playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Army of Thieves (Netflix) จักรวาลซอมบี้ของแซ็คที่มาโฟกัสการเจาะตู้เซฟแบบขำๆ (ไม่มีสปอยล์)

Army of Thieves

สรุป

หนังภาคแยกในจักรวาลซอมบี้ของ Zack Snyder ที่โอเคในระดับหนึ่งเลยกับการโฟกัสไปที่โลกของการเจาะตู้เซฟในตำนานโดยตรง ต่างจากหนังแนวรวมทีมปล้นอื่นๆ ที่เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเงินหรือแผนการเป็นหลัก แต่ก็ทำให้บทส่วนนี้อ่อนมาก เป็นแผนการแบบง่ายๆ ออกแนวปล้นได้ขำๆ มากกว่าซีเรียสรัดกุมแบบเรื่องอื่น ตัวเรื่องมีความเชื่อมโยงกับภาคเวกัสนิดหน่อยในเรื่องแรงจูงใจการไปเจาะเซฟที่นั่น พร้อมกับแอบแฝงทฤษฏีไซไฟมิติเวลาเพิ่มเข้ามานิดๆ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (4 votes)

Pros

  • สร้างโลกของนักเจาะตู้เซฟในตำนานมาเป็นเมนหลักของเรื่อง
  • มีปมดราม่าเรื่องราวความรักเชื่อมโยงไปยังการตัดสินใจเจาะตู้เซฟในภาคเวกัส
  • ตัวเรื่องติดตลกนิดๆ กำลังดี
  • คาแรกเตอร์ตัวพระเอกนางเอกมีเสน่ห์
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • แผนการปล้นในเรื่องอ่อนมาก
  • ตั้งใจซอฟท์ความรุนแรงในเรื่องมากไปจนฉากแอ็กชั่นดูเบาไปหมด
  • นักขับรถกับแฮ็กเกอร์ในเรื่องไม่มีบทเด่น

 

Army of Thieves แผนปล้นยุโรปเดือด หนัง Netflix ภาคก่อนหน้าจะเกิดเรื่องราวใน Army of the Dead แผนปล้นซอมบี้เดือด  เล่าเรื่องราวของนักเจาะตู้เซฟในตำนานที่เชื่อมโยงไปถึงตู้เซฟสำคัญในลาสเวกัสที่เกิดเหตุการณ์ซอมบี้ในภาคก่อน

 Army of Thieves (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Army of Thieves แผนปล้นยุโรปเดือด

เรื่องนี้เป็นผลงานเขียนบทของ ผู้เขียนบทในภาคก่อน โดย Zack Snyder ไม่ได้กำกับ แต่เป็น Matthias Schweighöfer นักแสดงที่เล่นเป็นนักเจาะตู้เซฟในภาคก่อนมากำกับแทนควบกับแสดงนำเองด้วย เป็นเรื่องราวช่วงเวลาก่อนหน้าของภาคเวกัส และมีซอมบี้ระบาดเรียบร้อยแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งตัวละครนักเจาะเซฟชาวเยอรมันนี้ยังเป็นแค่ยูทูบเบอร์โนเนมที่ไม่มีใครสนใจวิดีโอเจาะเซฟที่เขาลงไว้ จน “เกวน” หญิงสาวปริศนาที่เป็นหัวหน้าทีมปล้นตู้เซฟธนาคารระดับโลกมานำเสนองานนี้ให้เขา พร้อมทั้งเรื่องราวของตู้เซฟในตำนานทั้ง 5 ที่เป็นตำนานความฝันของนักเจาะเซฟทั่วโลกที่ต้องการเปิดมันให้ได้

เรื่องนี้ก็ยังมาในแนวหนังตลกผสมแอ็กชั่น+อาชญากรรมรวมทีมปล้นคล้ายๆ แบบเดิม แต่คราวนี้จะไม่มีซอมบี้มาเกี่ยวข้องด้วยเลย มีแค่ฉากซอมบี้ในความฝันของตัวเอก “เซบาสเตียน” (ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นดีเทอร์ในภายหลังที่เราดูไปในภาคเวกัส) ซึ่งจุดนี้เองที่ผู้สร้างคงเตรียมเรื่องให้เชื่อมต่อกันไว้แบบหลวมๆ ก่อนด้วยประเด็นไซไฟที่อาจจะทำให้ตัวละครนี้กลับมาในอนาคตได้ (ภาคเวกัสมีทฤษฎีมิติเวลามาเกี่ยวข้อง มีความเป็นไปได้ว่าจะนำตัวละครที่ตายไปกลับมาเล่นได้อีก) ดังนั้นแนวสยองขวัญจากซอมบี้ก็แทบไม่มีในเรื่องนี้เลย

