MIB International รีวิว เนื้อเรื่อง หนังธรรมดาๆ อีกเรื่องที่ไม่มีวันเท่าสองภาคแรก

MIB International รีวิว เนื้อเรื่อง เข้าโรงไปแบบไม่คิดอะไรก็ออกมาแบบไม่คิดอะไรเหมือนกัน

---

Men In Black: International

เอ็มไอบี หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก

Genre: แอคชั่น ตลก

Director: F. Gary Gray

Writer: Art Marcum, Matt Holloway

Music: Danny Elfman, Chris Bacon

Production: Columbia Pictures, Amblin Entertainment, Parkes + Macdonald, Image Nation, Tencent Pictures

Distributor: Sony Pictures Releasing

---

Men in Black หายไปนานมากๆ ตั้งแต่ภาคสาม จู่ๆ Sony ก็เอากลับมาทำต่ออีกครั้งในชื่อ MIB International แต่กลับไม่ค่อยโปรโมทเท่าไหร่เลย แค่นี้ก็เป็นลางไม่ดีแล้วว่าไม่สนุกไม่ดีอย่างที่เคยทำเอาไว้

พอได้ดู ปรากฏว่าหนังไม่ได้ห่วยแตกไปซะทีเดียว หนังยังคงมีความสนุกพอใช้ได้ มียิงมุกตลก มีฉากน่ารักๆ คั่นให้พอรักษาเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ไว้บ้าง แต่ก็ไม่ได้นั่งหัวเราะหรือยิ้มเป็นบ้าแบบสองภาคแรก ทั้งเพราะว่ามันไม่ตลกจริงๆ ทั้งจังหวะจะโคนก็ไม่ดี แถมยังมีเรื่องของภาพ CGI ที่ทำออกมาไม่เนียน ผิดตามากถ้าเทียบกับมาตรฐานหนังทุนหนาสมัยนี้

ตัวบทเองก็ยังคงมีความเข้าใจง่ายเหมือนเดิม ไม่ต้องพึ่งพาการหักมุมหรือความซับซ้อนหลายตลบ แต่ภาคนี้เรียบง่ายและตรงไปตรงมาซะจนธรรมดาสุดๆ เนื้อเรื่อง MIB International ไม่มีอะไรตราตรึงน่าจดจำเลย กลายเป็นว่าดูสนุกไปเรื่อยๆ จนจบแล้วก็เดินออกมาจากโรงหนัง

และก็เหมือนเดิมตัวละครกับดีไซน์เอเลี่ยนคือจุดขายของแฟรนไชส์นี้ บุคลิกของตัวเอกสองตัว (เอ็มกับเอช) เด่นชัดมาก เล่นเข้าขากันได้ดี แถมนิสัยตัวละครก็ไม่ค่อยต่างไปจากเรื่อง Thor ที่เคยแสดงด้วยกัน ก็เลยไม่ต้องปรับภาพในหัวอะไรมากมาย เอเลี่ยนแปลกๆ ก็มีให้เห็นบ้างแต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็ดูธรรมดาๆ

---

เนื้อเรื่อง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 2016 ไฮที (เลียม นีสัน) และเอเจนท์เอช (คริส เฮมส์เวิร์ท) เดินทางมาที่หอไอเฟล กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อจัดการกับเอเลี่ยน “เดอะไฮฟ์” วายร้ายระดับหายนะล้างโลก พอขึ้นไปถึงชั้นบนก็ไล่คนธรรมดาที่เป็นคู่รักสองคนกำลังจะขอแต่งงานให้ออกไป เป็นฉาก “ตลก” เล็กๆ น้อยๆ

หลังจากที่คู่รักไปแล้วและประตูมิติกำลังจะเปิดออก สองคนตั้งท่ายังไม่ได้ทำอะไร หนังก็ตัดฉากย้อนไปอีก 20 ปีที่แล้ว

คู่รักคู่หนึ่งกำลังดูทีวีอยู่ในบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงดังโครมครามจากด้านหลังบ้าน คนผัวตอนแรกก็คิดว่าเป็นโจร ถืออาวุธออกไปจะฟาด แต่กลับวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในบ้าน ตกใจในสิ่งมีชีวิตที่เห็น ยังไม่ทันจะโทรเรียกตำรวจก็มีคนมากดออดหน้าบ้าน

