playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The House of Flowers SS1-3 ซีรีส์ LGBT สุดฉาว คาวกลิ่นดราม่าสุดวุ่นวายของ Netflix

  • รีวิวซีซั่น 1 - 8/10
    8/10
  • รีวิวซีซั่น 2 - 7.5/10
    7.5/10
  • รีวิวซีซั่น 3 - 8.5/10
    8.5/10

สรุป

ซีรีส์คอมเมดี้ ตลกร้าย ๆ ที่หยิบยกประเด็น ครอบครัว เพศ และมุมมองทางสังคมต่าง ๆ  มานำเสนอได้น่าสนใจ สนุก แซ่บ เผ็ด และชวนติดตาม ตัวละครมีมิติ นักแสดงเล่นดี อาร์ทเวิร์คสวย เป็นซีรีส์แนวครอบครัว ที่มีความตลกร้ายแอบแฝงอยู่ในเรื่องราว สามารถดูและสนุกไปกับการดำเนินของเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี ดูแล้วเราจะอินและติดตามตัวละครต่าง ๆ ได้เลย ใครที่ชอบซีรีส์แนวความวุ่นวาย แบบครอบครัว ๆ นี้ก็แนะนำอย่างยิ่งให้ได้ลองรับชมกันค่ะ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • มีตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศและอายุ แถมหน้าตาดีกันทุกคน
  • เนื้อเรื่องดำเนินได้รวดเร็ว เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ มีอะไรให้ชวนตื่นเต้นเสมอตลอดทั้งซีซั่น
  • งานอาร์ทเวิร์คสวยมาก มีความละเอียดใส่ใจในส่วนต่างๆ ตั้งแต่ชื่อเรื่อง โทนสีภาพประกอบ
  • ซีรีส์ไม่เครียดมีความตลกร้ายที่ลงตัวหลุดขำออกมาได้จริงๆ
  • ฉาก SEX เปิดเผยโจ่งแจ้งมีแทบทุกตอน
  • เวลาในแต่ละตอนไม่ยาวมากประมาณ 30 นาที

Cons

  • ซีรีส์นำโดยตัวละครหญิงกับ LGTB เป็นหลัก อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่อินกับจริตของเรื่องในแนวทางนี้
  • ตัวละครต่าง ๆ เล่นใหญ่ เกินจริง เปลี่ยนอารมณ์กันแบบรวดเร็ว ( ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นไปตามบท )
  • ซีซั่นที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งทำให้แก่นเรื่องหลัก ความสมเหตุสมผลนั้น น้อยลงจากซีซั่นแรก

The House of Flowers หรือชื่อดั้งเดิม La casa de las flores (บ้านดอกไม้) ซีรีส์ Mexico ของ Netflix ที่หยิบยกเรื่องราวของครอบครัวร้านดอกไม้อันมีชื่อเสียง ภาพลักษณ์ที่แสนจะสมบูรณ์แบบนั้น กลับมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ อันเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวสุดฉาว ปั่นป่วน วุ่นวาย ที่ชวนให้น่าติดตาม จนเรานั้นแทบจะคาดไม่ถึง

 The House of Flowers (2018) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการตัดสินใจผูกคอตายของ “โรเบอร์ต้า” ในร้านดอกไม้ “La casa de las flores” ที่เก่าแก่กว่า 50 ปี ของตระกูล “เดอ ลา มอร่า” ที่ทั้งครอบครัวกำลังจัดงานปาร์ตี้วันครบรอบแต่งงานของ “เบอร์คีเนีย” และ “เออร์เนสโต้” หัวหน้าครอบครัว โดยทิ้งจดหมายที่ซ่อนความลับบางอย่างของครอบครัวนี้ไว้ มีเพียง “เปาลิน่า” ลูกสาวคนโตของบ้านที่ดูแลร้านดอกไม้ที่รู้ว่าเธอเป็นชู้รักกับพ่อมานาน และรู้ว่าทั้งคู่มีกิจการคาบาเร่โชว์ในชื่อเดียวกับร้านดอกไม้ของตระกูล เมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผย ความวุ่นวายต่างๆ ก็ตามมาสู่ครอบครัวนี้ไม่หยุดหย่อน


