playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Laundromat รู้แล้วรวยด้วยช่องทางโกงภาษีระดับโลก

The Laundromat

สรุป

นี่เป็นหนังที่ตัวเนื้อหาหลักจากเรื่องจริงของคดีระดับโลก “ปานามาเปเปอร์” ซึ่งดูเข้าใจยากซับซ้อนเต็มไปด้วยภาษากฎหมาย แต่หนังทำออกมาย่อยง่ายดูเพลินๆ พยายามใส่มุกตลกเสียดสีตลอดเวลา ขำบ้างไม่ขำบ้าง เพียงแต่หนังออกจะดูเรียบๆ ชิลๆ จนเกินไป ดูจบแล้วก็จบ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • จับเรื่องราวยากมาย่อยให้ดูง่าย
  • ตลกเสียดสีเล็กๆ ตลอดเรื่อง
  • รวมดาราดังไว้เยอะมาก (แต่บทน้อย)

Cons

  • หนังเรียบๆ เรื่อยๆ ไม่มีช่วงพีคกดดันเร้าอารมณ์เลย

The Laundromat ซัก หลบ กลบ ฟอก หนังของผู้กำกับ Steven Soderbergh (จาก Ocean’s Twelve) เล่าเรื่องราวของคดีสะท้านโลก “ปานามาเปเปอร์” ซึ่งเป็นเอกสารลับรายชื่อลูกค้าของบริษัท ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ที่ทำธุรกิจเปิดบริษัทบังหน้าให้เศรษฐีทั่วโลกเพื่อเลี่ยงภาษีในแต่ละประเทศ โดยมีหญิงหม้ายคนหนึ่งไล่ตามสืบเรื่องราวทุจริตของบริษัทนี้ หลังจากโดนเบี้ยวไม่ได้เงินประกันชดเชอยเยียวยาอุบัติเหตุเรือล่มที่ทำให้สามีของเธอเสียชีวิต

มอสแซค ฟอนเซกา
มอสแซค ฟอนเซกา

นี่เป็นหนังที่เล่าเรื่องการกำเนิดบริษัท ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ที่มี 2 ทนายความ “มอสแซค” ที่เล่นโดย Gary Oldman กับ “ฟอนเซกา” Antonio Banderas  ร่วมกันสร้างธุรกิจรับเปิดบริษัทบังหน้านอกประเทศที่เรียกกันว่า “เปลือก (Shell)” ช่วยเหลือเศรษฐีทั่วโลกเลี่ยงภาษี ฟอกเงิน หาทางทำกำไรจากช่องว่างกฎหมาย โดยที่เขาทั้งคู่ยืนกรานว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ผลกระทบจากวิธีซิกแซกของพวกเขาก็ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อในโลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือหญิงหม้าย Elena (เมอรีล สตีฟ) ที่สามีตายแล้วไม่ได้รับเงินชดเชยโดยตรงจากบริษัทประกัน เนื่องจากบริษัทพวกนี้โยนความรับผิดชอบส่งต่อไปให้บริษัทเปลือกที่เกิดจาก ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ นั่นเอง ทำให้เธอต้องตามสืบความฉ้อฉลในครั้งนี้ด้วยตนเอง

แต่อย่าพึ่งเข้าใจว่า The Laundromat เป็นหนังสารคดีนะครับ เพราะนี่เป็นหนังจริงๆ เพื่อความบันเทิงล้วนๆ แค่อ้างอิงเรื่องจริงจากคดี “ปานามาเปเปอร์” มาย้อนรอยให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ จะถูกเปลือยล่อนจ้อนทั่วโลกขนาดนั้น ซึ่งตัวละครหลักมีตัวตนจริง แต่ไม่ได้ออกมาเล่าเรื่องราวตามที่เห็นในหนัง ซึ่งสูตรถนัดของผู้กำกับ Steven Soderbergh ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว กับการตัดฉากคั่นให้ตัวละครหลักมาเล่าเรื่องให้ย่อยง่ายขึ้นอีกชั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะงงกับเรื่องราวเส้นทางการเงินซับซ้อนในคดี เพราะหนังทำให้เข้าใจง่าย แถมออกจะขำๆ กับการเปรียบเทียบต่างๆ ด้วยคำเปรียบเปรยตลกๆ อย่างเงิน คือ กล้วยหรือวัวที่แลกกันในอดีต (ตัวอย่างตามภาพด้านล่างประกอบ)

The Laundromat
ตัวอย่างฉากตลกเสียดสีในเรื่องย้อนไปถึงสมัยมนุษย์หิน -The Laundromat