มอลลี่ในวัยเด็กที่กำลังจะนอนหลับ พอได้ยินเสียงคุยกันหน้าบ้านจึงเดินไปดูตรงหน้าต่าง ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกับพ่อแม่ของเธอ บอกว่าสัตว์ประหลาดที่คนผัวเห็นน่ะเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ทาแรนเชี่ยน มาจากดาวอื่น (ไม่รู้จะบอกทำไม) ก่อนจะหยิบเครื่องมือชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แสงวาบส่องสว่างออกมาจากแท่งชิ้นนั้นก่อนที่เหล่าชายชุดดำจะขับรถออกไป โดยที่ไม่ได้ออกสำรวจบริเวณบ้านด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้จะมาทำไมทั้งๆ ที่ไล่ตามเอเลี่ยนมาแท้ๆ

ทั้งพ่อแม่และ MIB ไม่รู้ว่ามอลลี่แอบดูอยู่ตลอดและเธอหลับตาเอาผ้าม่านบังแสงลบความจำได้ทัน แต่ไม่นานเธอก็ต้องตกใจ ข้างๆ เธอคือสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขนปุยๆ สีฟ้า มันคือเอเลี่ยน เอเลี่ยนตัวแรกในชีวิตของเธอ (และคนดูตั้งแต่เริ่มหนังมา) เธอพยายามผูกมิตรก่อนที่เจ้าเอเลี่ยนจะกระโดดหนีไป พร้อมกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “คาบลา นักชูลิน”

กลับมาที่ปัจจุบัน มอลลี่ในวัยผู้ใหญ่ (เทสซา ทอมป์สัน) ดั้นด้นสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่ทั้ง FBI และ CIA เพื่อเข้าหน่วยชายชุดดำที่เธอเห็นในตอนเด็ก แต่ก็คว้าน้ำเหลว พวกเขาไม่ได้อยู่ที่หน่วยงานของรัฐ เธอฝึกฝนความสามารถความเก่งกาจมาทั้งชีวิตเพื่อตามล่าเอเลี่ยนและหน่วยชายชุดดำ แต่ก็ไปไม่ถึงไหนซักที หาพวกเขาไม่พบ

วันหนึ่งเธอกำลังนั่งทำงานเป็น Call Center เป็นปกติ แต่จู่ๆ เครื่องจับสัญญาณ UFO ที่เธอสร้างเองก็จับสัญญาณจากนอกโลกได้ เธอเชื่อว่าเป็น UFO ที่เธอติดตามมาตลอดของเอเลี่ยนตัวหนึ่งจากหน้าหนังสือพิมพ์ เธอไม่รอช้ารีบนั่งแท็กซี่ตามสัญญาณไปทันที

เมื่อไปถึงจุดที่สัญญาณหยุดนิ่ง เธอพบกับม่านรั้วสร้างภาพหลอกตา และข้างในนั้นเธอก็ได้เห็นทุกอย่างอีกครั้ง เอเลี่ยน ชายชุดดำ และ UFO ความพยายามบรรลุผลแล้ว เธอรีบสั่งแท็กซี่ให้ขับตามรถของชายชุดดำไปทันที เธอตามไปจนถึงหน้าตึกองค์กรแบบที่เราคุ้นเคยกันในสามภาคแรก เธอใช้วิชาตีเนียนเดินผ่านการ์ดที่ประตูไป แต่ก็หลอกมืออาชีพไม่ได้ โดนจับตัวไปสอบสวนในที่สุด

เอเจนท์โอ (เอ็มมา ทอมสัน) พยายามสอบสวนว่ามอลลี่ทำงานให้ใครก่อนตัดสินใจจะลบความจำเธอทิ้ง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามอลลี่รู้จักเครื่องลบความจำ มอลลี่พยายามโน้มน้าวขอเป็น MIB จนสำเร็จ ในฐานะ “คนที่ถูกคัดเลือก” เพราะองค์กร MIB ไม่เคยรับสมัครเจ้าหน้าที่ และต่อไปนี้จะมีชื่อรหัสว่าเอเจนท์เอ็ม อยู่ในช่วงโปร ภารกิจแรกของเธอคือมาสืบความผิดปกติที่สาขาลอนดอน