แนะนำตัวละคร

เบอร์คีเนีย  เดอ ลา มอร่า

เจ้าของกิจการร้านดอกไม้ ” La casa de las flores ” เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครับ นิสัยกล้าตัดสินใจ และเด็ดขาด มีบทบาทในซีซั่นแรกเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นเสาหลักให้ทุกคนในครอบครัวเลยก็ว่าได้

เออร์เนสโต้  เดอ ลา มอร่า

สามีของ เบอร์คีเนีย ใจเย็น และสุขุม มีบทบาทในซีซั่นแรก ซีซั่นถัดมาบทน้อยลง

เปาลิน่า เดอ ลา มอร่า

พี่สาวคนโตของบ้านดอกไม้ เป็นคนควบคุมธุรกิจของบ้านดอกไม้ (ทั้งสองหลัง) มีนิสัยชอบบงการ ค่อนข้างจุกจิก เพราะด้วยความที่ต้องแบกรับอะไรหลาย ๆ อย่างจากครอบครัว มีลูกชายแล้วหนึ่งคนชื่อ บรูโน่ มีสามีเป็นทนายความตอนนี้แยกกันอยู่ เธอเป็นตัวละครหลักของทั้งสองซีซั่นเป็นตัวดำเนินเนื้อเรื่องหลักของครอบครัวนี้

 

เอเลน่า เดอ ลา มอร่า

พี่สาวคนรอง เป็นสถาปัตนิก เรียนสถาปัตยกรรมมาจาก New york และมีแฟนที่นั่นกำลังวางแผนจะแต่งงานกัน บุคลิกเธอเป็นคนสวย มีเสน่ห์ และมักควบคุมอารมณ์ทางเพศไม่ค่อยได้ เธอมักจะมีปัญหากับการเลือกผู้ชาย

ฮูเลียน เดอ ลา มอร่า

น้องชายคนสุดท้องแห่งบ้านดอกไม้ นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ เก่งเรื่องเดียวคือเรื่อง SEX มีแฟนสาวอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่ก็แอบมีความสัมพันธ์กับ ดิเอโก้ ที่ปรึกษาทางการเงินประจำบ้าน

 

ดิเอโก   โอลเบรา

ที่ปรึกษาทางการประจำบ้าน ” La casa de las flores ” มีความสัมพันธ์อย่างลับ ๆ กับ ฮูเลียน เป็นผู้ใหญ่ ต้องการความชัดเจนจาก ฮูเลียน เรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ มีบทบาทสำคัญต่อเนื้อเรื่องทั้งในซีซั่น 1 และ 2

 

เจนนี่ เกตซัล

ผู้นำลัทธิ “หมู่ชน” เป็นนักต้มตุ๋นหลอกล่อเอาเงินจากสาวก ด้วยการหว่านล้อมคำพูดต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในซีซั่น 2 ส่งผลกระทบต่อครอบครัวบ้านดอกไม้เป็นอย่างมาก

รีวิวซีซั่น 1 

The House of Flowers ตัวอย่างซีซั่น 1

 

ซีรีย์เป็นแนวคอมเมดี้ ครอบครัว ที่หยิบยกเรื่องราวประเด็นของครอบครัวมาพูดถึงได้อย่างน่าสนใจ จากภายนอกที่ดูสมบูรณ์แบบของครอบครัวนี้ กลับมีความตลกร้ายแฝงอยู่ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่โศกนาฏกรรมตอนเริ่มเรื่อง ตัวเราที่รับชมอยู่จะต้องคิดแน่ ๆ ว่าระหว่างเรื่องหลังจากนั้นมันจะต้องมีการสืบสวนเพื่อคลายปมต่าง ๆ กัน แต่ไม่ใช่อย่างงั้นเลย ตัวซีรีส์เฉลยทันทีที่จบในตอนแรกและเล่าต่อถึงเหตุการณ์ที่ส่งผลในถัด ๆ ไป เป็นเรื่องราวของการประคับประคองความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีรอยร้าวใหญ่ ผ่านความลับต่างๆ ที่ค่อยๆ เปิดเผยออกมา โดยมีเรื่องความหลากหลายทางเพศของตัวละครหลายตัวเข้ามาเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของเรื่องร่วมด้วย ซึ่งทั้งหมดถูกหยิบยกออกมาเล่าได้อย่างลงตัวและสนุกสนาน มีหลากหลายอารมณ์ให้เราได้รับชม ไม่ว่าเป็นทั้ง คอมเมดี้ ดราม่า โรแมนติก

