playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Heist ปล้น สารคดี มินิซีรีส์ Netflix ที่สร้างจากเรื่องจริงของการปล้นโดยคนธรรมดา

สรุป

สารคดีการปล้นที่สร้างจากเรื่องจริงของคดีสะท้านโลกที่มูลค่าเงินมหาศาล แต่ผู้ลงมือคือกลุ่มคนธรรมดาทั่วไปที่เราอาจพบเห็นได้ในสังคม ทั้งชนชั้นแรงงาน เด็กสาววัยรุ่นใจแตก ลูกหลานผู้อพยพ คนทำงานหาเช้ากินค่ำ ที่เห็นโอกาสทำเงินจากการปล้นครั้งใหญ่ และเอาคนที่เกี่ยวข้องในคดีจริงๆ มาบอกเล่าเรื่องราวโดยใช้นักแสดงเล่นแบบหนัง

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • บอกเล่าเรื่องราวสนุก กระชับ เป็นหนังกึ่งสารคดี
  • งานโปรดักชั่นดี มีคุณภาพมาก
  • เจาะไปที่กลยุทธ์และการวางแผนปล้นอย่างละเอียด
  • ใช้เทคนิคเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้ทำความผิดแต่ละคดีมากกว่าหนังสารคดีแนวนี้ทั่วไป
  • ใช้คนในคดีจริงๆมาบอกเล่าเรื่องราว

Cons

  • การเล่าเรื่องมีช่วงยืดไปหน่อย แต่ละคดีสามารถเล่าให้จบได้ในตอนเดียวด้วยซ้ำ
  • เป็นแนวทางการเดินเรื่องที่บางคนอาจไม่ชิน
  • ถึงแม้ทุกคดีจะให้อุทาหรณ์และบทสรุปของคนปล้นว่าไม่ดี แต่มันอาจจะไปกระตุ้นให้คนดูคิดแผนก่อเหตุได้เหมือนกัน

Heist Netlix รีวิว ปล้น สารคดี มินิซีรีส์ ที่สร้างจากเรื่องจริง ของการปล้น เนื้อหาจะแบ่งเป็น 3 เคส รวมทั้งหมด 6 ตอน ของคดีการปล้นที่สร้างจากเรื่องจริงและมีบุคคลจริงที่เกี่ยวข้องมาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องราว ซึ่งแต่ละคดีที่อยู่ในเรื่องเป็นการปล้นที่มีมูลค่าสูงอย่างมาก แต่ที่น่าสนใจคือทั้งสามคดีมันเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่มาจากคนระดับล่าง ชนชั้นแรงงาน คนที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหา ลูกหลานผู้อพยพ เรียกง่ายๆ ว่ามันคือการปล้นของสามัญชนคนทั่วไป คนที่เราอาจพบเห็นได้ในสังคม แต่ตัวซีรีส์จะบอกเล่าว่าแล้วคนเหล่านั้นมีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้พวกเขาก้าวข้ามเส้นแบ่งขอกฏหมายมาทำการปล้นเหล่านี้ แน่นอนว่ามีเรื่องเงินที่เป็นสาเหตุหลักอยู่แล้ว สามารถรับชมได้เลยใน Netflix

 Heist (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Heist Netlix Trailer

Heist Netlix รีวิว ปล้น สารคดี มินิซีรีส์

Heist เรื่องย่อ

เซ็กคู่รัก เงินทอง ฆาตกรรม ตอน 1-2

โรเบอร์โต โซลิส อดีตนักโทษที่เคยต้องคดีจำคุกตลอดชีวิตจากการฆาตกรรมคนขับรถขนเงินหุ้มเกราะเมื่อปี 1969 แต่ด้วยความที่เขาเขียนหนังสือหลายเล่มในระหว่างอยู่ที่คุกและเขียนบทกวีมากมายที่มีส่วนโน้มน้าวให้เกิดการขออุทรณ์โทษของเขาเหลือ 23 ปี เขาจึงถูกปล่อยตัวออกมา แต่แทนที่เขาจะกลับมาทำงานสุจริต เขาก็ได้เลือกที่จะกลับมาทำงานปล้นอีกครั้ง และคราวนี้ยังได้ล่อลวงผู้หญิงสาวคนหนึ่งคือ เฮเทอร์ แคทเทอรีน ทอลชีฟ ซึ่งเธอเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่กำลังโหยหาความรักและความอบอุ่นจากผู้คนให้กลายมาเป็นผู้ช่วยของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับวางแผนทำภารกิจปล้นเงินสามล้านดอลลาร์ ซึ่งเอาเข้าจริงวิธีการนั้นก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากมาย แต่วางแผนโดยอาศัยช่องว่างของระบบการขนเงินใส่ตู้เอทีเอ็มมาใช้ให้เป็นประโยชน์ แล้วก็กลายเป็นว่าเธอต้องถลำลึกกลายเป็นเครื่องมือปล้นเงินของโซลิส และกลายเป็นเป้าหมายตามล่าตัวจากเอฟบีไอ ในขณะที่โซลิสก็พาเธอหอบเงินหนีต่อไปพร้อมกับเพิ่มสาวในฮาเร็มของเขาเข้าไปอีก

