playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว American Born Chinese เน้นชีวิตวัยรุ่นมากกว่าแอ็กชั่นแฟนตาซีจนดูน่าเบื่อ

American Born Chinese

Summary

โดยรวมเป็นซีรีส์วัยรุ่นที่มีความแปลกแตกต่างจากการดัดแปลงเรื่องราวในตำนานไซอิ๋วมารวมไว้กับชีวิตเด็กวัยรุ่นจีนในสังคมอเมริกัน โดยเน้นไปที่การผ่านอุปสรรคในชีวิตวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นแนวแอ็กชั่นแฟนตาซีเยอะๆ อย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ ซึ่งมองว่าน่าเบื่อมากเหมือนกัน ไม่เหมาะกับผู้ชมที่มองหาแนวเอนเตอร์เทรนดูเพลินๆ สักเท่าไหร่ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • แนววัยรุ่นผสมแฟนตาซีตำนานไซอิ๋ว
  • ดัดแปลงไซอิ๋วออกมาให้ทันสมัย
  • นักแสดงที่เล่นเป็นลูกซูนหงอคงมีเสน่ห์
  • ฉากต่อสู้ทำได้ดี

Cons

  • ฉากแอ็กชั่นน้อย
  • เน้นดราม่าชีวิตวัยรุ่นเยอะเกินไป
  • นักแสดงตัวเอกไม่ค่อยน่าดึงดูด

American Born Chinese ซีรีส์ 8 ตอน ตอนละ 30 นาทีของ Disney+ เรื่องราวของ Jin Wang (แสดงโดย Ben Wang) นักเรียนวัยรุ่นจีนอเมริกันธรรมดาที่แสดงหาการยอมรับจากสังคมเพื่อนในโรงเรียน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนวันหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับ Wei-Chen (แสดงโดย Jimmy Liu) นักเรียนใหม่ชาวจีนด้วยกัน ชีวิตส่วนตัวและโลกของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อต้องไปพัวพันกับการต่อสู้ของเทพเจ้าจีนในตำนาน 
American Born Chinese (2023) on IMDb

 

รีวิว American Born Chinese (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์แนวแฟนตาซีวัยรุ่นที่เหมือนถอดแบบมาจากความสำเร็จของหนังเรื่อง Everything Everywhere All At Once (ชื่อไทย ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส) ที่ได้รางวัลออสการ์ในปีล่าสุด มีความเหมือนตั้งแต่การดึงนักแสดงนำ Michelle Yeoh กับ Ke Huy Quan มาเล่นต่อในเรื่องนี้ อีกทั้งโครงเรื่องที่เป็นแฟนตาซีฉาบหน้าดราม่าครอบครัวจีนในสังคมอเมริกันก็ยังเหมือนกันไม่มีผิด และด้วยกระแสดันเอเชียบุกวงการบันเทิงในอเมริกาช่วงหลังที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้เรื่องนี้จึงกลายเป็นซีรีส์ที่สร้างมาโดยหวังผลเกาะกระแสนี้ไปด้วย 

เรื่องนี้มีต้นฉบับมาจากกราฟิกโนเวลปี 2006 เรื่องราวของเด็กในครอบครัวจีนที่มาปักหลักในอเมริกา ก่อนจะไปพบกับเด็กใหม่ในโรงเรียนที่แท้จริงแล้วเขาคือ ลูกชายของซุนหงอคง หรือเห้งเจียจากไซอิ๋ว ที่มาตามหาคัมภีร์เล่มที่ 4 ที่ไม่เคยมีอยู่ในตำนานดั้งเดิม และเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยหยุดปีศาจวัวจากการล้มล้างเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ 

 

ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นซีรีส์ด้วย งบประมาณในเรื่องจึงมีจำกัด ใครที่หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นแนวแอ็กชั่นแฟนตาซีสวยๆ อลังการอะไรแบบนั้นขอให้เลิกคิดได้เลย เพราะทั้งเรื่องเป็นแนวดราม่าชีวิตวัยรุ่นเป็นหลัก ฉากแอ็กชั่นแฟนตาซีที่สวยๆ มีแค่ในตอนแรกเท่านั้น ต่อจากนั้นก็เว้นว่างแทบไม่มีฉากแบบนี้ให้เห็นอีกเลย แม้แต่เจ้าแม่กวนอิมที่ Michelle Yeoh เล่นก็เป็นฉากแอ็กชั่นสั้นๆ เพียงฉากเดียว แต่ยังดีที่ท่วงท่าการต่อสู้โดยใช้เทคนิคสลิงในหนังกำลังภายในถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ได้สวยเท่แบบฝรั่ง ดูคล้ายฉากนีโอหลบกระสุนในหนัง The Matrix แต่ CG นอกจากนั้นคือธรรมดามาก