La Casa De Las Flores

จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือชื่อ บ้านดอกไม้ The House of Flowers นี้แหละ ซึ่งก็ยังคงเป็นคอนเซ็ปต์สำคัญของเนื้อเรื่องทั้งหมด ถ้าให้เปรียบเปรียบบ้านหลังนี้ ครอบครัวนี้ ก็เหมือนกับหมู่ดอกไม้ที่ถูกจัดวางได้อย่างสวยงาม ต่างเป็นดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน และมารวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง มีสีสัน จัดจ้าน สวยงาม แต่ก็ยังแฝงไปด้วยหนามอันแหลมคม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในซีรีย์เรื่องนี้คือชื่อตอนในแต่ละตอน จะเป็นชื่อดอกไม้ชนิดต่าง ๆ โดยแต่ละดอกนั้นบ่งบอกถึงเนื้อหาในแต่ละตอน เช่น ตอนที่ 1 มีชื่อว่า NARCISSUS (symb. lies) ใน Netflix โปรไฟล์ภาษาไทยจะใช้ชื่อว่า นาร์ซิสซัส (สัญลักษณ์ของคำโกหก) ที่เป็นการบอกเรื่องราวเกี่ยวกับความลับของบ้านดอกไม้ คำโกหกของผู้เป็นพ่อได้ถูกเปิดโปงออกมาแล้ว

ในส่วนความหลากหลายทางเพศในเรื่องถูกใส่เข้ามาให้มีบทบาทกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก อย่างตัวละครในเรื่องที่รู้ตัวว่าตนเองนั้นเป็นเกย์แต่ไม่สามารถเปิดเผยสาธารณะได้ เพราะต้องรักษาชื่อเสียงของครอบครัวเอาไว้ หรือการที่มีตัวละครข้ามเพศเกิดขึ้นกับหลังการแต่งงานมีลูกกันไปแล้ว การเป็นไบเซ็กชวลที่รักทั้งหญิงและชายจนต้องเลือกว่าจะต้องแต่งงานกับใคร เนื้อเรื่องแม้จะมีปมปัญหาที่ดูเครียด แถมเต็มไปด้วยฉาก SEX ของตัวละคร LGTB แบบโจ่งแจ้งมากมาย แต่เรื่องถูกเล่าออกมาแบบสนุกสนานเป็นแบดโจ๊กขำๆ โดยยังมีเนื้อหาสาระจริงจังของประเด็นเหล่านี้อยู่อย่างครบถ้วน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็จะคลายปมออก เป็นเรื่องราวของการรู้จักปล่อยวาง การยอมรับเห็นคุณค่าในตัวคนมากกว่าเพศสภาพ อายุ หรือสิ่งอื่นใด

ซีรีย์ทำให้เราเห็นว่าตัวตนของแต่ละคนในเรื่องนี้มีชีวิตสองด้านที่เปิดเผยและปกปิด เหมือนกับบ้านดอกไม้ที่มีอยู่สองหลัง หลังหนึ่งคือร้านขายดอกไม้และอีกหลังนึงคือคาบาเร่โชว์ ที่มีสถานะตัวตนและหน้าที่แตกต่างกัน ร้านแรกเป็นหน้าตาของตระกูล อีกร้านเป็นแหล่งทำเงินที่ช่วยให้ครอบครัวให้อยู่รอด ทั้งคู่ต่างมีความสำคัญกับครอบครัวนี้ ซึ่งการบริหารกิจการของทั้งสองร้านต่างก็มีอุปสรรคเกิดขึ้นมาตลอดเรื่อง คู่กับปัญหาชีวิตของตัวละครในเรื่องจากการมีตัวตนสองด้านเช่นกัน แต่ปัญหาทั้งหมดก็ฝ่าฟันและผ่านพ้นไปได้ด้วย “สายสัมพันธ์ของครอบครัว” นั่นคือจุดเด่นและเสน่ห์ของเนื้อเรื่องบ้านดอกไม้ในซีซั่นแรกนี้