(คดีนี้ใช้นักแสดงแทนเป็นคนเล่าเรื่อง ซึ่งจะเฉลยไว้ท้ายตอน 2)

เงินลัดฟ้า ตอน 3-4

เรื่องราวของ คาร์ล ลูกหลานผู้อพยพจากคิวบา ที่เข้ามาตั้งรกรากในอเมริกา โดยเฉพาะที่ฟลอริดาที่มีความหลากหลายของผู้คน เกิดเป็นแก๊งค์ต่างๆมากมาย จนกลายเป็นที่มาของปัญหาค้ายาเสพติด ความรุนแรง การปล้นชิง ลักลอบนำโคเคน และอื่นๆ กระทั่งเขาได้แต่งงานแต่เพราะปัญหาเรื่องการตั้งท้องของภรรยาทำให้พวกเขาเสียลูกไป เขาจึงคิดจะรับเด็กมาเลี้ยงแทน แต่มันต้องใช้เงินมากแล้วเขาก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาด้วย แล้ววันหนึ่งเพื่อนของเขาที่เป็นคนขับรถขนเงินจากสนามบินก็ได้บอกเล่าเรื่องเงินสดนับร้อยล้านดอลลาร์ที่จะส่งจากเครื่องบินลงมาเก็บในโกดังเป็นประจำ นั่นจึงได้นำไปสู่แผนการปล้นเงินที่คาดไม่ถึง ซึ่งเขาต้องรวบรวมคนฝีมือดีจากญาติพี่น้องคนใกล้ตัวชักชวนให้มาร่วมมือกันปล้นเงินในโกดังที่สนามบิน แล้วที่น่าทึ่งก็คือแม้ว่าคาร์ลจะไม่มีความรู้เรื่องการปล้นเงินแบบนี้ แต่เขากลับศึกษาวิธีการทำงานของเอฟบีไอผ่านทางสื่อทีวี ซีรีส์ สารคดี เพื่อที่จะวางแผนปล้นเงินมหาศาลครั้งนี้โดยที่เขาเองก็ไม่อยากใช้ปืนด้วย แต่ทุกการวางแผนย่อมมีช่องโหว่เสมอ โดยเฉพาะคนในทีมที่ได้เงินจากการปล้นไปแล้ว

ราชาเบอร์เบิน ตอน 5-6

เจาะลึกเหตุการณ์ในคดี แพ็ปปี้เกต Pappygate ที่เกิดขี้นในปี 1999 เล่าเรื่องของ โทบี้ ชายหนุ่มนักซอฟต์บอลร่างใหญ่ บ้าพลัง ที่ชีวิตเหมือนจะประสบความสำเร็จ แต่หลังจากแต่งงานมีลูก เขาจำต้องเลือกดูแลช่วยหารายได้เข้าครอบครัว เลยต้องเลิกเล่นซอฟต์บอลแล้วมาทำงานในโรงกลั่นเหล้าเบอร์เบินบัฟฟาโลเทรซที่เคนตักกี ใช้ชีวิตทำงานหารายได้เหมือนชนชั้นแรงงานทั่วไป กระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนที่มาขอซื้อเหล้าเบอร์เบิน ยี่ห้อ แพ็ปปี้ แวนวิงเคิล ที่เขามีติดในบ้านด้วยราคาสูงมาก ซึ่งนี่เป็นเหล้าเบอร์เบินที่แต่เดิมถูกมองว่าเป็นเหล้าท้องถิ่นชนบท แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการที่ถูกพูดออกสื่อผ่านดารานักแสดงดังหลายคน มันเริ่มกลายเป็นเหล้ามูลค่าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเหล่านักสะสมและคนมีเงินที่ซื้อขายกันผ่านอินเทอร์เน็ตในราคาสูง เพราะหายากและแต่ละปีมีการผลิตจำนวนจำกัด จากเหล้าขวดราคาไม่กี่สิบดอลลาร์ ราคาพุ่งไปเป็น 4,000 ดอลลาร์ แล้วไปๆ มาๆ เขาก็ค้นพบการเข้าถึงคนระดับสูงที่มีเงินและช่องทางที่จะปล่อยขายเหล้าเบอร์เบินได้ รวมกับกลุ่มคนรู้จักของเขาที่ทำงานในโรงงานเหล้าที่พร้อมจะเอาของและการปล้นแบบตอดทีละนิด ในที่สุดเมื่อใครๆ อยากได้เหล้าเบอร์เบินชั้นดีหายาก ก็จะส่งข้อความหาโทบี้เสมอ ทำให้เขากลายเป็นราชาเบอร์เบิน กระทั่งนายอำเภอและเจ้าหน้าที่เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้หลังจากเหล้าแวงวิงเคิลอายุ 20 ปี ถูกพบว่าหายไป นั่นจึงนำไปสู่การเสาะหาร่องรอยของการปล้นเหล้ามูลค่าสูงครั้งนี้