หนังตัดภาพไปที่มนุษย์ต่างดาวสองตัวในเมืองมาราเกซ เป็นตัวร้ายที่มายังโลกออกฆ่าคนไปทั่วเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเอเลี่ยนเชื้อพระวงศ์ตัวหนึ่ง จนสุดท้ายไปติดต่อกับเผ่าพันธุ์ตัวจิ๋วกลุ่มหนึ่งในร้านขายของเก่าเพื่อขอข้อมูลหรือสิ่งของบางอย่าง

ขณะเดียวกันที่ลอนดอน เอเจนท์เอช เอเจนท์ซี และไฮที กำลังประชุมกับคนอื่นๆ เกี่ยวกับภารกิจคุ้มกันเอเลี่ยนเชื้อพระวงศ์ วังกัส ที่มาออกเที่ยวไนท์คลับบนโลก เอชได้รับหน้าที่นี้ไปเพราะวังกัสขอมาเจาะจง เขากับวังกัสรู้จักกันมาก่อน แม้ว่าซีจะไม่เห็นด้วยเพราะเอชเพิ่งจะทำภารกิจก่อนหน้าเละเทะไป

ขณะที่เอ็มกำลังทำความคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของ MIB และเจ้าหน้าที่สาขาลอนดอน เธอเห็นเอชและได้รู้ว่าเป็นฮีโร่ประจำองค์กร ขึ้นชื่อว่าปราบเดอะไฮฟ์ได้ด้วยมันสมองและอาวุธซีรีย์เจ็ด เธอจึงพยายามจะเข้าหา เธอสืบและได้รู้ว่าเขามีภารกิจสำคัญไปคุ้มกันวังกัส ก็เลยไปโกหกว่าเป็นกูรูเรื่องสปีชีส์เจเบเบี้ยนของวังกัส เอชมีทีท่าลังเลก่อนจะยอมให้ติดห้อยสอยตามมา

ที่ไนท์คลับ เอ็ม เอช และวังกัชเจอและทำความรู้จักกัน วังกัสพยายามจะบอกอะไรเอชบางอย่างแต่เอชเอาแต่จะเที่ยวสนุก ในขณะเดียวกันเอเลี่ยนวายร้ายสองตัวนั้นได้ตามมาถึงในไนท์คลับแล้ว เอ็มเห็นทีท่าว่าผิดปกติน่าสงสัย แต่เอชไม่ยอมฟังสักที จนในที่สุดวายร้ายก็ปายาพิษใส่วังกัสจนเขาแทบไม่ได้สติ

เอ็มกับเอชไม่รู้ว่าวังกัสโดนอะไรเข้าไป พยายามจะส่งเขานั่งรถกลับบ้าน แต่ไม่ถึงไหนรถของวังกัสก็โดนลอบระเบิด ทั้งคู่ต้องสู้กับเอเลี่ยนวายร้ายปริศนาทั้งสอง วายร้ายสามารถเปลี่ยนรูปร่างของแข็งได้ตามที่ต้องการ ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทั้งคู่ยิงปืนเล่นกันไปมาสุดท้ายก็ไม่สามารถปกป้องวังกัสที่ติดอยู่ในรถได้ เขาสิ้นใจไปในที่สุด

แต่ก่อนตาย ในขณะที่เอชกำลังยิงปืนคุ้มกันให้ วังกัสก็มอบอัญมณีลึกลับเม็ดหนึ่งให้เอ็ม แทนที่จะเป็นเอช เพียงเพราะว่าเอช “เปลี่ยนไป” ตอนนี้เอ็มจำต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ตัวคนเดียว