ถึงแม้ว่าซีรีส์จะมีความโดดเด่นน่าสนใจและทำได้ดีลงตัวในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยการนำเสนอเน้นตัวละครผู้หญิงกับตัวละคร LGTB หลายตัวในเรื่องเป็นหลัก ก็อาจจะมีจริตแบบสาวๆ และโลกของความสัมพันธ์ตัวละครที่ต่างไปจากปกติมาก ซึ่งถ้าคนไม่อินหรือรับได้กับเรื่องพวกนี้ ก็จะไม่สนุกไปกับเรื่องราวทันที แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจได้ว่าเป็นสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้อยากจะนำเสนอ

โดยภาพรวมซีซั่น 1 ทำออกมาได้อย่างสวยงาม ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์ปมประเด็นต่าง ๆ เป็นของตนเอง นักแสดงเล่นสมบทบาท การดำเนินของเรื่องก็ใส่เอาไว้ได้อย่างแยบยล ความละเอียดในเนื้อเรื่องแทบจะพูดได้เลยว่าสนุก น่าติดตาม และมีความเป็นตัวของตัวเองสูงในการนำเสนอเรื่องราวมากมาย ทุกอย่างในเนื้อเรื่องยังคงคอนเซปต์ The House of Flowers ได้เป็นอย่างดี และถึงแม้มีจุดพีค ปมประเด็นต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามามากมายของเนื้อเรื่อง ก็ไม่ทำให้เกิดความสับสนแต่อย่างไร บทมันสามารถปูให้มีความสมเหตุสมผลในแบบของมัน ตอนจบในท้ายซีซั่นเป็นการตัดจบแบบทิ้งเรื่องราวไปต่อซีซั่น 2 แต่ไม่ค้างคาเพราะดูต่อได้ทันที

รีวิวซีซั่น 2 การกลับมาอีกครั้งของ บ้านดอกไม้

The House of Flowers ตัวอย่างซีซั่น 2

*มีสปอยเนื้อหาสำคัญจากซีซั่น 1*

กลับมาอีกครั้งของ ” La casa de las flores ” บ้านดอกไม้ที่ไม่มีบ้านดอกไม้อยู่อีกต่อไปแล้ว จากตอนจบของซีซั่น 1 ที่เบอร์คีเนียได้ขายบ้านดอกไม้ออกไปเพื่อเอาเงินไปประกันตัวเออร์เนสโต้ และได้หนีออกจากครอบครัวนี้ ดิเอโกก็ไปหนีและหายตัวไปจากครอบครัวนี้พร้อมนำเงินของครอบครัวนี้ไปด้วย เหล่าบรรดาลูก ๆ ทุกคนก็ต่างแยกย้าย ไปในทางของตนเอง ซีรีส์เล่าเรื่องต่อ 1 ปีให้หลังจากเหตุการณ์นั้น  ซีซั่นนี้จึงเริ่มต้นที่ ทุกคนต่างแยกย้ายไปในทางของตนเองแต่ก็เกิดเรื่องให้มารวมตัวกัน นั้นก็คือ เบอร์คีเนีย นั้นเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลงไปแล้ว จึงมีการรวมตัวเพื่อทำเรื่องจากพินัยกรรมต่าง ๆ และการรวมตัวกันครั้งนี้ก็เป็นการรวมตัวกันเพื่อทวงคืนบ้านดอกไม้อีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่สำคัญอย่าง เบอร์คีเนีย ที่เสียชีวิตลงนั้น ส่งผลต่อซีรีส์ภาคนี้เป็นอยากมาก เพราะมันทำให้เนื้อเรื่องหลักตัวละครถูกเปลี่ยนมาเน้นเรื่องราวที่ลูกทั้งสามของเธอมากขึ้น ปฎิเสธไม่ได้ว่าตัวเบอร์คีเนียนั้นเป็นจุดเด่นของซีรีย์ การขาดหายไปของเรื่องราวของเธอ เริ่มซีซั่นมาด้วยความรู้สึงโหว่ง ๆ ว่า ” อ้าว แล้วเรื่องราวที่ต่อจากซีซั่นแรกล่ะ ที่เบอร์คีเนียหนีออกไป หายไปไหน ไปทำอะไรบ้าง ยังไง ?” เรื่องราวนี้กลับถูกตัดหายไปแล้วเริ่มด้วยการเสียชีวิตของเธอเลย จากจุดนี้ทำให้คนที่ติดตามดูมาตั้งแต่ซีซั่นแรกรู้สึกสับสน มีความรู้สึกขัดใจ ความสมเหตุสมผลในเนื้อเรื่องก็ไม่แยบยลเท่าซีซั่นก่อน บุคลิกของตัวละครก็มีความแปรเปลี่ยนไปจากซีซั่นแรกเป็นอย่างมาก อย่างตัวละคร เปาลิน่า ที่มีนิสัยชอบบงการ ควบคุมทุกอย่าง และมีความแข็งกร่าว กับกลายเป็นผู้หญิงที่ชอบบ่นอะไรหลาย ๆ อย่างไป ร้องไห้และงอแงเลย ในเนื้อเรื่องของเอเลน่าก็สุดโต่งเหมือนกัน จากซีซั่นแรกที่เธอมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ซีซั่นนี้ได้ขยี้จุดนี้ของเธอเอาไว้อย่างสุดโต้ง กลายเป็นว่าเธอนั้นหลงใหลผู้ชายได้ง่ายมาก ๆ ผู้ชายมีอิทธิพลต่อเธออย่างเห็นได้ชัด และที่ทำให้ชวนงงเลยคือ เออร์เนสโต้ ได้ไปเข้าไปเป็นสาวกของลัทธิหมู่ชนได้ยังไง แต่ในด้านของฮูเลียนที่ยังเอาแน่เอานอนเรื่องความสัมพันธ์กับดิเอโก้ไม่ได้สักที ในซีซั่นนี้เราได้เห็นพัฒนาการของความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองคนมากขึ้น

