playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Norsemen ไวกิ้ง ฉบับคนป่วน ดาร์กคอเมดี้ ตลกร้ายสุดโหด

  • Norseman ซีซัน 1 - 7/10
    7/10
  • Norseman ซีซัน 2 - 7/10
    7/10
  • Norseman ซีซัน 3 - 8/10
    8/10

สรุป

พลิกภาพไวกิ้งเท่ๆออกไปหมด เป็นซีรีส์ไวกิ้งในสไตล์ตลกร้าย ดาร์กคอเมดี้ มีมุกตลกจิกกัดแสบๆที่เหมาะสำหรับคนที่เคยดูเรื่องไวกิ้งหรือแนวย้อนยุคมาบ้าง พร้อมกับฉากเรต 18+ มุกตลกเถื่อนเต็มเรื่อง

Overall
7.3/10
7.3/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เป็นแนวตลกร้าย ดาร์กคอเมดี้ ที่ทำได้ถึงใจดี บางมุกต้องร้องว่า เออ คิดได้ไง
  • ถึงจะเป็นซีรีส์ตลก แต่เนื้อเรื่องกหลักก็สนุก เข้มข้น น่าติดตาม
  • ล้อเลียนซีรีส์ไวกิ้งได้ดีมาก ล้างภาพไวกิ้งเท่ๆซะเหี้ยน
  • มุกตลกหน้าตายทำได้ดีขึ้นทุกซีซัน

Cons

  • มุกตลกเป็นแนวเฉพาะทาง เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูแนวย้อนยุคมาเยอะๆ
  • เรื่องเป็นเรต 18+ โหดๆตั้งแต่ตอนแรก ไม่เหมาะกับเด็ก
  • มีมุกแป้กพอสมควร
  • เรื่องนี้ไม่มีตัวละครเท่ๆ เพราะมาแนวตลกร้าย

Norsemen ss1-2-3 Netflix ซีรีส์ ไวกิ้ง นอร์สเมน ในฉบับคนป่วน มาในแนว ดาร์กคอเมดี้ ตลกร้ายสุดโหด ที่บางมุกอาจจะแป้กๆ ไปบ้าง เหมาะสำหรับคนที่เคยดูซีรีส์ไวกิ้งแล้วชื่นชอบ แนะนำให้ดูเรื่องนี้ต่อเลย เพราะล้อเลียนได้เจ็บแสบมาก ความยาว 6 ตอนต่อซีซั่น เวลาต่อตอน 30 นาที

 Vikingane (2016) on IMDb

ตัวอย่าง Norsemen (Vikingane)

Norsemen ss1-2-3 netflix รีวิวNorsemen ss1-2-3 เรื่องย่อ

เรื่องราวเกี่ยวกับ การกลับมาบ้านเกิดที่นอห์เรมของ อาห์วิด ไวกิ้งร่างใหญ่สายนักรบโดยแท้ที่รู้จักแต่การปล้นชิงทำสงคราม มีพละกำลังมหาศาลชนิดที่ฟันคนร่างแยกเป็นสองซีกได้ในดาบเดียว

ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องราวของ โอห์ม ผู้เป็นน้องชายของโอลาฟ ผู้นำนักรบไวกิ้ง ที่มีความทะเยอทะยานอยากจะขึ้นมานำชาวไวกิ้ง ด้วยวิสัยทัศน์ที่แตกต่างออกไป เนื่องจากโอห์มเบื่อวัฒนธรรมการฆ่าฟันปล้นชิงของชาวไวกิ้ง ขณะเดียวกัน การกลับมาบ้านของอาร์วิด ยังได้พาทาสจากโรมันคือ รูฟัส นักแสดงที่มีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องราว ปั้นน้ำเป็นตัว และอะไรก็แล้วแต่ที่สุดจะอ้างว่าเป็นวัฒนธรรม ทำให้โอห์มเห็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชาวไวกิ้งจากพวกป่าเถื่อนเป็นผู้มีวัฒนธรรมไฮโซกับเขาบ้าง

แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะโอห์มนั้นสุดห่วยในเรื่องของการต่อสู้ยิงธนู และยังมีอาร์วิด ที่อาศัยพละกำลังล้วนๆชิงเอาทรัพย์สมบัติและภรรยาของคนอื่นตามหลักชอบธรรมของชาวไวกิ้งมาแบบหน้าด้านๆได้ซะด้วย

