playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Young Royals เรื่องรัก (ลับ) ราชวงศ์ร้อน (ไม่สปอยล์)

สรุป

มินิซีรีส์ดราม่าโรแมนติก 6 ตอนจากสวีเดน อัดแน่นด้วยความกดดันและอึดอัดของการเป็นรัชทายาท ชนชั้นสูง สะท้อนภาพของคนยากไร้ที่พยายามไขว่คว้าทุกอย่างตามความต้องการของตัวเอง การเล่าเรื่องแบบเรื่อย ๆ เนือย ๆ ไม่ฉูดฉาด ไม่เข้มข้น แต่ทำให้เราได้ซึมซับตัวละคร เข้าใจในความคิดและการกระทำ ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติของทุกคน ดนตรีประกอบสุดแนว และเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ แต่ตกม้าตายเพราะบทสรุปที่สุดแสนจะขัดใจผิดกับการปูเรื่องทั้งหมดมา

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
3.78 (9 votes)

Pros

  • ซีรีส์สะท้อนสังคมของคนหลากชนชั้นในสวีเดน
  • ประเด็นความรัก LGBTQ+ ในราชวงศ์ที่น่าสนใจ
  • ดราม่ากระชากอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
  • การแสดงอันเป็นธรรมชาติของนักแสดง
  • เพลงประกอบที่ติดหูแม้ไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร

Cons

  • เล่นกับการค้นหาตัวเอง หรือเพศสภาพของตัวเอกแบบผิวเผิน
  • ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เหมือนเอาซีรีส์หลาย ๆ เรื่องมาตีความแบบเนือย ๆ
  • 6 ตอนแอบสั้นไปกับประเด็นที่ปูมาทั้งหมด
  • บทสรุปของเรื่องจบได้ขัดใจมาก ทุกอย่างที่ปูมาไม่มีความหมาย

Young Royals (เจ้าชาย) มินิซีรีส์ 6 ตอน แนวดราม่าข้ามผ่านวัยจากประเทศสวีเดนที่ตีแผ่เรื่องราวแสบ ๆ ของคนในโรงเรียนประจำที่เต็มไปด้วยความรัก ความลับ เซ็กส์ ยา และผลประโยชน์ พ่วงมาด้วยหน้าที่และตำแหน่งที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเหนือกว่าความสัมพันธ์ผ่านตัวละครเจ้าชายหนุ่มที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เพื่อครอบครัวจนกลายเป็นเรื่องราวบานปลายที่แสนเจ็บปวด

 Young Royals (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Young Royals

รีวิว Young Royals

เมื่อข่าวฉาวของเจ้าชายวิลเฮล์ม รัชทายาทแห่งราชวงศ์สูงส่งหลุดรอดดังไปทั่วโลกโซเชี่ยล ด้วยอภิสิทธิ์ของความเป็นเจ้าชาย ครอบครัวราชวงศ์จึงส่งตัวเขาใหไปที่โรงเรียนประจำฮิลเลอร์สก้าร์ที่ ๆ ซึ่งคนมีหน้ามีตาเรียนอยู่ที่นั่น และเขาได้รู้จักกับ ออกัสตุส เพื่อนของพี่ชายที่คอยมาดูแลและพาเขาเข้าสู่โลกของอิสระที่ไร้ขีดจำกัดมากกว่าที่คาดการณ์ พร้อมทั้งเฟลิซ สาวผิวดำที่ใฝ่ฝันจะได้ครอบครองเจ้าชายเพื่อประคับประคองฐานะตัวเอง ซาร่า สาวสวยผู้ร่าเริงและเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์หรือสมาธิสั้นที่มีความสามารถโดดเด่นในการควบคุมม้าในคอกของเฟลิซอีกที แต่เบื้องหลังโรงเรียนประจำที่ดูสวยหรูแต่จริง ๆ มีการเหยียดทางชนชั้น การรับน้องสุดหฤโหดผิดมนุษย์ ผลประโยชน์ระหว่างครูกับนักเรียน และการทำทุกอย่างเพื่ออยู่ในจุดที่สูงสุด ท่ามกลางความสับสนและวุ้นวายวิลเฮม์ได้พบกับความสัมพันธ์ที่ชวนให้ถลำลึกกับ ซีมอน เด็กหนุ่มผู้ยากไร้ พี่ชายของซาร่าที่ทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถอยู่โรงเรียนนี้อย่างปกติสุด ความเห็นอกเห็นใจนำมาสู่ความรักระหว่างชายหนุ่มสองคน จนกระทั่งเหตุบางอย่างที่ผลักดันให้วิลเฮลม์ต้องเลือกว่าจะทำหน้าที่ตามราชวงศ์ต้องการ หรือความรักที่จริงแท้ของเด็กหนุ่มธรรมดาแบบไม่ต้องกังวลกับผลที่ตามมา