Heist Netlix รีวิว ปล้น สารคดี มินิซีรีส์Heist รีวิว

บทสรุปของแต่ละคดี เป็นเสมือนอุทาหรณ์เตือนใจผู้คนจริง ว่าการปล้นนั้นมันไม่ได้ให้อะไรดีเลยกับชีวิตของเรา ถึงแม้ว่าการปล้นที่ว่าจะได้เงินมหาศาลแล้วดูเหมือนว่าประสบความสำเร็จอย่างงดาม คนที่ปล้นหอบเงินหนีไปใช้ชีวิตต่อได้ แต่ที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีความสุขอะไรนัก ทั้งยังต้องอยู่อย่างหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริง บางคนมีลูก ก็ต้องหลอกลูก จนมาถึงจุดหนึ่งก็ต้องยอมเผยความจริง และต้องยอมรับโทษที่เกิดขึ้น

ในด้านโปรดักชั่น การถ่ายทำ งานสร้าง ถือว่าเป็นงานคุณภาพสูง เสมือนเราได้ดูหนังสารคดีแบบกึ่งซีรีส์ชั้นดีที่บอกเล่าเรื่องราวอย่างไม่น่าเบื่อ มีแทรกมุกตลกร้าย อารมณ์ขันท่ามกลามเส้นแบ่งศีลธรรมเข้ามาอยู่ตลอด

ส่วนหนึ่งที่ดีของซีรีส์คือ มีการนำเสนอและบอกเล่าเรื่องราวในแบบที่ไม่ให้มันดราม่ายืดยาด แต่เน้นความฉูดฉาด เดินเรื่องเข้าประเด็นเร็ว แต่ก็จะมีส่วนที่เดินเรื่องช้าหรือยืดไปบ้างในบางจุด ซึ่งถ้าเอาจริงๆแล้วแต่ละคดีที่บอกเล่ามาสามารถเล่าให้จบในตอนเดียวได้ แต่ตัวสารคดีพยายามเล่าในหลายมุมมองทั้งกับผู้คนที่เกี่ยวข้องในการปล้นนั้นๆ คนที่ลงมือปล้น ครอบครัวของคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเล่าปมที่มาและพื้นเพแต่หนหลังของคนปล้น เพื่อให้เข้าใจแรงจูงใจของพวกเขาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความต้องการเงิน ความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องการถีบตัวจากความอดอยาก และอื่นๆ

ซึ่งการเล่าเรื่องลักษณะนี้ก็ทำให้มันกลายเป็นสารคดีที่มีความรอบด้าน มากกว่าแค่การนำเสนอเรื่องการปล้นปกติ แต่บอกเล่าให้เราเห็นภาพของประวัติศาสตร์และสังคมของอเมริกันในยุค 80s-90s ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาครอบครัว ชนชั้น ปัญหาผู้อพยพ แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของระบบทางการเงินที่หากว่าใครมีความกล้า ความบ้า การเตรียมการ และแผนการที่ดีพอ คุณก็สามารถปล้นเงินล้านได้ โดยไม่ต้องเป็นทีมงานสุดยอดนักโจรกรรมแบบในหนังฮอลลีวูด แต่ก็อย่างที่บอกว่า บรรดานักปล้นเหล่านี้ก็ต้องชดใช้ในความผิดที่พวกเขาทำลงไปเช่นกัน