เรื่องราวก็เลยกลายเป็นอะไรที่ทั้ง ตลกร้าย ฮาในแบบที่บางครั้งก็ฮาไม่ออกของชาวไวกิ้งที่ชินกับการปล้นฆ่าแล้วเกิดอยากจะมีอารยธรรมกับเขาบ้าง แต่ก็ยังละวิถีเดิมไม่พ้นสักที

Norsemen ss1-2-3 รีวิว

ถ้าใครเคยดูซีรีส์ Viking ของทางช่อง History Channel (ซึ่งใน Netflix ก็มีทั้ง 5 ซีซันล่าสุด) แล้วรู้สึกชอบไปกับเรื่องราวของพวกไวกิ้งที่มีความทั้งความเถื่อน บ้าพลัง การทำสงคราม แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยสีสันของการใช้ชีวิตและความเชื่อในศาสนานอร์สยุคโบราณที่ดูจะเต็มไปด้วยความโหดร้าย รวมถึงตัวละครเท่ๆแบบ แรกนาร์ บียอร์น หรืออะไรต่างๆในซีรีส์ไวกิงนั้น แล้วคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรเท่ๆแบบนั้นในซีรีส์ นอร์สเมน เรื่องนี้ ขอแนะนำว่ามันไม่มีแบบนั้นครับ

สำหรับตัวซีรีส์ มาจากทีมสร้างของนอร์เวย์ นักแสดงก็เป็นนอร์เวย์เป็นหลัก ซึ่งพวกเขาก็เรียกว่าเป็นชนชาติลูกหลานไวกิ้งตัวจริงนั่นเอง ถ้าหากเทียบกับซีรีส์ไวกิงที่แสนจะดุเดือดซึ่เรื่องนั้นมาจากทีมสร้างของแคนาดา ที่แม้ว่าจะโดดเด่นในแง่ของการเก็บรายละเอียดในด้านวัฒนธรรม ศาสนา อาวุธ ฉากสงครามต่างๆของพวกไวกิ้ง แต่ก็มีบางจุดที่อาจจะดูโอเวอร์ไปบ้าง เลยพอเข้าใจได้ว่า ซีรีส์นอร์สเมน กำลังต้องการล้อเลียน “ความเท่ของซีรีส์ไวกิ้งเรื่องนั้นแบบเต็มพิกัด

ดังนั้นเมื่อเริ่มดู ให้เตะเอาความเท่ทั้งหลายแหล่ของไวกิ้งทิ้งไปก่อน เพราะเรื่องนี้เน้นการนำเสนอชีวิตของพวกไวกิ้งที่โคตรจะตลกร้าย ชนิดที่เรียกว่าจิกกัดกันเจ็บแสบสุดๆ คือมันไม่ใช่แค่การเสียดสีสังคมไวกิ้งเท่านั้น แต่ถ้าดูดีๆแล้ว มันกำลังเสียดสีสังคมปัจจุบันในแบบดาร์กคอเมดี้ ไม่ว่าจะจิกกัดทุนนิยม การล้อเลียนวัฒนธรรมโบราณของพวกนักรบที่ดูเท่ๆ ตัวอย่างเช่น การเอาศพของนักรบไวกิงขึ้นแพแล้วลอยน้ำ เอาธนูไฟยิงตาม แต่ถ้ามันยิงไม่โดนจะทำยังไงละนี่

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการล้อเลียนวัฒนธรรมตะวันตกอีกหลายอย่าง ซึ่งต้องยอมรับว่าบางเรื่องนั้นคนดูชาวไทยอาจจะไม่ค่อยอินเท่าไหร่ และมุกตลกบางอันก็เป็นแนวตลกร้ายที่ต้องเป็นคนดูหนังแนวสงครามยุคโบราณมาเยอะๆ ถึงพอจะเข้าใจบ้างครับ ว่าทำไมตัวละครถึงพูดจาดูลิเกๆ หรือต้องทำท่าอะไรแบบนั้น

ในส่วนของซีซันแรก เรื่องจะเน้นให้เห็นว่า ถ้าเกิดมีผู้นำชาวไวกิ้งบ้าจี้อยากจะทำให้พวกเขาเป็นชนเผ่าที่มีอารยธรรม ทำลายอาวุธ หันมาสร้างงานศิลปะ มันจะกลายเป็นยังไง ถ้าดูในแง่นี้ก็อาจจะพอเข้าใจพวกไวกิ้งโบราณมากขึ้นก็ได้ว่าทำไมต้องโหดนัก ทำไมต้องสู้รบ เพราะถ้าพวกเขาเลิกรบ ก็อาจจะจบเห่ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแผนที่ไปทางตะวันตก ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พวกนักรบไวกิ้งบางส่วนเชื่อว่ามีแผ่นดินอยู่ (มามุกเดียวกับซีรีส์ไวกิ้งในซีซันแรก)