ภาพรวมของซีซั่น 2 มีความสมเหตุสมผลน้อยลง ความสนุกลดน้อยลง ถ้าใครที่ดูแล้วไม่ชอบก็อาจจะเลิกดูไปเลยก็ได้ แต่จำนวนตอนที่สั้นกว่ามีเพียง 9 ตอน ตอนละไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็คิดว่าดูได้ไม่เสียเวลามาก ทั้งนี้ในการดำเนินเนื้อเรื่องก็ยังคงมีสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองอยู่ นักแสดงยังคงแสดงได้สมบทบาทเช่นเดิม ยังคงไม่ทิ้งประเด็นหลักที่สำคัญของเรื่องนั้นคือครอบครัว ที่คอยช่วยเหลือกันและกัน ประเด็นหลักเรื่องการกอบกู้ร้านดอกไม้เข้ามาก็มีความสมเหตุสมผลพอ และยังคงมีประเด็นรองของตัวละครต่าง ๆ ที่สามารถรับชมได้อย่างสนุกสนานเหมือนเดิม แม้ในช่วงการดำเนินเนื้อเรื่องแรก ๆ จะขัดใจไปบ้าง แต่ในช่วงท้ายของซีซั่นนี้ ซีซั่นยังคงทำตอนจบที่ Impact ต่อคนดูไปไม่แพ้เท่าซีซั่น 1 เป็นตอนจบแบบที่ค้างคาในแบบของซีรีส์เรื่องนี้และทำให้เราอยากดูซีซั่นต่อ ๆ ไป

บ้านดอกไม้ ตอนพิเศษ *มีสปอยเนื้อหาสำคัญจากซีซั่น 1*

The House of Flowers Presents: The Funeral 

The House of Flowers Presents: The Funeral บ้านดอกไม้ ตอน บอกลาเบอร์คีเนีย เป็นตอนพิเศษที่แยกย่อยออกมาจากซีรีส์ The House of Flowers เป็นการย้อนรอยเหตุการณ์ระหว่างช่วงท้ายซีซั่น 1 และเริ่มต้นซีซั่น 2 จะเป็นเหตุการณ์การจัดงานศพเพื่อร่วมกันไว้อาลัยให้กับเบอร์คีเนีย แม่ผู้เป็นเสาหลักประจำครอบครัว เดอ รา มอล่า เนื้อหาในตอนพิเศษทำเพื่อให้คำตอบคำถามที่ค้างคาในช่วงการเปลี่ยนผ่านซีซั่น แต่ว่าละตัวละครนั้นเริ่มมีปัญหาอะไรขึ้นบ้าง เป็นการหยิกยกเรื่องราวจากซีซั่น 2 มาขยายเพิ่มขึ้นให้เราเข้าใจถึงที่มาที่ไปของตัวละครหลักของเรา ความงอแงของเปาลิน่า อาการติดผู้ชายของเอเลน่า การเริ่มต้นอาชีพหนุ่มเที่ยวของฮูเลียน และการเริ่มเข้ามาเป็นสมาคมหมู่ชนของเออร์เนสโต้ ทุกอย่างในเนื้อเรื่องนี้ถูกเอามาเล่า ได้อย่างสมเหตุสมผล และยังคงมีความวุ่นวายในแบบของบ้านดอกไม้ได้เป็นอย่าง ถือว่าเป็นการมาอุดรอยรั่วของช่วงเริ่มต้นซีซั่น 2 ได้อย่างลงตัว