หลังจากที่ซีพาหน่วยอื่นๆ มาสำรวจจุดเกิดเหตุ เอ็มกับเอชต้องกลับไปรายงานตัวกับไฮทีถึงความล้มเหลวในครั้งนี้ ผลการวินิจฉัยพบว่าเอเลี่ยนวายร้ายเป็นสปีชีส์ผสมกับเดอะไฮฟ์ มีชื่อว่าไดเอ็ดนัม ส่วนราชวงศ์ครอบครัวของวังกัสโกรธมากและหมายตัดหัวของทั้งคู่เพื่อชดใช้ความสูญเสียครั้งนี้

ก่อนที่ไฮทีกับซีจะลบความจำของทั้งคู่ทิ้งซะ เอ็มหาทางออกด้วยการพูดโน้มน้าว เธอบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมีหนอนบ่อนไส้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าวังกัสมายังโลก ถ้าพวกเธอโดนลบความจำ ความจริงก็อาจจะหายไปด้วย ไฮทียอมเชื่อข้ออ้างนั้นและมอบหมายให้เอ็มทำงานกับซีไปสืบหาคนทรยศองค์กรมา ส่วนเอชจะโดนลดตำแหน่งพักงานไปก่อน

ไฮทีไม่พอใจที่เอชเปลี่ยนไป ไม่เอาไหน ไม่ใช่ฮีโร่ปราบเดอะไฮฟ์ได้ด้วยมันสมองและอาวุธซีรีย์เจ็ดที่เขาเคยรู้จักเมื่อสามปีก่อน เอชพยายามขอโทษและขอโอกาสอีกครั้ง ด้วยความที่มองเอชเหมือนเป็นลูก เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งสูงที่หวังไว้ ไฮทีจึงยอมให้โอกาสแก้ตัวไปสืบหาคนร้ายกับเอ็ม

เอชไปตามเอ็มให้ออกเดินทางด้วยกันและทิ้งซีไว้ในออฟฟิศพร้อมความขุ่นเคืองที่โดนเด็กเส้นแย่งงาน เอชรู้ว่ายาพิษที่พบในตัววังกัสมาจากที่ไหน ทั้งคู่จึงเดินทางไปที่เมืองมาราเกซ ในขณะเดียวกันเอชก็ฉลาดเกิน รู้ได้เองว่าเอ็มแอบซ่อนอัญมณีจากวังกัสไว้ซะงั้น

เอชไปหาเพื่อนเอเลี่ยนเก่าที่ชื่อนาซา สืบไปสืบมาทั้งสองพบว่าสปีชีส์เอเลี่ยนตัวจิ๋วเจ้าของยาพิษถูกฆ่าตายจนเกือบหมด แม้กระทั่งตัวราชินี เหลือเพียงแค่ตัวตำแหน่งเบี้ย ซึ่งเมื่อไม่มีราชินีให้รับใช้ เจ้าเบี้ยจึงขอร้องติดตามรับใช้เอ็มในฐานะราชินีองค์ใหม่ในชื่อว่า “พอว์นนี่”

ซีที่นั่งอยู่ในออฟฟิศ MIB ได้วิดีโอกล้องวงจรปิดหน้าไนท์คลับที่วังกัสตายมาจากลูกน้อง ก็เลยพบว่าเอ็มแอบปิดบังเรื่องอัญมณีนั้นเอาไว้ จึงได้สั่งลูกน้องออกไปตามล่าทันที โดยที่ไฮทีไม่สามารถห้ามได้ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนปล่อยเอ็มกับเอชไปเอง เขาได้แต่แอบโทรเตือนให้เอชได้รับรู้ เท่านั้นยังไม่พอไดเอ็ดนัมทั้งคู่ได้ตามกลับมาถึงที่มาราเกซแล้วเหมือนกัน

เอ็มกับเอชต้องหนีจากการตามล่าของทั้ง MIB และไดเอ็ดนัมโดยการไปยืมมอเตอร์ไซค์ต่างดาวจากนาซามา นาซายื่นกระติกน้ำมาให้อีกหนึ่งกระติกก่อนที่เอชจะซิ่งออกไป ทั้งคู่หนีไปหนีมาจนเครื่องพังติดอยู่ในทะเลทราย ขณะที่ไม่รู้จะเอายังไงกันต่อ อัญมณีเกิดสั่นขึ้นแล้วขยายออกมาเป็นอาวุธปืน เป็นปืนที่ใช้พลังงานจากดาวแคระสีน้ำเงินขนาดบีบอัด เพียงระดับพลังปรับเกือบต่ำสุดก็ทำลายล้างผืนทะเลทรายได้เป็นวงกว้างและลงลึกไปถึงหลายร้อยเมตร