เนื้อหาหลักของเรื่องนี้คือความพยายามขายเรื่องราวชีวิตครอบครัวเอเชียในแง่มุมต่างๆ ไม่ต่างอะไรจาก Everything Everywhere All At Once โดยตัวเอก Jin Wang คือเด็กวัยรุ่นจีนที่มีความต้องการให้คนอื่นยอมรับในตัวเขา ซึ่งจริงๆ ก็เป็นพล็อตแนวเด็กวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่ส่วนที่แตกต่างคือเขาเป็นเด็กวัยรุ่นเชื้อชาติจีนที่ในสังคมอเมริกันมักถูกบูลลี่มากกว่าปกติ เป็นประเด็นปัญหาทางเชื้อชาติเหมือนประชาชนชั้นสองของประเทศอเมริกา แต่อยู่ในสังคมโรงเรียนที่เรื่องราวออกมาเบาๆ มากกว่าจะเป็นแนวเคร่งเครียดมาก เพราะทุกปัญหาของ Jin ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร อย่างการอยากเข้าชมรมฟุตบอล การโดนถ่ายคลิปล้อเลียน การแอบชอบสาวฝรั่งน่ารัก ทั้งหมดก็เป็นเรื่องทั่วไปของชีวิตวัยรุ่นปกติ เพียงแต่เขาแค่มีความต้องการมากกว่าคนอื่นที่เขาอยู่เฉยๆ พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ อย่างเพื่อนชาวอินเดียที่บ้าการ์ตูนในเรื่องของ Jin ที่ไม่สนใจใครจะว่ายังไง เขาก็ยังมีความสุขกับกลุ่มคอสเพลย์ในโรงเรียนที่คนอื่นมองเป็นพวกแปลกประหลาดได้อย่างเป็นปกติสุข

 

ในส่วนของความสัมพันธ์กับ Wei-Chen ที่เป็นลูกชายซุนหงอคงนั้นเป็นเรื่องราวเบาๆ มาในแนวมิตรภาพที่เขาพยายามผูกมิตรกับ Jin เพื่อหวังให้เขาตกลงช่วยนำทางไปหาคัมภีร์ให้เจอ และพยายามช่วย Jin ผ่านปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะแตกแยกกัน แล้วก็ค่อยๆ ปรับตัวเรียนรู้มิตรภาพกันใหม่อีกครั้ง แต่ในส่วนของเรื่องราวแฟนตาซีแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Jin เลย ทุกครั้งที่มีฉากแฟนตาซีจะโอนมาให้ Wei-Chen ทั้งหมด จึงทำให้เรื่องนี้เหมือนมีตัวเอก 2 คนร่วมกัน แต่แยกบทบาทส่วนของดราม่ากับแฟนตาซี

ตัวเรื่องยังเล่าถึงชีวิตของตัวละครผู้ใหญ่ทั้งพ่อแม่ของ Jin กับซุนหงอคง โดยในส่วนของพ่อแม่ Jin คือปัญหาความคาดหวังอยากยกระดับหน้าที่การงาน แต่พ่อขาดความทะเยอทะยานต่างจากสมัยที่มาอเมริกาใหม่ๆ จนเหมือนเป็นคนหมดไฟในชีวิต ทำให้แม่ของ Jin รู้สึกผิดหวัง และอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่กลายมาเป็นปัญหาทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่เนื้อเรื่องส่วนนี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแฟนตาซีหลักเลยแม้แต่น้อย

 

ส่วนของซุนหงอคงมีเนื้อเรื่องน่าสนใจกว่าตรงที่เขาเป็นพ่อที่พยายามไม่ให้ลูกชายมีชีวิตที่ผิดพลาด แบบที่เขาเคยเป็นมาในอดีต ซึ่งตัวเรื่องก็อาศัยจุดนี้ย้อนไปให้เห็นว่าตัวละครนี้เป็นมายังไง ในแบบที่ไม่มีให้เห็นในไซอิ๋วดั้งเดิม และผูกเรื่องให้เขาเป็นเพื่อนรักกับปีศาจวัวในอดีต แต่ความผิดพลาดนั้นทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่พังทลายลง ซึ่งก็เหมือนกับปัญหารุ่นลูกที่กำลังเผชิญอยู่ 

ปัญหาหลักของเรื่องนี้คือความคาดหวังของผู้ชมมากกว่า ถ้าคาดหวังว่าจะเป็นแนวแอ็กชั่นแฟนตาซีเยอะๆ ก็ต้องผิดหวังหนักแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องแทบทั้งหมดคือดราม่าชีวิตวัยรุ่นจีนอเมริกันทั่วไป และก็เอาตำนานไซอิ๋วมาดัดแปลงใส่เข้าไปในวัฒนธรรมอเมริกัน ซึ่งผู้ชมตะวันตกคงมองว่านี่คือความแปลกใหม่ แต่ถ้าผู้ชมไทยๆ อย่างเราก็คงไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไรนัก เพราะมีหนังจีนหลายเรื่องแล้วที่ดัดแปลงตำนานเทพจีนออกมาแบบนี้

 

โดยรวมเป็นซีรีส์วัยรุ่นที่มีความแปลกแตกต่างจากการดัดแปลงเรื่องราวในตำนานไซอิ๋วมารวมไว้กับชีวิตเด็กวัยรุ่นจีนในสังคมอเมริกัน โดยเน้นไปที่การผ่านอุปสรรคในชีวิตวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นแนวแอ็กชั่นแฟนตาซีเยอะๆ อย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ ซึ่งมองว่าน่าเบื่อมากเหมือนกัน ไม่เหมาะกับผู้ชมที่มองหาแนวเอนเตอร์เทรนดูเพลินๆ สักเท่าไหร่ครับ

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

Including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!