playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Bright: Samurai Soul (Netflix) งานสปินออฟจากต้นฉบับ วิลล์ สมิธ มาเป็นอนิเมะแย่ๆ

Bright: Samurai Soul

สรุป

อนิเมะที่พยายามดัดแปลงสร้างจากต้นฉบับเดิม “Bright” ของวิลล์ สมิธ จากหนังไซไฟแฟนตาซีฝรั่งมาเป็นญี่ปุ่นย้อนยุคถือว่าไม่ผ่าน ไม่เข้ากันเลยกับการดัดแปลงมาทื่อๆ หลายอย่างทำออกมาไม่ดี เนื้อเนื่องเป็นไปตามสูตรง่ายๆ จบแบบทื่อๆ งานแอนิเมชั่น 3D แข็งๆ ใครที่ยังอยากดูคงต้องทำใจไว้หน่อยว่าแค่พอดูผ่านๆ ได้เท่านั้นครับ

Overall
4.5/10
4.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ดัดแปลงจาก “Bright” ของวิลล์ สมิธ มาเป็นอนิเมะย้อนยุคช่วงรวมญี่ปุ่น
  • โลกแฟนตาซีตะวันตกรวมกับญี่ปุ่น
  • มีเสียงพากย์ไทย

 

 

Cons

  • การดัดแปลงจากฝรั่งมาเป็นญี่ปุ่นแบบไม่เข้ากันมากๆ
  • ขาดที่มาที่ไปปูเรื่องโลกแฟนตาซี
  • เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จเดินเรื่องไปแบบทื่อๆ
  • ฉากแอ็กชั่นงั้นๆ
  • แอนิเมชั่น 3D ไม่ได้ดีมาก

 

Bright: Samurai Soul ไบรท์: จิตวิญญาณซามูไร เป็นภาคแยกที่สร้างต่อจาก  “Bright” ฉบับคนแสดงจริงของวิลล์ สมิธ เป็นหนัง Original Netflix ปี 2017 โดยในภาคอนิเมะเปลี่ยนมาดำเนินเรื่องในประเทศญี่ปุ่นช่วงปลายระบอบโชกุนเข้ายุคเมจิ เป็นเรื่องราวของอิโซกับไรเด้น คู่โรนินกับออร์คที่ช่วยกันพา “ซอนยา” เอลฟ์น้อยและไม้กายสิทธิ์ของเธอไปยังดินแดนเอลฟ์ทางตอนเหนือ

 Bright: Samurai Soul (2021) on IMDb

Bright: Samurai Soul ไบรท์: จิตวิญญาณซามูไร

อนิเมะเรื่องนี้ยังเดินตามโครงเนื้อเรื่องหลักของต้นฉบับวิลล์ สมิธ คือมีตัวละครคู่หูต่างเผ่าพันธ์เหมือนเดิมเดิม มีของวิเศษไม้กายสิทธ์เปล่งแสงได้แบบเดิม ซึ่งการสร้างภาคแยกสปินออฟนี้ก็เหมือนต้องการปรับมาแนวญี่ปุ่น ให้เรื่องราวที่มีแฟนตาซีเวทมนต์ได้กลมกลืนไปกับประวัติศาสตร์โลกทางเอเชีย ซึ่งผู้สร้างก็คงคิดว่าน่าจะกลมกลืนเข้ากันได้ตามสไตล์มังงะกับอนิเมะหลายเรื่องที่ชอบหยิบช่วงเวลารวมประเทศญี่ปุ่นของโนบูนางะมาใช้ ซึ่งพลังในการรวมประเทศในเรื่องนี้ก็เลยอ้างอิงว่าเกิดจากของวิเศษในเรื่องนั่นเอง

แม้โครงเรื่องของวิเศษมันอาจจะดูไปกันได้กับอนิเมะญี่ปุ่น แต่ต้องยกเว้นเรื่องนี้ไว้เรื่องนี่แหละ เพราะปกติการมีของวิเศษในตำนานญี่ปุ่นจะเป็นพวกอาวุธดาบในตำนานต่างๆ แต่พอเรื่องนี้ทำโครงเรื่องแบบต้นฉบับก็เลยปรับมาเป็นไม้กายสิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในปิ่นปักผม ซึ่งถ้าใครผ่านเรื่องราวแนวๆ ของวิเศษญี่ปุ่นมาก่อนก็คงไม่อินเท่าไหร่ แล้วตัวเรื่องยังสร้างให้ของวิเศษนี้ออกแนวพลังแสงส่องโลกที่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันช่วยหยุดสงครามได้ยังไง นอกจากคำบรรยายว่ายุคนั้นมืดมน แต่ของวิเศษนี้ส่องแสงขับไล่ออกไปได้ ซึ่งมันเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้เลยตั้งแต่เปิดเรื่อง จนมาถึงหลังๆ ก็ออกแนวใช้ไม้นี่ยิงแสงทำลายศัตรูได้ คืนชีพคนได้แบบงงๆ ว่าไปทำตอนไหนอยู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาได้ ตือจุดนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกสนุกหรือเข้ากับตำนานญี่ปุ่นอะไรได้เลย แต่ถ้าใครไม่ได้เสพแนวญี่ปุ่นมาก่อนก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ครับ