แล้วอีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างเด่นกว่าสารคดีกึ่งหนังทั่วไป ก็คือการใส่ความเป็น ภาพยนตร์สะท้อนชีวิตตัวละคร ทั้งในแง่ของ อารมณ์ความรู้สึกใส่ดราม่า เรียกว่าเป็นสารคดีที่มีการใส่บทแสดงความรู้สึกด้านอารมณ์ความนึกคิดต่างๆเข้าไปให้ตัวละครที่แสดงอยู่ในเรื่อง สลับกับการให้บุคคลจริงในคดีปล้นเหล่านั้นเป็นคนบอกเล่าเรื่องราว แล้วแทรกเอาความคิดเห็นและความคิดในใจของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในเวลานั้นลงไปด้วย ซึ่งทำให้เราได้เห็นมุมมองความคิดและบริบททางสังคมกับการใช้ชีวิตของพวกเขาในเวลานั้น จนบางทีเราก็อดเอาใจช่วยพวกเขาไม่ได้ ทั้งที่รู้อยู่ว่าสิ่งที่พวกเขาทำลงไปไม่ใช่เรื่องดี ในขณะที่การเล่าเรื่องก็มีการใช้เทคนิคแบบ Time Skip ช่วงเวลาก่อนการปล้นหรือก่อนการก่อเหตุเข้ามาเป็นระยะ ให้เราเห็นภาพรวมของสถานการณ์ มีการใส่ตัวหนังสือระบุ ปี ค.ศ. ตัวใหญ่ๆ แทรกเข้ามาในหนังสารคดี ทำให้เหมือนเรากำลังดูหนังมากกว่า

นอกจากนี้จุดที่น่าสนใจมากก็คือการให้บุคคลในคดีเหล่านั้นจริงๆมาเป็นคนบอกเล่าเรื่องราว สลับกับตัวหนังสารคดี เราเลยได้รับชมเรื่องราวการก่ออาชญากรรมเหล่านี้จากมุมมองของคนที่กระทำความผิดจนถูกจับกุมตัวแล้วติดคุกจนออกมาแล้ว เล่าให้เราฟังจริงๆ ยกเว้นคดีแรกที่ใช้นักแสดงแทนมาเป็นคนเล่า เพราะคดีแรกยังจับตัวบงการหลักไม่ได้ ซึ่งสัดส่วนของการใช้นักแสดงจริงในเรื่องอยู่ที่ประมาณ 20-30% ส่วนนอกนั้นเราจะได้เห็นหน้าตาในปัจจุบันของคนที่เกี่ยวข้องในคดีเหล่านั้นเต็มๆ

แต่จุดด้อยอย่างหนึ่งก็คือ การถ่ายทำด้วยการใส่ฉากที่ดูเหมือนฟุ่มเฟือยเข้ามามากเกินไปนิด ทำให้แทนที่เรื่องราวจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เราจะรู้สึกว่ามันดูยืดออกไปอย่างไม่จำเป็น แต่ตรงนี้เข้าใจว่าผู้สร้างต้องการถ่ายทอด “ชีวิต” ของผู้เกี่ยวข้องในการปล้นเหล่านี้มากกว่าจะแค่บอกเล่าเรื่องของ “การกระทำผิด และ กระบวนการสืบสวนจับกุมคนร้าย” ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปของการทำหนังสารคดีแนวนี้ นี่จึงเป็นหนังสารคดีที่ค่อนข้างใช้เทคนิคเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไปโดยเน้นเล่ามุมมองของผู้กระทำความผิดเป็นตัวเล่าเรื่อง

ถึงอย่างนั้นจุดที่คนรีวิวอดคิดไม่ได้ก็คือ ถึงแม้ทุกคดีจะให้อุทาหรณ์และบทสรุปของคนปล้นว่าไม่ดี แต่มันอาจจะไปกระตุ้นให้คนดูก่อเหตุได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นการบอกเล่าถึง “ช่องว่าง” ของระบบในแต่ละวงการต่างๆว่ามันสามารถทำเงินด้วยวิธีการซิกแซกเหล่านั้นได้ยังไง

ภาพรวมแล้ว นี่จึงเป็นสารคดีการปล้นที่แม้ว่าจะนำเสนอชีวิตนักโจรกรรมเหล่านี้ที่ดูเหมือนว่าพื้นเพของพวกเขาก็คือคนธรรมดาทั่วไป อาจจะเชื่อมโยงกับคนดูได้ไม่ยาก หากอยู่ในสถานะคล้ายกัน แต่หนังก็แสดงให้เห็นว่า คนเราก็มีทางเลือก มันอยู่ที่ว่าเราเลือกจะเป็นแบบไหน หรือจะไปลงเอยเหมือนกับเหล่านักปล้นในสารคดีชุดนี้ครับ

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt14865290/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!