playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว A Million Miles Away จากเด็กเม็กซิกันในฟาร์มที่ไล่ตามฝันจนได้เป็นนักบินอวกาศ!

A Million Miles Away

Summary

หนังชีวประวัตินักบินอวกาศเม็กซิกันที่เล่าเรื่องการต่อสู้กับอคติเชื้อชาติของชาวอเมริกันผิวขาวในมุมสร้างฝันแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี การดำเนินเรื่องสนุกและมอบข้อคิดต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก โดยมีกลิ่นอายความเป็นอยู่ของชีวิตคนเม็กซิกันทั้งเรื่อง Michael Peña ก็แสดงได้ดี แต่เพียงแค่ว่าเขารับบทตั้งแต่หนุ่มจนถึงวัยกลางคนในคนเดียว ทำให้จะดูขัดๆ ในช่วงต้น และผู้สร้างก็ใช้การสคิปข้ามช่วงเวลาต่างๆ ไปไวมาก ทำให้รายละเอียดที่ควรมีกลับหายไปจนน่าเสียดายครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ชีวประวัติ Jose Hernandez นักบินอวกาศเม็กซิกันจากชาวไร่คนแรก
  • เล่าเรื่องด้วยบรรยากาศมิตรภาพชีวิตของชาวเม็กซิกันได้ดี
  • ทำให้เห็นขั้นตอนการเป็นนักบินอวกาศที่ยากลำบากมาก
  • หนังสนุกไปกับการต่อสู้กับอคติทางเชื้อชาติในแง่มุมที่ดี

Cons

  • Michael Peña อายุจริงเยอะเกินช่วงวัยหนุ่ม
  • ข้ามช่วงเวลาบ่อยจนทำให้รายละเอียดหายไปมาก

 

A Million Miles Away ฝันให้ไกลไปถึงอวกาศ ภาพยนตร์ดราม่า amazon Prime ที่สร้างจากหนังสือชีวประวัติ Jose Hernandez และเส้นทางของเขาจากคนงานในฟาร์มสู่การเป็นวิศวกรและนักบินอวกาศ เรื่องราวของความอุตสาหะ ชุมชน และการเสียสละเพื่อบรรลุความฝันที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
A Million Miles Away (2023) on IMDb

รีวิว A Million Miles Away

หนังแนวสร้างฝันแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของโฮเซ่ เฮร์นันเดซ ที่เป็นครอบครัวชาวอพยพ Mexico เข้ามาเป็นคนงานในไร่ของอเมริกา หลังได้เห็นการถ่ายทอดสดปล่อยจรวดไปดวงจันทร์ของนีลอาร์มสตรอง เขาจึงตั้งใจจะเป็นนักบินอวกาศให้ได้ และใช้เวลากว่า 30 ปี ยื่นสมัครเข้าโครงการสำรวจอวกาศของนาซ่า 12 ครั้ง จนสำเร็จได้ในที่สุด

สำหรับนักบินอวกาศส่วนใหญ่คือคนอเมริกันผิวขาว แต่เขาคือคนเชื้อชาติเม็กซิโกคนแรกที่มาจากพื้นเพคนงานในไร่ ซึ่งสิ่งนี้มีความหมายมากกว่านักบินอวกาศโดยปกติ เพราะอเมริกาเองก็มีปัญหาการกีดกันคนเชื้อชาติแบบเขาอยู่เสมอ ซึ่งเหตุการณ์ในเรื่องนี้ก็คืออุปสรรคสำคัญที่สุดที่เขาต้องพยายามฝ่าตรงนี้มาตลอดชีวิต ตั้งแต่โรงเรียนสมัยเด็กๆ ที่มีครูเชื้อชาติจีนเพียงคนเดียวที่มองเห็นความสามารถของเขา และก็เป็นคนที่มอบแรงบันดาลใจให้เขามาถึงจุดนี้ด้วย โดยมีครอบครัวที่เสียสละส่งให้เขาเรียนจนจบมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวในพี่น้อง 4 คน ภรรยา Adela Hernande (แสดงโดย Rosa Salazar) ที่ยอมเสียสละความฝันตั้งร้านอาหารเพื่อให้สามีเอาเงินไปอบรมสกิลดำน้ำลึก ขับเครื่องบิน เรียนภาษารัสเซีย และอื่นๆ หลังเห็นเขาพยายามมาตลอดและไม่สำเร็จ ซึ่งนี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตในวัยกลางคนของเขา 

 