ทั้งคู่รู้แล้วว่าอาวุธนี้อันตรายถึงขั้นทำลายล้างดวงดาวได้ แต่ก็ไม่รู้จะเอายังไงกันต่อ คนดูก็ไม่รู้หนังจะไปทางไหนต่อ ตอนนี้ทั้งคู่ทำได้แค่นั่งซ่อมมอเตอร์ไซค์เพื่อออกจากทะเลทราย ซ่อมไปซ่อมมาคุยไปคุยมา บาสซาม เอเลี่ยนเพื่อนของนาซาที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ในกระติกน้ำก็เผยตัวออกมาทีเผลอ ปล้นอัญมณีปืนไป นาซาวางแผนไว้ตั้งแต่เห็นไดเอ็ดนัมมาในเมืองนั่นเอง

ทั้งคู่นั่งซ่อมมอเตอร์ไซค์จนค่ำ เป็นฉากพูดคุยของคู่หูเล็กๆ น้อยๆ จนซ่อมเสร็จ เอชรู้ว่าจะต้องไปตามอัญมณีปืนที่ไหน นั่นก็คือแฟนเก่าของเขา “ริซ่า สแตฟรอส” นั่นเอง เอเลี่ยนนักค้าอาวุธนอกกฎหมาย คู่ค้าเพียงรายเดียวของนาซา แล้วทั้งเอ็ม เอช และพอว์นนี่ก็เริ่มวางแผนกัน

เอชขับเรือมาถึงเกาะป้อมปราการของริซ่า ลูก้าเอเลี่ยนลูกน้องคนสนิทของริซ่าจึงเดินออกมารับพาไปหา ริซ่า (รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน) ออกมาพบกับเอชและรับพอว์นนี่ที่เอชเอามาให้เป็นของขวัญไป แต่ริซ่าอ่านใจออกว่าเอชมาทำไม เลยสั่งให้ลูก้าลากคอออกไป ก่อนที่จะถึงเรือ เอชซัดลูกน้องริซ่าจนสลบแล้วรีบไปปิดป้อมปืนให้เอ็มแอบปีนเข้าไปในห้องของริซ่าเพื่อขโมยอัญมณีปืนกลับมา

ยังไม่ทันจะหนีเอ็มก็โดนริซ่าจับได้ ทางเอชเองก็โดนลูก้าตามตัวเจอ เอ็มใช้ไหวพริบสู้จนชนะ แต่เอชไม่สามารถสู้ลูก้าได้เลย แพ้ไม่เป็นท่าและโดนจับเป็นตัวประกัน เอ็มจำใจต้องคืนอัญมณีปืน ในขณะที่ลูก้ากำลังจะบีบคอเอชตายนั้นเองเอชก็ยังจะมีอารมณ์คุยเล่นกับเอ็ม จนเอ็มรู้ว่าลูก้าเป็นสปีชีส์ทาแรนเชี่ยน

น้ำเริ่มจะเน่า เอ็มเลยลองพูดออกมาว่า “คาบลา นักชูลิน” ลูก้าได้ยินก็ตกใจหยุดชะงัก ถามว่าเอ็มคือมอลลี่ใช่หรือไม่ เมื่อมิตรภาพในวัยเด็กหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ลูก้าเลยตัดสินใจทรยศบอส เอาปืนจ่อริซ่าแทนแล้วปล่อยทั้งคู่ไป

ก่อนไป เอ็มถามลูก้าว่า “คาบลา นักชูลิน” แปลว่าอะไร ลูก้าตอบว่า ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่เธอเป็นคนสั่ง (ช่างเป็นพล็อตที่ไร้สาระทิ้งขว้างจริงๆ)