เรื่องราวถูกเล่าแบบไม่เน้นฉูดฉาดเน้นให้เห็นสภาพของตัวละคร ความคิด และแรงจูงใจที่ทำให้ตัวละครทำสิ่งต่าง ๆ และมีผลกระทบเป็นวงกว้างชวนให้นึกถึงซีรีส์ GOSSIP GIRLS ซีรีส์อเมริกันที่พูดถึงความสัมพันธ์ของโรงเรียนประจำสุดไฮโซที่แสนซับซ้อน แต่นี่มาในแนวของความสัมพันธ์ที่มีเพศ LGBTQ+ มาเกี่ยวข้องยิ่งเพิ่มความยุ่งเหยิงในการเล่นประเด็นมากขึ้นอีก ซึ่งแม้ในชื่อเรื่องจะเหมือนให้ความสำคัญกับตัวเอก แต่หนังยังแบ่งพาร์ทตัวละครให้เราได้รู้จักมากกว่านั้น และทำให้เห็นว่าคนในเรื่องสามารถทำได้ทุกอย่างแม้แต่การหักหลังกันเองเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย เล่นเอาตัวเอกเจ้าชายวิลเฮล์มแทบลมจับ เพราะนอกจากความสัมพันธ์กับซีมอนที่ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่าครั้งไหน ๆ เขายังต้องเจอกับการทุจริตภายใน และความจริงอันดำมืดเกี่ยวกับคนรอบตัว แต่ก็แอบเสียดายที่โทนเรื่องมันออกมาในสไตล์ยุโรปจึงไม่ค่อยมีอะไรที่แปลกใหม่ เรื่อย ๆ ช้า ๆ ให้ได้สัมผัสตัวละคร และประเด็นที่น่าเล่นอย่าง เจ้าชายจะรักกับสามัญชนคนธรรมดาได้จริงหรือ และการค้นห่าตัวเองเรื่องเพศสภาพกลับไม่มีแต่เป็นการเล่นกับความรู้สึกมากกว่าว่ารู้สึกยังไง หรือความตึงเครียดของการถูกจับตามองจากสื่อ ก็ถูกเล่าแบบไม่มากอย่างที่คาดหวัง เพราะกว่าจะมาก็ตอนท้าย ๆ แล้ว พ่วงมาด้วยวิธีการแก้ปัญหาแบบที่โคตรทรมานใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจบแบบนี้ทั้งที่หนังอุตส่าห์ปูมาแล้ว กลายเป็นเราต้องรู้สึกอึดอัดตามตัวละครที่เหมือนไม่มีทางเลือกให้เดิน จะทำอะไรก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่ แถมเจอคนรอบตัวไม่จริงใจ แม้บทสรุปนั้นจะเหมือนมีซีซั่นต่อ แต่การจบเรื่องมันชวนให้หงุดหงิด เพราะปมที่จบลงไปแล้ว ก็มีปมใหม่เข้ามาอีกมากมาย จนแอบคิดว่า 6 ตอนนี่มันพอแล้วเหรอกับการเล่าเรื่อง หรืออาจจะเป็นการลองเชิงเพื่อให้ได้ทำต่อซีซั่น 2 ก็ได้ ผมก็ไม่รู้ แต่ผมผิดหวังเพราะตัวละครมีพัฒนาการมาถึงขีดสุดแล้ว แต่กลับเลือกที่จะหยุดซะแบบดื้อ ๆ ทำเอาผมที่ติดตามมาถึงขมวดคิ้วหลังดูจบเลย ทำไมมันจบแบบนี้อีกแล้ว

