playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ ใหม่ ดาวิกาเล่นได้ดี แต่แนะนำให้เปิดหนังต้นฉบับดูจะดีกว่า…

เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์

Summary

โดยรวมแนะนำเลยว่าคนที่ไม่เคยดูควรดูต้นฉบับก็เพียงพอ เพราะซีรีส์แทบไม่ได้เพิ่มส่วนขยายที่น่าสนใจหรือน่าประทับใจขึ้นมาเลย แถมยังเพิ่มส่วนของแฟนตาซีโลกหลังความตายที่ทำให้เรื่องไม่สมเหตุผลขึ้นมา จนทำให้โครงเรื่องเดิมที่ดีอยู่แล้วมีปัญหาตามมาด้วย แถมด้วยการยัดเยียดเล่าเหตุการณ์ม็อบปี 2563 ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องด้วยยิ่งทำให้เรื่องต้นฉบับลงตัวกว่ามาก สิ่งที่น่าสนใจเชื้อชวนให้ดูก็คงมีแค่การแสดงของ ใหม่ ดาวิกา ที่ยังคงมากด้วยฝีมือและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แม้รับบทนำเทียบกับหมิวก็สูสีเช่นกันครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • ใหม่ ดาวิกา แสดงนำได้ดี 
  • มีความตลกร้ายเยอะ
  • 6 ตอนจบไม่ยาวมาก

Cons

  • เพิ่มตัวละครที่ทำให้เรื่องยืดและมีปัญหา
  • เพิ่มความแฟนตาซีโลกหลังความตาย
  • เพิ่มฉากการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลัก
  • มีฉาก 18+ แบบไม่จำเป็น

 

เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ (6ixtynin9 The Series) ซีรีส์ Netflix 6 ตอนจบ ดัดแปลงจากภาพยนตร์ในตำนาน เรื่องราวของตุ้ม หญิงสาวที่ถูกเลย์ออฟกะทันหัน กับกล่องเงินที่มาวางผิดไว้หน้าห้องเธอ ผลงานล่าสุดของผู้กำกับมือรางวัล “เป็นเอก รัตนเรือง” ที่หวนกลับคืนสู่วงการในรอบ 5 ปี กับการนำผลงานชิ้นเอกที่เคยกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก มาขยายเรื่องราวให้เต็มอิ่ม

6ixtynin9: The Series (2023) on IMDb

รีวิว เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์ที่มาจากผู้กำกับไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกคนหนึ่ง โดยสร้างจากผลงานชิ้นเอกของเขาในปี 2542 ที่เล่นโดย หมิว ลลิตา ปัญโญภาส ซึ่งหาดูได้จากในเน็ตฟลิกซ์เช่นกัน โดยเรื่องราวยังคงเดิม แต่มีการเพิ่มบางส่วนที่แตกต่างเข้ามาอย่าง ฉากแฟนตาซีโลกหลังความตาย ม็อบการเมืองปี 2563 ซึ่งในสองส่วนนี้เองคือจุดหลักที่ต่างไปจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง

ซีรีส์ว่าด้วยพล็อตเรื่องเหมือนหนังหลายๆ เรื่องที่เคยเห็นกันมา อย่างตัวละครไปพบเจอโชคเงินทองเข้ามา แต่ก็ต้องประสบเหตุร้ายตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งคอนเซ็ปต์นี้ตั้งแต่ปี 2542 ที่เขานำมาใช้ก็ยังมีการนำมาเล่าอยู่ตลอด ซึ่งความสนุกของพล็อตนี้คือเนื้อหาหลังจากนั้นมากกว่า ซึ่งตัวซีรีส์ก็หยิบจับบทแบบเดิมมาเล่าแทบทั้งหมด ตั้งแต่การไล่พนักงานออกโดยใช้เสียมซีเสี่ยงทาย ค่ายมวยที่เป็นเจ้าของเงินก็ยังชื่อเดิม ตัวร้ายก็ยังคงบุคลิกเดิม บทพูดเดิม เหตุบังเอิญต่างๆ ในเรื่องก็ยังเป็นบทเดิมที่มีการปรับนิดหน่อยให้ดูทันสมัยขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าโครงเรื่องเดิมทำได้ดีอยู่แล้วกับความอลเวงต่างๆ การนำมาทำซีรีส์แค่ 6 ตอนก็เหมือนการขยายความยาวหนังมากขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ต้นฉบับ 1 ชั่วโมง 55 นาที ซีรีส์ 4 ชั่วโมงกว่า) ซึ่งก็ไม่ถึงกับยากมากเพราะตัวเรื่องยังมีช่องว่างให้เติมเต็มกับเพิ่มเติมเรื่องใหม่ลงไปได้ และการได้ใหม่ดาวิกามาเล่นก็ดึงดูดผู้ชมรุ่นใหม่ให้มาทดลองดูเรื่องนี้ได้เต็ม โดยตัวใหม่เองก็เล่นได้ดีในแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องไปเทียบกับ หมิว ลลิตา ปัญโญภาส ดาราดังในยุคนั้นเช่นกัน 