ในส่วนซีซันสอง เรื่องก็ยังมาแนวตลกร้าย แต่เริ่มขยายสเกลเรื่องมาทางอังกฤษเพิ่มขึ้น ทั้งการรุกรานปล้นชิงในเกาะอังกฤษที่นำโดยอาร์วิดและเฟรย่า ไปจนถึงการเริ่มทำสงครามภายในของพวกไวกิ้งเอง แล้วยังรวมถึงการกลับมาของตัวละครหน้าเก่าๆที่เคยสร้างความฮาและแสบสันต์ในซีซันแรกซึ่งได้แยกตัวไปแล้วอย่าง โอห์ม รูฟัส รวมถึงการกลับมาตัวร้ายประจำเรื่องอย่าง ยาร์น วาก กับบทสรุปของซีซันที่ค่อนข้างดราม่า ตรงนี้น่าสนใจว่าซีรีส์จะยังคงการเล่าเรื่องในแบบตลกร้ายสุดโหดไปได้ขนาดไหนในซีซันสาม ซึ่งน่าจะเข้าสู่ช่วงทำสงครามทั้งพวกไวกิงที่จะแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างเต็มตัว และการบุกเกาะอังกฤษด้วย

สำหรับจุดเด่นและจุดด้อยนั้น ในด้านนักแสดง ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ฝ่ายชายแทบจะหาคนหล่อไม่ได้ อาจเพราะเหมือนต้องการทำลายภาพของไวกิ้งเท่ๆที่เคยมีออกไป เราเลยพบว่าไวกิ้งตัวหลักของเรื่องอย่าง อาร์วิด และ โอห์ม รวมถึงรูฟัส ไม่มีใครดูเท่หรือหล่อสักคน แม้แต่ไวกิงหญิงที่เป็นนางเอกอย่างเฟรย่าก็มาแนวสาวถึกแกร่งด้วย ซึ่งจะว่าไปก็เหมาะกับโทนเรื่องที่มาแนวล้อเลียนแบบนี้เหมือนกัน

ในแง่ของตลกร้าย เรื่องนี้ทำในแบบดาร์กคอเมดี้ คือแม้ว่ามันจะเป็นหนังตลกล้อเลียน แต่พวกฉากที่แสดงความโหดร้ายของคนโบราณ ทั้งการฆ่าฟันกันแบบดื้อๆ กฏประหลาดๆ ที่ดูเหมือนจะเอื้อต่อการใช้กำลังในการตัดสิน ก็ทำให้เรื่องนี้มีความสมจริงปนอยู่ในความตลกล้อเลียนด้วย เป็นรสชาติแปลกๆที่อาจจะหาได้ยากสำหรับซีรีส์แนวนี้

ส่วนจุดด้อยก็มีพอสมควร เช่นตลกร้ายบางมุกที่มีแป้กอยู่พอสมควร และตัวซีรีส์ก็ดูจะไม่ค่อยสนุกนักสำหรับคนที่ไม่ได้เคยชินกับเรื่องแนวยุคโบราณ เพราะหลายมุกมันเป็นมุกที่เหมาะสำหรับคนดูเรื่องแนวไวกิ้งหรืออย่างน้อยก็พวกสงครามย้อนยุค แนวนักรบมาบ้าง หรืออย่างน้อยก็ต้องเคยดูเรื่องแนว GOT ครับ เรื่องนี้มีแอบจิกกัดไว้ด้วย เช่นการสร้างศิลปะเป็นรูปเหมือนบัลลังก์ดาบในซีซันแรก อันนี้ล้อเลียน GOT ชัดๆเลย ซึ่งมุกอะไรทำนองนี้มันจะมีแทรกอยู่ทั้งเรื่อง

ในส่วนความแรงของตัวเรื่อง พบว่ามีฉากค่อนข้างโหดระดับเรต 18+ แทรกอยู่แทบทุกตอน แถมหลายครั้งมักจะมาแบบไม่ให้ตั้งตัว เช่น เรื่องกำลังเล่นมุกตลกล้อเลียนอยู่ดีๆ อีกไม่กี่วินาทีถัดมาก็เป็นฉากฆ่าฟันกันแล้ว คนดูเลยต้องปรับอารมณ์สักหน่อย

