playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว BURNING BODY เน้นขายโตเกียวจาก Money Heist มากกว่าคดีจริงที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก

BURNING BODY

Summary

โดยรวมเป็นซีรีส์อาชญากรรมจากเรื่องจริงที่เน้นขายความสวยและฉากอีโรติก 18+ ของนักแสดงสาว เออร์ซูล่า คอร์เบโร หรือ โตเกียวจากซีรีส์ Money Heist มากกว่าเนื้อหาของคดีจริงๆ ที่ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนมาก เพราะการเล่าเรื่องย้อนกลับอดีตอย่างละเอียดก็แทบจะบอกเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ใช่แนวสืบสวนโดยตรงนัก และยังเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครเยอะจนทำให้ซีรีส์ยาวเกินจำเป็นมากไปด้วยครับ 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • จำลองจากคดีดังของวงการตำรวจสเปน
  • นักแสดงสาว เออร์ซูล่า คอร์เบโร
  • มีฉากอีโรติก 18+

 

 

Cons

  • เรื่องเล่าย้อนอดีตมากจนเกินความจำเป็น
  • คดีไม่ได้ซับซ้อน

BURNING BODY ร่างไหม้ ซีรีส์สเปน Netflix 8 ตอนจบ สร้างจากคดีจริงที่เกิดขึ้นของตำรวจสาวกับแฟนหนุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องหาเผาร่างแฟนเก่า เรื่องราวรักสามเส้าที่มีเบื้องลึกนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร ซีรีส์เรื่องนี้คือการตีแผ่คดีดังในวงการตำรวจของสเปนเมื่อปี 2017

Burning Body (2023) on IMDb

 

รีวิว BURNING BODY

 

ซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริง โดยผู้สร้างบอกว่าเป็น “การจำลองเหตุการณ์” ซึ่งก็คงเพราะตัวละครหลักในเรื่องที่ฆาตกรรมแม้ถูกตัดสินมีความผิด แต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องจริงใดๆ ให้แก่สาธารณะชนได้รับรู้ มีแต่คำโกหกที่บอกเล่าในศาล ทั้งหมดในเรื่องนี้จึงเหมือนการประกอบเรื่องราวที่มาเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้เป็นแนวการเล่าเรื่องแบบสารคดี แต่เป็นในรูปแบบซีรีส์ โดยใช้วิธีเล่าจากจุดเริ่มแรกที่มีการเผาร่างเหยื่อในรถ แล้วย้อนกลับไปเล่าเรื่องในอดีตนับสิบกว่าปีจนมาถึงปัจจุบัน พร้อมกับตัดสลับเหตุการณ์สืบสวนในปัจจุบันควบคู่ไปด้วย โดยวิธีการเรื่องแบบตัวละครถูกสืบสวน บางครั้งก็เหมือนพูดผ่านกล้องตรงๆ แบบซีรีส์ ELITE ชื่อดังของ Netflix ซึ่งผู้สร้างเรื่องนี้  Jorge Torregrossa ก็คือผู้กำกับ ELITE ในหลายตอนด้วยเช่นกัน จึงมีความเหมือนในรูปแบบการเล่าเรื่องค่อนข้างมาก 

แต่ปัญหาของการเล่าเรื่องนี้ก็คือการตัดสลับอดีตกับปัจจุบันที่ชวนให้งงนิดๆ อยู่ตลอดเวลา นั่นเพราะตัวละครในเรื่องแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพให้เห็นเลย แม้เวลาผ่านไปเป็น 10 ปี โดยมีแค่มือถือสมัยก่อนที่เป็นปุ่มกดกับสมาร์ทโฟนมาทำให้สะดุดกับความแตกต่าง เสื้อผ้าทรงผมก็ทรงเดิมตลอด แล้วการตัดฉากอดีตกับปัจจุบันก็ทำกันตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลยด้วย

ซีรีส์มีจุดเด่นหลักๆ ไม่ใช่เรื่องราวในคดี เพราะเป็นเรื่องจริงมีคำตัดสินไปแล้ว และโดยความจริงเรื่องราวในคดีนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก เป็นแนวชู้รักหลายเส้า ซึ่งผู้สร้างเลือกนักแสดงสาว เออร์ซูล่า คอร์เบโร (Úrsula Corberó) หรือ โตเกียวจากซีรีส์ Money Heist นั่นเอง แต่มาในแบบผมยาวสวยที่ชื่อ Rosa ซึ่งถือว่าเหมาะเจาะกับตัวละครในเรื่องที่หว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายมาตลอด ในเรื่องมี 4 คนที่ลุ่มหลงเธอ และเปลี่ยนผ่านผู้ชายมาเรื่อยๆ โดยผู้ชายทุกคนมีปัญหาชีวิตกับเธอทั้งนั้น และทุกคนก็เกี่ยวข้องกับคดีนี้ในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งซีรีส์ได้จำลองเรื่องราวความสัมพันธ์นี้มาอย่างละเอียดยิบ และก็ตัดสลับเล่าเรื่องทั้ง 4 คนนี้ไปด้วยพร้อมกับฉากรักเร่าร้อนของแต่ละคน ซึ่งฉากแบบนี้มีเป็นระยะๆ เกือบจะเป็นซีรีส์แนวอีโรติกได้เช่นกัน ซึ่งผู้ขมที่เน้นดูเธอก็ตอบโจทย์แน่นอนครับ

 

ด้วยความที่ซีรีส์มีถึง 8 ตอน และความยาวแต่ละตอนก็ยาวถึง 50 นาที แต่เนื้อหาของคดีไม่ได้ลึก แค่เป็นเรื่องคนในวงการตำรวจฆ่ากันเอง โดยมีความสวยของฆาตกรที่เป็นจุดเด่น ผู้สร้างเล่าเรื่องราวลงในรายละเอียดเยอะจนเกินไปมากๆ ทำให้ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ในส่วนของเนื้อเรื่องปัจจุบันที่เป็นการสืบสวนมากกว่า แต่ส่วนนี้ก็สั้นมากเมื่อเทียบกับเรื่องราวในส่วนอื่นๆ ซึ่งถ้านี่เป็นซีรีส์ 4-6 ตอนจบ น่าจะลงตัวมากกว่านี้

 

โดยรวมเป็นซีรีส์อาชญากรรมจากเรื่องจริงที่เน้นขายความสวยและฉากอีโรติก 18+ ของนักแสดงสาว เออร์ซูล่า คอร์เบโร หรือ โตเกียวจากซีรีส์ Money Heist มากกว่าเนื้อหาของคดีจริงๆ ที่ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนมาก เพราะการเล่าเรื่องย้อนกลับอดีตอย่างละเอียดก็แทบจะบอกเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ใช่แนวสืบสวนโดยตรงนัก และยังเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครเยอะจนทำให้ซีรีส์ยาวเกินจำเป็นมากไปด้วยครับ 

   

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!