นอกจากนี้คือการใช้โลกแบบอยู่ๆ ซามูไรญี่ปุ่นก็มี ออร์ค กอบลิน เซน เอลฟ์ เซนทอร์ มาร่วมรบ ร่วมสู้ในช่วงรวมประเทศญี่ปุ่นด้วยโดยไม่มีการปูความเป็นมาอะไรเลย เปิดเรื่องมาก็ยัดพวกนี้มาเลยเหมือนว่าเป็นโลกคู่ขนานกับญี่ปุ่นแบบปกติ ซึ่งการไม่ปูความเป็นมาให้คนดูเชื่อถือก็ทำให้จุดนี้สอบตกตั้งแต่แรกทันที ยิ่งใครไม่รู้จักหนังต้นฉบับมาก่อนก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมมีพวกนี้มาร่วมในกองทัพญี่ปุ่นได้ ซึ่งมันส่งผลถึงตัวเอกหลักที่ไม่ใช่มนุษย์ของไรเด้นกับซอนยาด้วย คือเราจะรู้สึกได้เลยว่ามันขัดๆ กับเรื่องราวแนวญี่ปุ่นย้อนยุคตลอด จนทำให้เฉยๆ กับการสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครแฟนตาซีของตะวันตกในเรื่องนี้ไปเลย

นอกจากนี้กลุ่มตัวร้ายของเรื่องก็ถูกยัดให้เป็นฝรั่งตะวันตกไปตามสูตรแบบง่ายๆ แต่ดันเป็นคนญี่ปุ่น ชื่อญี่ปุ่น แต่งตัวในชุดตะวันตก ร่วมกับพวกสัตว์ประหลาดตะวันตกใส่เกราะญี่ปุ่น อย่างมนุษย์ปลาหมึกที่ดันไปเหมือน ดร.ออโตปุส ของสไปเดอร์แมนซะงั้น ซึ่งการรวมดีไซน์สองฝั่งเข้าด้วยกันของเรื่องนี้ออกมาแย่ไม่เข้าท่า ถือว่าสอบตกมากไม่ผ่าน

ส่วนเนื้อเรื่องการผจญภัยหลักผ่านตัวละครคู่หูต่างเผ่าที่ตอนแรกทะเลาะกัน ก่อนจะกลายมาเป็นมิตรภาพที่แท้จริง บทมันเป็นไปตามสูตรง่ายเกินไป ฉากแอ็กชั่นก็ไม่ได้ออกมาสนุกอะไรมาก ตัวนางเอกเอลฟ์น้อยของเรื่องก็สร้างออกมาแบบสูตรสำเร็จเป็นเด็กสาวอ้อนแอ้นดูเซ็กซี่นิดๆ รอให้คนไปช่วย ซึ่งโครงเรื่องไม่มีอะไรใหม่เป็นเส้นตรงหมด แล้วก็จบแบบง่ายๆ แบบนึกจะจบก็จบเอาดื้อๆ จนไม่เหลือจุดเด่นน่าสนใจอะไรทั้งสิ้น และใครที่หวังเชิงลึกว่าจะไปเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นก็บอกเลยไม่มีทั้งสิ้น ตัวเรื่องแค่หยิบจับเอาช่วงเวลานั้นมาใช้ โดยไม่มีเรื่องราวไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริงเลยแม้แต่น้อย

งานแอนิเมชั่นของเรื่องก็เป็นแนวเรนเดอร์ 3D ตามสไตล์ของ Netflix การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้แย่ รวมๆ ถือว่างานดีพอใช้ได้  ใครที่เคยดูแบบนี้มาก่อนก็คงเฉยๆ แต่ถ้าใครพึ่งได้ดูแบบนี้ก็อาจจะไม่ชอบเอาเลย

นี่อาจจะไม่ใช่งานเผาของ Netflix เป็นงานดัดแปลงที่เหมือนจะคอนเซ็ปต์ไอเดียดี แต่กลับออกมาไม่ดี เข้าขั้นล้มเหลว ซึ่งถ้าใครที่จะดูก็คงต้องทำใจไว้ก่อนว่าไม่ได้ดีอะไรมาก แค่ดูผ่านๆ ได้เท่านั้นครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!