ความแปลกใหม่ของเรื่องคือการสะท้อนภาพของราชวงศ์ที่ต้องพยายามรักษาหน้า รักษาเกียรติ ไม่สามารถทำอะไรเพื่อตัวเองหรือใครได้เลย แม้แต่จะรักเพศเดียวกันซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับรัชทายาทที่จะต้องมีทายาทไว้สืบสกุล เหมือนที่ตัวละครวิลเฮลม์ที่ต้องวนเวียนอยู่กับหน้าที่ที่ตัวเองไม่อยากแบกรับ แต่จำใจต้องโอบรับมันอย่างเจ็บปวด ไม่สามารถแม้จะรักเพศเดียวกัน ต่อให้กรีดร้องจนแทบเป็นแทบตาย จนต้องใช้ยาเสพติด เหล้า เซ็กส์เผื่อหลบหนีจากความเป็นจริง แต่สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นหน้าที่แหละชีวิตของตัวเอง ออกัสตุส เพื่อนรุ่นพี่ที่ภาพลักษณ์ดูเป็นนักเรียนตัวอย่าง แต่แท้จริงแล้วเขานั้นแอบมีความลับมากมายกับคนรอบตัว จนสุดท้ายเมื่อเข้าตาจนเขาก็ทำสิ่งที่เลวร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการโดยไม่สนใจเลยว่าใครจะต้องเป็นยังไง ซีมอน เด็กหนุ่มผู้เป็นเกย์จากบ้านที่ยากจนที่ใช้ชีวิตรอบโรงเรียนและเป็นนักร้องในวงประสานเสียงที่มีเสียงไพเราะแต่กลับอาภัพเพราะครอบครัวแตกแยก พ่อของเขาเป็นคนขายยาเสพติด น้องสาวอย่างซาร่านั้น ป่วยเป็นโรคเอสเพอร์เกอร์ที่ทำให้เธอมักโดนรังแกและเมินเฉยจาก เฟลิซ หญิงสาวผิวดำผู้ที่ปรารถนาจะได้รับความรักและเป็นคนที่เก่งอย่างที่ต้องคาดหวังจนไม่สนใจคนอื่น แต่ซาร่าก็ไม่เคยถือโทษโกรธและพยายามทุกวิถีทางที่จะได้เข้าไปในสังคมชนชั้นสูงของเฟลิซ และทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับความลับของใครหลายคน ทุกคนล้วนมีความปรารถนาไม่มีสิ้นสุด แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับ มันคือความไม่สงบในชีวิตและทำได้แค่ปล่อยผ่านและคาดหวังให้ชีวิตดีขึ้นมากกว่านี้

ซีรีส์เรื่องนี้ใช้เวลามากกับตัวละครแต่ละตัวจนทำให้เราอิน เห็นใจ และโมโหในเวลาเดียวกันก็จริง แต่ในพาร์ทของความรัก และความสนุกสนานแบบวัยรุ่นนั้นก็มีในสไตล์ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ที่ทำเรื่องรักต้องห้ามออกมาได้อย่างละมุนละไมสัมผัสได้เลยว่าตัวเองทั้งสองรักกันจริงและทำให้เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าได้ในเวลาเดียวกัน เราจะได้เห็นการปูความสัมพันธ์ระหว่างวิลเฮล์มกับซีมอนตั้งแต่เริ่มพบกัน ได้เห็นการเปิดใจ ได้เห็นความเข้าอกเข้าใจและความสับสนจนเกิดเป็นความรักและกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาช่วยดับโทนเรื่องที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความดราม่าซึ่งทำให้เราเข้าใจความรักของคู่นี้ หรือโมเมนต์ความสัมพันธ์ของเพื่อนหญิงพลังหญิงของเฟลิซกับซาร่าที่ค่อย ๆ ทำความเข้าใจในความแตกต่างของอีกฝ่าย หลังจากที่ผ่านความขัดแย้งมาได้ และกลายเป็นมิตรภาพที่ไร้ผลประโยชน์และดูเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างคนที่สูงส่งแต่บกพร่องด้านความสามารถ กับคนที่บกพร่องทางจิตแต่มีความสามารถ ดูจริงใจและน่ารักดี

และอีกฟากเทียบกับความสัมผัสของออกัสตุสที่ทั้งหมดทั้งมวลมีแต่ความทะเยอทะยานและความต้องการจะมีทุกอย่างโดยไม่ดูพละกำลังตัวเอง และใช้ความรักเพื่อเป็นสิ่งเยียวยาใจ แต่ทุกอย่างก็พังเพราะเขาก็ยังใช้อำนาจที่มีกดคนอื่นด้วยผลประโยชน์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเห็นใจตัวละครนี้ได้ยังไงดี เพราะสิ่งที่เขากระทำนั้นยังน้อยไป ในส่วนพาร์ทดราม่าคือไม่มาก แต่ออกมาทีคืออยากทุบคอมทิ้งด้วยความขัดใจในปมที่ต้องมีอุปสรรคนานาเข้ามาขวางทางให้เรื่องง่าย ๆ เป็นเรื่องที่ยาก แถมอย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ ดราม่ามันถูกลากยาวไปจนจบ ชีวิตของเจ้าชายที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่ หรือ ความรัก คำถามนี้คงตอบได้แล้ว แต่ถ้ามีซีซั่น 2 จริง ๆ บางทีมันอาจจะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ก็ได้ ในส่วนของมุมกล้องถือว่าทำออกมาในสไตล์กึ่งซีรีส์ยุโรปผสมกับสารคดีที่เน้นฉายภาพการใช้ชีวิตแบบติดดินไม่เน้นความสวยงาม แต่เหมือนพาเราสำรวจชีวิตของคนจริง ๆ