เอ็มกับเอชออกไปคุยเล่นคุยปรึกษากันที่ริมผานอกปราการ ทันใดนั้นพื้นดินก็พังถล่ม ทั้งสองติดอยู่บนแง่งแคบๆ ริมหน้าผาสูง มันเป็นฝีมือของคู่เอเลี่ยนไดเอ็ดนัมตามมาเอาอัญมณีปืน ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกไม่มีทางหนี จำเป็นต้องอยู่สู้ เอชขู่ว่า MIB จะยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดาวของตัวเอง คู่เอเลี่ยนวายร้ายมองหน้ากันแล้วตอบกลับเอชไปว่า “เราก็เหมือนกัน” แล้วพุ่งเข้าใส่ทันที

โชคดีสุดๆ ไฮทีพา MIB คนอื่นๆ มาช่วยไว้ทัน ใช้ปืนไฟฟ้าฆ่าคู่เอเลี่ยนไดเอ็ดนัมตายไปทันทีทันใด ในเมื่อความลับเรื่องอัญมณีปืนโดนเปิดเผยแล้ว ในเมื่อหัวหน้าสูงสุดมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เอ็มจึงต้องส่งมอบอัญมณีปืนให้ไฮทีไป

ทุกคนกลับมาที่ออฟฟิศในลอนดอนเพื่อฉลองปิดภารกิจ (เอ้า แล้วลูก้ากับริซ่าเคลียร์กันยังไง แล้วยังไม่รู้เลยใครเป็นหนอนบ่อนไส้) ไฮทีนำอัญมณีปืนไปเก็บไว้ในคลังขององค์กร แต่เอ็มรู้สึกว่าทุกอย่างง่ายเกินไป ไม่ชอบมาพากล จึงไปปรึกษากับเอช

ปรากฏว่าเอชและซีรู้สึกเหมือนกัน ตอนนี้ไฮทีกลับหายตัวไป อัญมณีปืนก็หายไปจากคลัง ซีเดาว่าตลอดมาไฮทีไม่ได้ปกป้องเอชเป็นเด็กเส้น แต่ทำเพื่อตัวเองต่างหาก และตอนนี้ไฮทีน่าจะกลับไปที่หอไอเฟลในปารีสอีกครั้งหนึ่ง

เอ็มกับเอชตัดสินใจออกตามล่าไฮที ส่วนซีต้องอยู่คุมสถานการณ์ที่ออฟฟิศ เพราะถ้ามีคนรู้ว่าคนตำแหน่งสูงสุดอย่างไฮทีกลายเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเอง ชื่อเสียงของ MIB จะต้องป่นปี้ไปแน่นอน และถ้าเอชกับเอ็มล้มเหลวในการหยุดยั้งไฮที ซีต้องเป็นคนปล่อยข่าวบอกทุกคนว่าเอชคือคนทรยศ

เอ็มกับเอชขับรถบินได้มาที่หอไอเฟล ขณะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของหอ เอ็มถามว่าตอนนั้นเอชปราบเดอะไฮฟ์ยังไง เอชได้แต่พูดซ้ำๆ ว่าเขาปราบเดอะไฮฟ์ได้ด้วยมันสมองและอาวุธซีรีย์เจ็ด ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ นั่นก็เพราะเอชโดนไฮทีลบความจำไปนั่นเอง เขากับไฮทีไม่ได้ปราบเดอะไฮฟ์ได้จริงๆ

ที่ห้องประตูมิติห้องเดิมที่พวกเขาเคยสู้กับเดอะไฮฟ์เมื่อสามปีก่อน ไฮทีรออยู่ที่นั่นเพื่อเปิดประตูมิติ ทั้งคู่ไม่สามารถกล่อมไฮทีได้ และซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น ไฮทีไม่ใช่ไฮทีที่พวกเขาเคยรู้จัก จริงๆ แล้วมันคือเดอะไฮฟ์ที่ยึดร่างไฮทีไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น มนุษย์เพียงสองคนกับพอว์นนี่ตัวจิ๋วๆ ตัวเดียวไม่สามารถต่อสู้กับเอเลี่ยนหนวดระโยงระยางได้อย่างแน่นอน เดอะไฮฟ์ได้อัญมณีปืนไป เอชโดนรัดคอขยับไม่ได้ ส่วนเอ็มโดนจับโยนเข้าประตูมิติไป