ตลอดเรื่องทั้งมอสแซคกับฟอนเซกาจะออกมาเล่าถึงช่วงเวลาต่างๆ ของบริษัทในแบบที่ดูชิลๆ เหมือนเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันไม่เห็นจะผิดตรงไหน พร้อมตัดสลับกับเรื่องราวของ Elena แทรกเข้ามา ซึ่งเธอเป็นเหยื่อโดยตรงจากธุรกิจของพวกเขา ซึ่งก็เป็นมุมที่น่าเห็นใจจากคนตัวเล็กๆ ที่พยายามสู้กับระบบใหญ่โตของชนชั้นสูงที่แอบทำกันมา จนเป็นเเรื่องปกติที่ไม่ปกติในมุมของชนชั้นล่างที่ตกเป็นทาสกดขี่โดยไม่รู้ตัว หนังทำให้เห็นว่าเธอพยายามขุดคุ้ยบริษัทนี้เต็มที่ แม้จะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกที่รองรับเศรษฐี นักการเมืองชั้นสูงของทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่จีนที่ว่าเข้มงวดเรื่องพวกนี้หนักหนาขนาดมีโทษประหารชีวิตก็ยังมีพวกไปใช้บริการแบบนี้จนได้ ซึ่งหนังจะพาไปให้เห็นลูกค้าของ มอสแซค ฟอนเซกา ในหลายประเทศหลากรูปแบบทั้งที่ทำธุรกิจขาวสะอาดก็ยังต้องมาใช้บริการเพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง และแม้แต่พวกที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมก็ด้วยเหมือนกัน ซึ่งตัวมอสแซคกับฟอนเซกาจะยืนกรานว่าตัวเองเป็นแค่ทางผ่าน ไม่ได้มีส่วนร่วมรู้เห็นใดๆ กับลูกค้าทั้งสิ้น (และไม่อยากรับรู้ด้วย)

Elena เมอรีล สตีฟ
มอรีล สตีฟ

สุดท้ายบริษัท ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ที่เปิดมา 25 ปีก็มาล่มเพราะความลับของลูกค้าถูกเปิดเผยเป็นเอกสารครั้งยิ่งใหญ่ต่อสาธารณชน หนังจบด้วยการเฉลยเรื่องราวที่มาของการเปิดเผยนี้ว่าเป็นใคร ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่แต่งเติมขึ้นมาให้สมกับเป็นหนังเท่านั้น แต่ก็มีการอ้างอิงว่าคำพูดมาจากแถลงการณ์ของ John Doe’s บุคคลนิรนามที่ส่งเอกสารให้กับสื่อนั่นเอง พร้อมกับเฉลยผู้ร้ายตัวจริงในเรื่องว่าเป็นใคร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่แล้วแต่ทำอะไรไม่ได้นั่นเอง

ที่ ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ล่มพังครืนในพริบตาก็เพราะอเมริกากดดันให้ปานามาจัดการโดยด่วน เพราะตัวเองก็ขายขี้หน้าที่มีติดรายชื่อไปจำนวนมาก และสุดท้ายบริษัทแบบนี้ก็กลายเป็นไปอยู่ในรัฐของเมริกาแทน ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ทำเลยแม้แต่น้อย

 

นี่เป็นหนังที่เนื้อหาหลักจากเรื่องจริงดูจะเข้าใจยากซับซ้อนเต็มไปด้วยภาษากฎหมาย แต่หนังทำออกมาย่อยง่ายดูเพลินๆ มีตลกเสียดสีตลอดเวลา พร้อมทั้งเคสประกอบลูกค้าของ ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ที่ออกฮาๆ แปลกๆ เกินกว่าที่เราคิดว่าปัญหาของคนรวยจะมีแบบนี้ด้วย ดาราหลักรุ่นใหญ่ทั้ง 3 คนก็เล่นได้ดี และยังรวมดาราดังไว้เยอะมากตามสูตรของผู้กำกับคนนี้ (แต่มีบทออกมาน้อย) แม้นี่จะเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็มีความน่าสนใจเฉพาะทางในตัวเรื่องราว ซึ่งถ้าให้เราไปอ่านไล่ประวัติคดีนี้เองก็คงงงและน่าเบื่อสุดๆ แน่ เพียงแต่หนังออกจะดูเรียบๆ ไม่ได้หวือหวามีฉากใหญ่โตหรือช่วงกดดันในเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องดูชิลๆ ไปหมด เลยอาจจะกลายเป็นหนังที่ดูแล้วก็จบไม่ได้จดจำอะไรมากมายนัก

ตัวอย่างหนัง The Laundromat ซัก หลบ กลบ ฟอก

รีวิว Wounds สัญญาณสั่งตาย ถ้าไม่กลัวเสียดายเวลาชีวิตจงดู! 

รีวิว ELI อีไล หลอก หลอน ลับลวงพราง ครบสูตรหนังสยองขวัญ

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!