แต่ปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้คือผู้กำกับไม่เคยทำซีรีส์มาก่อน นี่จึงเป็นผลงานที่เอาของเก่ามายืดให้ยาวขึ้นโดยไม่ได้เจาะลึกลงไปในตัวละครมากขึ้นเลย แม้จะพยายามใส่เรื่องราวเล็กๆ ลงไปอย่างแม่ของนางเอก แต่มันก็ตื้นเขินเอามากๆ แทบไม่มีบทบาทใดๆ ในเรื่องเลยทั้งสิ้น นอกจากนี้การเพิ่มตัวละครให้มีมากขึ้น อย่างช่างสัก แร็ปเปอร์ อีจิ๋ม คนโรคจิต และคนอื่นๆ ก็แทบไม่ได้ช่วยทำให้เรื่องลึกขึ้นเลย กลับทำให้เรื่องดูออกนอกลู่นอกทางไปไกลจนทำให้โครงเรื่องดีๆ แบบเดิมมีปัญหา  อย่างฉากโป๊เปลือยกันเต็มที่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจำเป็นอะไร โดยเฉพาะตอนจบจะเห็นชัดที่เรื่องราวเกิดขึ้น 2 ห้อง กับคน 2 กลุ่ม แทนที่จะเป็นเรื่องในห้องของนางเอกคนเดียว และยังไม่สมเหตุผลมากเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย 

ความไม่สมเหตุผลของเรื่องอาจจะถูกอธิบายได้ว่าซีรีส์เรื่องนี้ตั้งใจเป็นแนวเซอร์เรียล (เหนือจริง) ต่างจากต้นฉบับไปเลยด้วยการให้มีโลกหลังความตายชัดเจน มีวิญญาณ มีคนเก็บวิญญาณ มีเจ้าหน้าที่เหมือนเทวดา  แต่เป็นในแบบติดตลก ซึ่งไม่ผิดอะไรถ้าโลกเซอร์เรียลนี้อยู่ในแบบของมันโดดๆ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องหลัก แต่ในเรื่องนี้คือโลกวิญญาณกลับข้ามกลับมายังโลกจริงได้อีก กลายเป็นคนตายแล้วฟื้นได้ มีความเป็นอมตะที่เทวดามอบให้อีกต่างหาก แม้จะเข้าใจว่าตั้งใจให้ตลกก็ตาม (ตัวละครนี้ขอมีชีวิตจนกว่าบอลไทยจะไปบอลโลกได้) แต่มันไม่สมเหตุผลใดๆ เลยที่หยิบกลับเข้ามาในเส้นเรื่องที่เป็นตลกร้าย แล้วไม่มีคำอธิบายใดๆ เลยสักนิดเดียว (ตัวละครอื่นรู้ว่าคนนี้ตายแล้วกลับมา แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย)

แต่สิ่งที่ดูแล้วแย่ที่สุดคือ การที่ผู้กำกับยัดฉากม็อบการเมืองปี 2563 เข้ามาตรงๆ ตลอดทั้งเรื่อง โดยอิงว่านี่เป็นเรื่องราวที่เกิดช่วงนั้น โควิด+ม็อบ ต่างจากต้นฉบับที่เป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งผลงานหนังไทยที่เสียดสีการเมืองเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และต้นฉบับก็มีเรื่องนี้อยู่แล้วอย่างฉากนางเอกไปทำพาสปอร์ตปลอม แล้วคนทำบอกว่า “ผมไม่เคารพกฎหมาย แต่ผมรักษาคำพูด ไม่เหมือนนักการเมืองที่ตรงกันข้าม” แต่เรื่องนี้ต่างออกไปตรงใส่ฉากพวกนี้เข้ามาตรงๆ ผ่านทางทีวี ผ่านบทสนทนาของตัวละคร วิทยุ แม้แต่ตอนจบเอนเครดิตก็ยังขึ้นเป็นเหตุการณ์เมืองจริง โดยไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักเลย และยังมีเรื่องการนำดาราที่สนับสนุนเหตุการณ์นี้เข้ามาเล่นอีกอย่าง พลอย หอวัง ซึ่งผู้กำกับตั้งใจแน่นอน แต่ผลที่ได้มันคงมีปัญหาในเชิงดราม่ามากกว่าจะเสียดสีกระตุ้นให้คนตื่นรู้ได้จริง แถมยังมีคำถามด้วยว่าตัวละครที่รับสื่อถ่ายทอดเหตุการณ์นี้แบบผ่านๆ แทบทั้งเรื่อง อย่างคนหาปลาตอนจบที่ฟังวิทยุเล่าข่าวการเมือง แต่ท่าทางก็ไม่ได้สนใจ นี่คือต้องการสะท้อนว่าคนพวกนี้ไม่สนใจม็อบด้วยหรือไม่? จนกลายเป็นแง่ลบเหมือนแอบต่อว่าพวกเขาไปซะอีก 

 

โดยรวมแนะนำเลยว่าคนที่ไม่เคยดูควรดูต้นฉบับก็เพียงพอ เพราะซีรีส์แทบไม่ได้เพิ่มส่วนขยายที่น่าสนใจหรือน่าประทับใจขึ้นมาเลย แถมยังเพิ่มส่วนของแฟนตาซีที่ทำให้เรื่องไม่สมเหตุผลขึ้นมา จนทำให้โครงเรื่องเดิมที่ดีอยู่แล้วมีปัญหาตามมาด้วย  สิ่งที่น่าสนใจเชื้อชวนให้ดูก็คงมีแค่การแสดงของ ใหม่ ดาวิกา ที่ยังคงมากด้วยฝีมือและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แม้รับบทนำเทียบกับหมิวก็สูสีเช่นกันครับ (หมิวได้น่ารักกว่าใหม่)

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!