ขณะที่ล่องลอยอยู่ในห้วงมิติรูหนอน กำลังจะโดนเดอะไฮฟ์อีกตัวในนั้นจับไป พอว์นนี่กระโดดตามมาช่วยเอ็มไว้ ยิงปืนสลิงให้จับแล้วยิงสลิงอีกกระบอกดึงตัวทั้งคู่กลับไปที่หอไอเฟล ส่วนเอชพูดปลุกจิตไฮทีในตัวเดอะไฮฟ์ได้สำเร็จ ทำให้เขาคุมร่างเดอะไฮฟ์ได้ชั่วครู่ คืนอัญมณีปืนให้เอช เหมาะเจาะกับจังหวะที่พอว์นนี่และเอ็มออกมาจากประตูมิติได้พอดี เอ็มรีบรับปืนจากเอชแล้วยิงเดอะไฮฟ์พร้อมกันสองตัวตายไปทันที

เอชได้แต่ยืนมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เศร้าที่ไฮทีผู้เป็นเหมือนพ่อจากเขาไปในที่สุด

ซีพา MIB คนอื่นๆ มาจัดการที่เกิดเหตุ ส่วนโอก็มาจากนิวยอร์ก โอเสนอให้เอชรับตำแหน่งแทนที่ไฮที ซึ่งเขาก็ยอมรับ (แต่ต้องมีช่วงโปรของตำแหน่งด้วยนะ) ส่วนเอ็มก็ให้ผ่านโปรแล้ว และจะต้องกลับไปที่สาขานิวยอร์ก ก่อนจะจากกันเอ็มอาสาขับรถเหาะไปส่งเอชถึงลอนดอน พร้อมทั้งส่งให้พอว์นนี่อยู่กับเอชต่อไปแทน แล้วรถก็เหาะขึ้นท้องฟ้าและเป็นอันจบเรื่อง ไม่มีฉากอินฟินิตี้หรือฉากลึกลับๆ แบบภาคเก่าๆ (ไม่มีฉากท้ายเครดิต)

---

เนื้อเรื่อง พล็อต กับปมบางอย่างที่วางไว้มันทั้งเรียบง่ายทั้งเละเทะมาก คนเขียนนึกอยากจะทิ้งปมอะไรก็ทิ้ง นึกอยากจะใส่อะไรก็ใส่มาเลย เทียบกับมาตรฐานหนังสมัยนี้แล้วคือมั่วซั่วมาก ยังดีว่าเพราะเนื้อเรื่องเองมันดูง่าย ก็เลยนั่งดูเพลินไปเรื่อยๆ ได้ไม่ยาก เดาเอาเองได้ทุกฉาก แต่พอออกจากโรงมาก็ไม่มีอะไรพิเศษติดออกมาเหมือนกัน

บุคลิกของเอ็มกับเอชเด่นชัดก็จริง แต่บทของเอช (หรือตัวนักแสดงเองก็ไม่รู้) ไม่ค่อยจะมีมิติเท่าไหร่เลย ขี้เล่นเป็นส่วนใหญ่ ออกมายิ้มหล่อเป็นฉากๆ ไป เอ็มต่างหากที่ดูเป็นตัวละครที่ดีกว่า เข้าถึงคนดูได้มากกว่า หลากอารมณ์กว่า

สรุปแล้วเป็นหนังไม่ดีที่ได้ความเรียบง่ายมาช่วยฉุดไว้ น่าเสียดายที่อุตส่าห์เอากลับมาทำทั้งที กลับไม่ได้เรื่อง ไม่ใส่ใจในบท ภาพ CGI ไม่สวยเลย โดดมาก ถ้าใครไม่ได้ดูก็อย่าไปเสียดายมากครับ บอกตรงๆ ว่ารีวิวยาก เพราะมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ

---

Official Site

Major Cineplex

SF

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่น คลิก