ในส่วนของนักแสดง ผมไม่รู้จักใครสักคนแต่พวกเขาเล่นกันได้เป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่าง Edvin Ryding ในบทเจ้าชายวิลเฮลม์ที่แม้หน้าตาจะดูนิ่ง แต่แท้จริงมันเป็นแค่หน้ากากของราชวงศ์ที่ทำให้เขาดูไม่มีหัวใจ เขาสามารถกะเทาะความเย็นชาออกมาเมื่อเวลาผ่านไป พอซีนอารมณ์หนัก ๆ เขาก็ทำได้ดีและทำให้เราอินและโมโหตาม ฉากสุนทรพจน์ที่เขาพูดคือใจสลายแทน Omar Rudberg ในบท ซีมอน เกย์หนุ่มผู้ที่ดิ้นรนใช้ชีวิต เขาแสดงได้ดูน่ารัก น่าเอ็นดู และน่าถนุถนอมแต่พอเขาลุกขึ้นมาสู้เขาก็เล่นซะกลัวผู้ชายคนนี้ไปเลย แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาสงสารเมื่อเห็นน้ำตาของเขา Malte Gårdinger ในบท ออกัสตุส ชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบและดูมีภูมิฐาน ที่ภาพจริง ๆ ของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เขาแสดงให้เห็นหลากอารมณ์ทั้งร่าเริงก่อนจะไต่ระดับเป็นความหวาดกลัว ความอิจฉา ความริษยา จนเกลียดเข้าไส้เลยทีเดียว Frida Argento รับบท ซาร่า สาวแอสเพอร์เกอร์ สมาธิสั้น ผู้ที่ชอบทำอะไรล้น ๆ และพูดจาตรงไปตรงมา บางทีก็เข้าใจยาก การแสดงของเธอถือว่ากำลังพอดิบพอดี แสดงให้เห็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ดูสดใส แต่พออารมณ์ฉุนเฉียวก็จะพลิกไปมาอย่างรวดเร็วจนเข้าสังคมยาก แถมยังต้องมาเจอเรื่องซับซ้อนในสังคมใหม่อีก เรียกได้ว่าน่าจะเป็นบทที่ยากพอสมควรเลย Nikita Uggla รับบท เฟลิซ สาวผิวดำที่มีปมในใจคือการถูกคาดหวังจากพ่อแม่ สีหน้าและแววตาที่เศร้าตลอดเวลาแม้จะยิ้ม เธอได้แสดงให้เห็นมิติของตัวละครจากผู้หญิงที่ต้องการความรักให้สามารถยืดหยัดเพื่อช่วยเหลือตัวละครได้ และเธอก็ทำหน้าที่ได้ดีมากด้วย ๆ ทำให้ตัวละครเหล่านี้กลายเป็นนักแสดงชุดที่ถ้านึกถึงเรื่องนี้ ก็ต้องมีพวกเขาอยู่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบสไตล์แซ่บ ๆ ดังขึ้นมาในฉากสำคัญช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนให้กับเรื่องราวด้วย

สรุป Young Royals

ถือเป็นซีรีส์ที่ดราม่าโรแมนติกได้ใจเหลือเกินจนโมโห แต่ก็ยังดูได้เรื่อย ๆ ไม่ได้หวือหวา มีเนือยบ้างบางตอนเพราะให้ซึมซับตัวละคร พร้อมการแสดงที่เป็นธรรมชาติของนักแสดง ความยาว 6 ตอนอาจจะสั้นไปหน่อยเมื่อได้พบกับบทสรุปที่เหมือนเรื่องราวไม่ได้ไปไหน แต่ตัวละครต่างก็มีมุมมองที่น่าสนใจนอกจากตัวเอกและการใช้ชีวิตที่พัวพันกันไปมาจนแทบจะยุ่งเหยิง ประเด็นเรื่องอาจจะไม่ได้ใหม่หรือกล้าพังกรอบอย่างที่คาดหวังไว้ว่าจะกล้าเล่น LGBTQ+ มากกว่านี้ กลายเป็นแค่ส่วนประกอบย่อยของเรื่องเท่านั้น เพราะความจริงมันคือซีรีส์ตีแผ่ความเน่าเฟะของสังคมชนชั้นสูงที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย ผ่านตัวละครเจ้าชายหนุ่มที่ยังมีอะไรรอเขาอีกมากมาย และมันคงไม่จบแค่นี้ แม้ว่าซีรีส์อาจจะจบแค่ซีซั่นเดียว แต่ความเป็นไปได้ของเรื่องราวก็คงเหมือนชีวิตจริงที่ยังคงต้องค้นหาต่อไป เหมือนกับเราที่ดูหนังแล้วคิดว่าตัวละครทำไมไม่ทำแบบนั้น งั้นก็ลองถามตัวเองว่าถ้าเจอกับตัว จะสามารถรับมือได้อย่างเจ้าชายคนนี้หรือไม่

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!