๆ ไม่อธิบายค่อนข้างเยอะ
  • นางเอกขาดเสน่ห์

Zom 100: Bucket List of the Dead หนังญี่ปุ่น Original Netflix เรื่องราวของเด็กจบใหม่ที่โดนเจ้านายใช้งานหนักไปวันๆ ก่อนที่เหตุการณ์ซอมบี้ระบาดจะเป็นตัวช่วยให้เขาหลุดพ้นจากงานประจำ และหันมาโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำ 100 ข้อก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้
Zom 100: Bucket List of the Dead (2023) on IMDb

รีวิว Zom 100: Bucket List of the Dead

หนังซอมบี้จากผู้เขียนมังงะ Alice in Borderland ที่ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ของ Netflix จนดัง เรื่องนี้คือผลงานต่อมาของเขาที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์อย่างมากเช่นกัน และก็ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะก่อนมาเป็นหนัง Original Netflix โดยผู้กำกับ Yûsuke Ishida และอำนวยการสร้างโดยสตูดิโอ ROBOT ผู้ผลิตซีรีส์ Alice in Borderland ด้วยเช่นกัน

 

ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนไม่เคยอ่านมังงะเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่รู้จักเพราะความดังของมัน อยากลองอ่านแต่ก็ไม่ว่างเพราะหลายเล่มและยังไม่จบด้วย ซึ่งพอมาเป็นหนัง 2 ชั่วโมงจบเลยก็น่าจะเหมาะกับคนทั่วไปที่ไม่ต้องการอะไรยาวๆ แต่อยากลองดู ซึ่งถ้าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จก็อาจจะกลายมาเป็นซีรีส์ต่อมาให้ Netflix ได้อีก ซึ่งผลที่ได้ตอนนี้ก็ติดท็อปในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย

จุดเด่นสุดๆ ของเรื่องอยู่ที่ไอเดียแนวซอมบี้แบบโลกสดใส ตัวเอกอากิระ เทนโด แสดงโดย Eiji Akaso นักแสดงสุดหล่อก็มอบความสดใสให้กับเรื่องนี้ได้ตามโจทย์ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของเขาในบทเด็กหนุ่มที่เจอสภาพการทำงานที่แรกที่แสนหดหู่ 1 ปี ก่อนที่โลกจะโดนซอมบี้ระบาด ทำให้เขาไม่ต้องไปทำงาน ก็เลยลิสต์สิ่งที่อยากทำขึ้นมา 100 ข้อ แต่ว่าในเรื่องก็ยังแค่ 10 กว่าข้อเองที่ทำ ซึ่งแต่ละข้อก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตสดใสเป็นไปในทางบวกที่เขาดันทำไม่ได้ในโลกปกติ เพราะติดกับดักที่ทำงานที่ดูดเวลาไปจนหมด ซึ่งตัวเรื่องก็พาผู้ชมไปดูว่าเขาลิสต์ไว้ว่าจะทำอะไรในชั่วโมงแรกคนเดียวล้วนๆ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงหาเพื่อน มีทีมผจญภัยไปด้วยกัน และก็เจอกับข่าวลือถึงเขตปลอดภัย ซึ่งก็เริ่มกลับเข้ามาในสูตรแนวซอมบี้ปกติ ก่อนที่จะหักมุมดึงเรื่องกลับไปเจอโลกการทำงานที่แสนน่าเบื่ออีกครั้ง ซึ่งตัวเรื่องช่วงนี้ดรอปลงจากชั่วโมงแรกมาก ทั้งเหตุผลและธีมโลกสดใสก็หายไป กลายเป็นความพยายามเน้นแอ็กชั่นสู้กับบอสฉลามมีขา ซึ่ง CG อยู่ในระดับหนังเกรดบี ถ้าไม่มีที่มาจากมังงะและเป็นแนวตลกก็คงแย่ไปเลยเช่นกันครับ

ส่วนที่น่าชมก็คือ พวกเมคอัพซอมบี้ทั้งหลายที่ทำออกมาดีมาก ซึ่งหลายฉากทำออกมาได้สยองมากไปเลย และก็เป็นซอมบี้ที่วิ่งได้ กระโดดได้ ทำให้มีความน่ากลัวค่อนข้างมาก แม้นี่จะเป็นแนวตลกก็ตามที ซึ่งส่วนใหญ่มุกตลกจะอยู่ในวิธีหนีหรือปราบซอมบี้ที่ใช้เสียงล่อ มากกว่าจะเป็นฉากฆ่าซอมบี้ซึ่งมีน้อยมากในเรื่องนี้ (ไม่มีปืนในเรื่องด้วย)

ตัวนักแสดงนอกจากพระเอกที่เล่นได้ดีมากแล้ว (แม้บทจะไม่ดีมากในช่วงหลัง) นักแสดงเพื่อนพระเอกก็มีการผูกปมความบาดหมางในอดีตให้ต้องมาแก้ไขในโลกซอมบี้ ทำให้เป็นตัวเด่นมากพอๆ กัน โดยมีนางเอกสาวอีกคนที่มีนิสัยไม่เอาใคร แต่พอได้ร่วมทางด้วยกันก็ช่วยทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองชีวิตไปในทิศทางใหม่ ซึ่งบทเหล่านี้เป็นแนวโลกสดใสทั้งหมด เพียงแต่นักแสดงที่เล่นเป็นนางเอกไม่มีเสน่ห์เท่าที่ควร (แสดงโดย Mai Shiraishi)

ตัวร้ายของเรื่องนอกจากซอมบี้ก็คือหัวหน้าจอมเฮี๊ยบของเรื่องที่เล่นโดย Kazuki Kitamura ที่เป็นนักแสดงดัง เขาเล่นได้อย่างน่าหมั่นไส้มากตลอดเวลา โดยบทก็เสียดสีวิถีชีวิตทำงานหนักของคนญี่ปุ่น แต่กรณีนี้คือใช้งานลูกน้องคนอื่นเพื่อความสำเร็จของตัวเองล้วนๆ 

 

ถือเป็นแนวซอมบี้ที่มีไอเดียแปลกใหม่น่าสนใจมากกับการเล่นในธีมสดใสมองโลกในแง่บวกทั้งเรื่อง ซึ่งใครที่ชอบหนังซอมบี้อยู่แล้วก็ควรต้องดู แต่ต้องเข้าใจว่านี่เป็นหนัง Live Action ดังนั้นบทมันก็จะมีหลุดๆ ไม่ค่อยสมเหตุผลแทบทั้งเรื่องอยู่แล้วครับ 

 

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!