playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Little Big Women (Netflix) รสชาติแห่งความอ้างว้าง หนังไต้หวันระดับรางวัล

สรุป

หนังดราม่าที่ชวนให้นึกถึงครอบครัวและคนที่มีความสำคัญกับตนเองมากขึ้น สมกับคว้ารางวัลนักแสดงนำและกวาดรายได้สูงสุดในไต้หวันปี 2020

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • นักแสดงนำเล่นดีมาก ดูแล้วอาจจะอินตามได้เลย
  • บทและพลอตเรื่องเรียบง่าย แต่น่าติดตาม
  • ไดอาล็อคทำได้ดี ลึกซึ้ง
  • หลายคนดูแล้วอาจจะอินกับครอบครัวของตนเอง

Cons

  • เดินเรื่องบางช่วงเนิบนาบเกินไป
  • บทของบางตัวละครดูแปลกๆ

Little Big Women Netflix รีวิว รสชาติแห่งความอ้างว้าง หนังไต้หวันระดับรางวัล ที่ทำรายได้สูงสุดบน Box Office ของไต้หวันในปี 2020 พร้อมกับนักแสดงนำ เฉินซูฟาง ที่คว้ารางวัลม้าทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีนักแสดงชื่อดังที่คุ้นเคยคนไทยคือ วิเวียน ซู ร่วมแสดงนำด้วย ซึ่งก็ฉายทาง Netflix ทั่วโลกแล้ว ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ รับชมได้เลย

 Little Big Women (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Little Big Women Trailer

รสชาติแห่งความอ้างว้าง เรื่องย่อ

สำหรับเรื่อง รสชาติแห่งความอ้างว้าง กล่าวกันว่าเป็นผลงานภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของผู้กำกับ โจเซฟ เฉินเจียซู ที่นำเสนอเรื่องราวในครอบครัวหนึ่งในไต้หวัน เกี่ยวกับชีวิต ความตาย การพลัดพราก ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวหนึ่งที่มีความสลับซับซ้อน และการปล่อยวางในชีวิต

เรื่องราวของ หลินซิ่วอิน หญิงร่างอ้วนเล็ก ผู้ที่กำลังจะจัดงานฉองวันเกิดครบอายุ 70 ปี เธอเป็นเจ้าของร้านทำแฮกึ้นที่เดิมมาจากร้านอาหารข้างทางที่ขยันทำมาหากินและเลี้ยงดูลูกสาวทั้ง 3 คนด้วยตนเอง เนื่องจากสามีได้แยกทางกับเธอแล้วไปอยู่กินกับผู้หญิงอื่นนานกว่า 20 ปี

แต่วันหนึ่ง สามีที่แยกจากไปแล้วกลับมาเสียชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลที่คนในสกุลหลินทำงานอยู่ เธอจึงต้องจัดงานศพให้สามีที่แยกทางกันไปแล้ว ในขณะที่หลานสาวของเธอก็เดินทางกลับมาอยู่เป็นเพื่อน และได้พบความลับและเรื่องราวมากมายภายในครอบครัวที่ไม่เคยรู้มาก่อน มีทั้งเรื่องราวของการพลัดพราก ความผิดหวัง การนอกใจ การแยกทาง ไปจนถึงความรักและความผูกพันที่คนในครอบครัวมีให้กัน

Little Big Women Netflix รีวิวLittle Big Women รีวิว

ผู้กำกับ โจเซฟ เฉินเจียซู สร้างเรื่องนี้มาจากประสบการณ์จริงในชีวิต เมื่อเขาพบว่าคุณตาของตนที่เพิ่งเสียชีวิตได้นอกใจคุณยายไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นอยู่นาน เขาต้องพยายามทำความเข้าใจว่า คุณยายให้อภัยแล้วก้าวข้ามเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน เป็นพลอตหลักของภาพยนตร์ไต้หวันระดับรางวัลเรื่องนี้

โดยตัวหนังจะเจาะไปที่มุมมองความคิดและย้อนอดีตแฟลชแบ็กของ หลินซิ่วอิง หรือ อาม๊า ของคนในครอบครัว โดยมีหลานสาวที่เป็นเสมือนตัวแทนคนดู คอยรับรู้เรื่องราวต่างๆ ไปพร้อมกัน ตัวเรื่องยังเจาะไปที่ปัญหาชีวิตของสามสาวพี่น้องที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวไต้หวันที่ต้องแบกรับความคาดหวังต่างๆ ซึ่งแม้ว่าพวกเธอบางคนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อาชีพ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีความสุขไปซะหมด

ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวได้น่าสนใจ แม้จะเป็นพลอตง่ายๆที่ดูเนิบในช่วงแรก อีกทั้งเรื่องราวทั้งหมดก็ดำเนินอยู่ในระหว่างการจัดพิธีศพ แต่การนำเสนอก็แฝงไปด้วยความละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง ปริศนาในเรื่องก็มีการเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งบางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ก็ชวนให้น่าติดตาม ว่าแท้จริงแล้ว ตัวละครแต่ละครแอบซุกงำความลับอะไรไว้บ้าง ซึ่งปริศนาภายในครอบครัวก็เป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่บทเฉลยในภายหลัง

ในหนังยังมีการวิพากษ์ปัญหาทางสถาบันครอบครัวของคนไต้หวันในยุค 70-90 ที่ครอบครัวใหญ่ต้องรักษาหน้าและชื่อเสียงของสกุล แล้วยังมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูลูกที่มีมากเกินไป จนต้องส่งบางคนไปอยู่กับญาติแทน ซึ่งหนังก็นำเสนอจุดนี้ออกมา แล้วน่าจะทำให้คนดูชาวไต้หวันส่วนหนึ่งดูแล้วจุกไปเหมือนกัน เพราะมันคือการเอาเรื่องจริงของชาวไต้หวันมาบอกเล่า

อันที่จริงแล้ว ปัญหาของตัวละครในเรื่องนี้ สะท้อนภาพของครอบครัวที่เราสามารถพบได้ทั่วไป ไม่จำเพาะว่าต้องเป็นครอบครัวคนไต้หวันหรือคนเอเชียเท่านั้น แต่สามารถพบจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก บทสรุปของหนังก็ทำมาในแนวที่ ไม่ได้มีคำตอบให้กับทุกเรื่อง เป็นการจบเรื่องราวในแบบที่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป มันไม่ได้มี Sad Ending และไม่ได้ Happy Ending ไปเสียหมด อยู่ที่ว่าเราจะปล่อยวางกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้แค่ไหน

แต่ข้อด้อยของเรื่องนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของบางตัวละครที่ใช้แอร์ไทม์ของเรื่องมากเกินไป แต่กลับไม่ได้มีการขมวดปมเป็นพิเศษ นับว่าน่าเสียดาย ส่วนแฟนๆที่ดูเรื่องนี้เพราะอยากดูการแสดงของ วิเวียน ซู ที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตขวัญใจหนุ่มๆไทยในยุค 90 ก็ถือว่าได้เห็นในระดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่บทในเรื่องอยู่ในระดับตัวรองๆมากกว่า ซึ่งแม้ว่าเธอจะมีบทออกมาตลอดเรื่อง แต่ก็ไม่ได้โอกาสในการแสดงฝีมือในการแสดงมากเท่าไหร่ เลยออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อย

สำหรับช่วงท้ายเรื่องจนถึงตอนจบ หนังให้ข้อคิดที่ดีมากครับเกี่ยวกับเรื่องราวของการปล่อยวาง ไปจนถึงการสารภาพความผิดของตัวเอกอย่างอาม๊า ที่ก็ไม่ได้เป็นคนดีพร้อมเต็มร้อย แต่ก็เคยทำผิดพลาดไว้เหมือนกัน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สามีของตนไม่สามารถกลับมาอยู่กับครอบครัวได้ ซึ่งจากที่ผู้กำกับเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาว่ามาจากประสบการณ์จริงในชีวิต ก็เป็นส่วนที่สรุปในท้ายเรื่องได้ดี

ภาพรวมแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์ไต้หวันระดับคว้ารางวัล แนวดราม่า ที่แนะนำครับ อาจจะไม่ใช่หนังแนวระเบิดอารมณ์ เชือดเฉือน ดราม่ารุนแรง แต่ก็เป็นแนวสะท้อนชีวิตที่ดูแล้วน่าจะทำให้หลายคนหวนกลับมาคิดถึงครอบครัวของตนเองบ้าง ไม่มากก็น้อย

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt12397078/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!