Norseman รีวิว ซีซัน 3 (ภาค 0)

ที่จริงต้องเรียกซีซันนี้ว่า ภาค 0 หรือภาคกำเนิด เป็นการกลับไปเล่าย้อนก่อนซีซันแรก โดยมุมมองเรื่องจะเปลี่ยนจากในสองซีซันแรก ที่เน้นตัว อาร์วิด คราวนี้หันมาโฟกัสที่ โอห์ม ตัวร้ายกึ่งตัวตลกในสองภาคแรกที่คราวนี้ขอเป็นตัวเอกกับเขาบ้าง แต่ก็เป็นตัวเอกสายไม่เอาถ่าน รวมถึงหันมาเล่าเรื่องในมุมของ ยาน วาร์ก ตัวร้ายของสองซีซันแรกบ้าง

ภาคนี้ ในส่วนของความดราม่า ความดิบโหด ก็ยังคงเอาไว้ แถมดูจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาอีกด้วย โดยจะมีสองเส้นเรื่องหลักคือ เส้นเรื่องของ โอห์ม ที่ถูกบีบให้กลายเป็นไวกิงนักรบ กับอีกเส้นคือการกลับไปย้อนเล่าว่า ยาน วาร์ก กลายมาเป็นตัวร้ายแบบที่เราเห็นในสองซีซันที่ผ่านมาได้ยังไง

ซึ่งน่าสนใจว่า จุดเริ่มต้นของวายร้ายตัวนี้ เป็นอะไรที่ทั้งฮาและน่าเวทนา รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ตัวเองใหม่ด้วยการโกนหัว จงใจทำหน้าตาท่าทาง และคำพูดจา หรือน้ำเสียงให้ดูน่ากลัวเหมือนพวกตัวร้ายโรคจิตๆ ว่ามันกลายมาเป็นตัวร้ายแบบนั้นได้ยังไง ซึ่งถ้าใครเคยดูหนังแนวย้อนยุคเก่าๆมาหลายเรื่อง จะโคตรฮากับแต่ละมุขที่เรื่องนี้งัดมาใช้ครับ

ภาพรวมแล้ว ซีซัน 3 ยังคงเน้นที่มุกตลกสุดโหดหน้าตายที่เพิ่มดีกรีความฮาขึ้นกว่าเดิมประมาณ 10 เท่า คือมุกแป้กลดลงเยอะมาก แม้ว่าตัวเรื่องจะดราม่าและเนื้อหาจริงจัง แต่กลับแทรกความตลกหน้าตายสุดโหดเอาไว้ตลอดอย่างไม่น่าเชื่อ บางมุกในซีซัน 3 เป็นมุกที่หลายคนอาจจะตั้งคำถามไว้หมือนกันสำหรับพวกหนังสงครามย้อนยุคต่างๆ ที่ฮามากๆ เช่น ไอ้มุกที่แม่ทัพสองฝั่งตะโกนยืนด่าหรือพร่ำคำพูดข่มขู่ใส่กัน แต่ด้วยระยะห่างระหว่างสองทัพ คุณเคยสงสัยไหมว่าที่จริงแล้วมันจะได้ยินกันหรือเปล่า (555) แถมที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ มีการเปิดตัวมังกร (!!???) แต่ก็เล่าเรื่องได้โคตรฮาด้วยว่า มังกรเลิกยุ่งกับพวกไวกิงเพราะอะไร

ส่วนบทสรุปของเรื่องก็เป็นการย้อนกลับไปหาตอนแรกของซีซัน เรื่องของแผนที่ไปตะวันตก ดังนั้นซีซัน 4 ก็น่าจะได้กลับไปเล่าเรื่องราวต่อจากซีซัน 2 ก็เป็นได้ ถ้าได้สร้างต่อ

สรุปในภาพรวมแล้ว เหมาะสำหรับคนที่เคยดูแนวไวกิ้ง แล้วอยากหาอะไรแนวๆนั้นดูครับ ตอนแรกดูแล้วอาจจะแปลกๆสักหน่อย แต่ถ้าดูผ่าน 2-3 ตอนแรกได้ ก็น่าจะดูได้จนจบเรื่อง

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt5905354/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!