ตัวเรื่องหันมาโฟกัสที่การปล้น โดยเป็นหนังแนววางแผนปล้นธนาคารหลายแห่งของยุโรป โดยมีตำรวจอินเตอร์โปลที่มีความแค้นกับทีมของเกวนมาตามไล่ล่าพวกเขา แต่อาจจะเพราะเรื่องตั้งใจให้เป็นแนวติดตลกอยู่แล้ว การวางแผนในเรื่องนี้จึงไม่ได้มีความลึกซับซ้อนแบบพวกหนังแนวรวมทีมปล้นแบบเรื่องอื่นๆ เลย เรียกว่าทำออกมาง่ายๆ ขำๆ ซะมากกว่า ไม่มีการใช้ปืนจริงยิงใคร ไม่มีฉากการตายหรือฉากกดดันแผนผิดพลาดเกิดขึ้นในเรื่อง มีแค่ฉากต่อสู่ด้วยมือเปล่ากับใช้ปืนลูกดอกยาสลบเล่นงานเท่านั้น ซึ่งทำให้ตัวเรื่องในส่วนนี้เบามากๆ จนเรียกว่าเป็นหนังปล้นแบบทำขำๆ เลยก็ว่าได้ แต่ก็ดูสนุกเพลินๆ ได้อยู่พอสมควร

ส่วนที่โฟกัสจริงๆ ของเรื่องคือการสร้างโลกของวงการเจาะตู้เซฟมากกว่า ด้วยการนำเสนอแนวดวลเจาะเซฟแข่งกันในตอนแรก ต่อมาด้วยการเจาะเซฟในตำนานที่เรื่องปูไว้แบบยิ่งใหญ่เหมือนแหวนในลอร์ดออฟเดอะริง ซึ่งก็มีให้เจาะในเรื่อง 3 ตู้เซฟในสถานการณ์ต่างๆ กัน จุดขายก็คือช่วงเวลาการเจาะของเซบาสเตียนที่ออกแนวเนิร์ดแบบที่เราได้ชมกันไปในภาคเวกัส มีการเปิดเพลงคลาสสิคระหว่างเจาะ พร้อมทั้งลีลาท่าทางการเจาะในแบบต่างๆ ผสมกับ CG กลไกของตู้เซฟแต่ละอันที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าโอเคเลยกับการมาโฟกัสโลกของเจาะเซฟแบบที่ยังไม่มีเรื่องไหนทำตรงนี้จริงจังมาก่อน และตัวเซบาสเตียนกับเกวนเองก็ออกแนวหลงใหลกับการเจาะเซฟในตำนานมากกว่าจะเป็นเรื่องเงินโดยตรง ซึ่งในจุดนี้เองตัวเรื่องก็ปูความเชื่อมโยงไปถึงตู้เซฟใบสุดในตำนานที่อยู่ลาสเวกัส พร้อมทั้งการใส่ปมดราม่าความรักของเซบาสเตียนกับเกวน (รับบทโดย Nathalie Emmanuel) โดยมีแฟนเก่าของเธอในทีมคอยขัดขวางความรักของทั้งคู่ ซึ่งส่วนผสมตรงนี้ช่วยเพิ่มน้ำหนักของการตัดสินใจเจาะเซฟในภาคเวกัสว่าทำไมดีเทอร์ถึงเห็นแบบแปลนตู้เซฟแล้วตกลงรับงานทันที ทั้งๆ ที่รู้ว่าการไปที่นั่นเสี่ยงอันตรายจากซอมบี้มาก

การที่มีหนังแยกเรื่องนี้ออกมาได้ก็เพราะคาแรกเตอร์ของตัวเอกในเรื่องนี้เด่นมากตั้งแต่ภาคเวกัสแล้ว ซึ่ง Matthias Schweighöfer ก็เป็นนักแสดงเยอรมันมาเล่นจริงๆ ตามบท คาแรกเตอร์มีเสน่ห์แบบเนิร์ดๆ ซึ่งเขาก็ยังคงเอกลักษณ์และเสน่ห์ในแบบเดิมไว้ได้ โดยมี Nathalie Emmanuel ในบทเกวนมาเป็นนางเอกผิวสีที่สวยมีเสน่ห์มาก ดูแล้วน่าหลงใหลตามบทที่เซบาสเตียนหลงชอบเธอได้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้เธอจะได้เล่นฉากบู้ของเรื่อง 1 ฉาก ซึ่งการกำกับกับคิวบู๊ออกมาเท่ใช้ได้เลย ส่วนตัวละครอื่นในทีมก็ประกอบไปด้วยตัวละครตามสูตรอย่าง คนขับรถหลบหนี แฮ็กเกอร์ นักบู๊ ซึ่งสองคนแรกแทบจะไม่มีบทเด่นอะไรมากมายนัก แต่นักบู๊ที่เล่นโดย Stuart Martin เป็นแฟนเก่าของเกวนจะมีบทบาทมากหน่อยในเรื่อง พร้อมฉากแอ็กชั่นลุยเดี่ยวปล้นธนาคารที่ครีเอทออกมาดูเจ๋งใช้ได้เลย แต่ไม่ได้ออกมาแนวดุเดือดหรือสมจริงอะไรเพราะสไตล์ของเรื่องเน้นโอเว่อร์ติดตลกเป็นแนวทางหลักของฉากบู๊ในเรื่องนี้

ถือว่าเป็นภาคแยกหนังในจักรวาลซอมบี้ของ Zack Snyder ที่โอเคในระดับหนึ่งเลย แต่แค่บทไม่เข้มข้นมากเท่านั้น สำหรับใครที่ดู Army of the Dead แล้วชอบเรื่องนี้อยู่บ้างก็ควรจะดู แม้จะรู้ว่าจุดจบของตัวละครนี้เป็นยังไงในภาคเวกัสก็ตาม แต่ถ้าใครไม่ชอบภาคแรกอยู่แล้วก็ข้ามผ่านไปได้ไม่เสียหายอะไรครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!