รีวิวซีซั่น 3 บ้านดอกไม้สุดฉาว ที่ฉาวขึ้นได้อีก!!

The House of Flowers ตัวอย่างซีซั่น 3

*มีสปอยเนื้อหาสำคัญจากซีซั่น 2 *

 

หลังจากความวุ่นวายที่ทิ้งทวนไว้ในซีซั่น 2 ไม่รอช้า ก็กลับมาอีกครั้งกับบ้านดอกไม้ในซีซั่น 3 นี้ เรื่องราวดำเนินต่อจากซีซั่น 2 ทันที แต่ความแตกต่างของซีซั่นนี้จากซีซั่นที่ผ่านมาคือ การเล่าดำเนินเรื่องที่เล่าเรื่องสลับกันไปมาระหว่างเหตุการณ์ในอดีตเมื่อสมัยเบอร์คีเนียยังสาวเล่าถึงความเป็นมาเป็นภูมิหลังของเรื่องราวตัวละครที่สำคัญ ๆ อย่างตัวเธอเอง เออร์เนสโต้ โซโลมอน และ การ์เมล่า กับเหตุการณ์ในปัจจุบันของเหล่า ๆ สมาชิกในบ้านดอกไม้ที่ยังวุ่นวายสับสน และดำเนินไปเรื่อย ๆ จากในตอนท้ายของซีซั่น 2 ที่เปาลิน่าที่ได้เข้ามาอยู่ในคุก เอเลน่าที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราและได้ท้องลูกของเธอกับดิเอโกไปพร้อม ๆ กัน และในซีซั่นนี้มีตัวละครที่เพิ่มเข้ามาคือ คุณยายของบ้านดอกไม้ ซึ่งเธอจะเข้ามามีบทบาทสำคัญให้กับซีรีย์นี้นั้นเอง

โดยภาพรวมซีซั่น 3 ทำออกมาได้ดี สวยงามกลับมาโดดเด่นได้ไม่แพ้ซีซั่นแรก ในซีซั่นนี้ ตอนทั้งหมดมี 11 ตอน ความยาวประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งถือว่าไม่ยาวไม่สั้นจนเกินไป แต่ละตอนนั้นชวนให้น่าติดตาม เรื่องราวถูกเล่าสลับกันไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เล่าเปรียบเทียบกันได้อย่างสนุกสนาน เอกลักษณ์ของเรื่องยังคงมีอยู่ชัดเจน เรื่องราวของ LGBT ซีซั่นนี้ ก็ยังคงชัดขึ้นไปอีก มีฉากให้เห็นเราได้เห็นกันแบบจ่ะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากจูบหรือฉากเซ็กส์ก็ตาม เรียกได้ว่าถึงพริกถึงขิงกันสุด ๆ  ในส่วนของการเล่าเรื่องของ LGBT ก็มีให้เปรียบเทียบถึงมุมมองของสังคมที่มอง LBGT ต่างกันที่ในแต่ละยุคสมัย ที่เราคนดูนั้นสามารถสนุก หัวเราะ ซึ้ง ร้องไห้ ไปกับเนื้อเรื่องได้แน่นอน ส่วนประเด็นในเรื่องของครอบครัวซีซั่นนี้ ก็ได้เติมเต็มเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมดที่ผ่านมา สรุปออกมาอย่างสวยงาม และบทสรุปของตอนท้ายเป็นบทสรุปที่จบลงได้ลงตัวถือว่าเป็นการปิดไตรภาคของซีรีย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นในเว็บคลิกที่นี่

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!