หนังอบอวลด้วยกลิ่นอายของเม็กซิกันทั้งเรื่อง ทั้งอาหาร การใช้ชีวิต รถที่ขับ รูปแบบความสัมพันธ์ครอบครัว เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กที่โตมาก็ยังเป็นคนงานในฟาร์มอยู่ แต่ Jose Hernandez ที่แม้จบปริญญาเป็นวิศกรทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลก็ไม่เคยเปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย เขายังอยู่พ่อแม่ ก่อนจะแต่งงานมีบ้านมีลูกหลายคน มีเรื่องราวของชีวิตแบบที่ต่างไปจากคนอเมริกันผิวขาวโดยสิ้นเชิง แต่มันอบอุ่นและดื่มด่ำในมิตรภาพที่เกิดขึ้นมาก ซึ่งมิตรภาพที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จในที่สุด 

ตัวหนังค่อนข้างลงลึกถึงรายละเอียดขั้นตอนความพยายามเป็นนักบินอวกาศ โดยแบ่งเป็นบทตั้งแต่จุดเริ่มความฝันว่าต้องทำยังไง ขั้นตอนการเตรียมตัวเพิ่มทักษะ โดยเฉพาะช่วงหลังที่หนังเล่าถึงช่วงทดสอบคัดตัวของนาซ่าที่โหดหินมาก อย่างการทดสอบเสี่ยงตายในน้ำให้เหมือนใกล้ตายจริงๆ ซึ่งอยู่ในบทที่คิดว่าทำสำเร็จแล้วก็ยังต้องพยายามมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคจากการระเบิดของจรวดก่อนหน้าทำให้การส่งจรวดขึ้นไปอวกาศถูกระงับ มาเป็นจุดที่แทบจะดับฝันที่เขาพยายามมาทั้งชีวิตไปเลย

 

หนังเล่าเรื่องได้ดี มีความกลมกล่อมมาก แต่ด้วยความที่รายละเอียดในชีวิตของเขามีมากมาย จึงทำให้การดำเนินเรื่องมักจะใช้วิธีสคิปข้ามเวลาเอา อย่างช่วงเวลาตอนเด็กที่น่าสนใจมากก็มีแค่สั้นๆ แล้วก็กระโดดมาเป็นตอนโตที่ Michael Peña เล่นเลย โดยเป็นช่วงจบมหาวิทยาลัยเข้าทำงานใหม่ๆ ซึ่งตัวนักแสดงอายุ 47 แล้ว ทำให้ดูขัดๆ กับเด็กจบใหม่ค่อนข้างมาก แต่ก็ใช้การสคิปข้ามเวลาไปไวๆ ในแต่ละช่วงชีวิตมาแก้ไขจุดนี้ แทนที่จะมีนักแสดงช่วงวัย 20 กว่าอีกสักคนเล่นแทน ทำให้รายละเอียดหลายอย่างหายไปเลย อย่างช่วงการไต่เต้าในหน้าที่การงานที่โดนดูถูกจากเพื่อนร่วมงานมาตลอดก็มีแสดงไว้สั้นๆ หรือช่วงการใช้ชีวิตก่อนแต่งกับภรรยาก็หายไปหมด ในช่วงหลังแต่งงานก็มีลูกกันไวมาก แต่แทบไม่มีรายละเอียดใดๆ เหลือแค่บทพูดช่วงสำคัญเท่านั้น หรืออย่างช่วงที่ไปรัสเซีย 6 เดือนที่น่าจะมีเรื่องเล่าน่าสนใจก็หายไป การฝึกทักษะสกิลต่างๆ ก็แทบไม่ได้เห็นมาก ซึ่งนี่เป็นจุดที่คิดว่าเรื่องนี้ควรได้ทำเป็นซีรีส์น่าจะดีกว่าภาพยนตร์ที่โดนตัดรายละเอียดไปมากจริงๆ

สรุปนี่คือหนังชีวประวัตินักบินอวกาศเม็กซิกันที่เล่าเรื่องการต่อสู้กับอคติเชื้อชาติของชาวอเมริกันผิวขาวในมุมสร้างฝันแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี การดำเนินเรื่องสนุกและมอบข้อคิดต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก โดยมีกลิ่นอายความเป็นอยู่ของชีวิตคนเม็กซิกันทั้งเรื่อง Michael Peña ก็แสดงได้ดี แต่เพียงแค่ว่าเขารับบทตั้งแต่หนุ่มจนถึงวัยกลางคนในคนเดียว ทำให้จะดูขัดๆ ในช่วงต้น และผู้สร้างก็ใช้การสคิปข้ามช่วงเวลาต่างๆ ไปไวมาก ทำให้รายละเอียดที่ควรมีกลับหายไปจนน่าเสียดายครับ


including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!