playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Carnival Row SS2 ไฟนอลซีซั่นที่คงคุณภาพงานทุกอย่างไว้ได้เป็นอย่างดี (ไม่มีสปอยล์)

Carnival Row Season 2

Summary

ถือว่าเป็นซีรีส์แฟนตาซีที่ยังคงแนวทางเฉพาะตัวเองได้อย่างดี ทั้งธีมเนื้อหาย้อนยุคคุณภาพสูงร่วมกับประเด็นการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมที่ยังเล่าเรื่องได้เข้มข้นเป็นจุดแข็งของบทในเรื่องนี้  โดยมีเส้นเรื่องการสืบสวนคดีฆาตกรรมจากสัตว์ประหลาดสยดสยองแบบเดิม ซึ่งรูปแบบการเล่าเรื่องแทบทั้งหมดเหมือนกันภาคแรก อาจจะดูซ้ำไปบ้าง แต่เนื้อเรื่องภาคนี้ก็เคลียร์ปิดปมทุกอย่างให้จบลงในซีซั่นนี้ได้อย่างลงตัว (แต่ตอนจบเรื่องไฟโลกับวินเยตต์มีหักมุมติด WOKE นิดๆ) ใครที่ชื่นชอบภาคแรกมาก่อนก็ไม่มีจุดไหนทำให้ผิดหวังจากภาคนี้ได้เลยครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ดราม่าแฟนตาซีร่วมกับการสืบสวนคดีฆาตกรรม
  • งานโปรดักชั่นย้อนยุคคุณภาพสูง
  • ซับไทยครบ

Cons

  • ตอนจบมี WOKE นิดๆ
  • เนื้อเรื่องของตัวร้ายฝ่ายมนุษย์จากภาคแรกถูกตัดจบกลางเรื่องง่ายไปหน่อย

Carnival Row SS2 ภาคต่อซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีสืบสวนของ amazon prime เรื่องราวต่อจากภาคแรกหลังจากมนุษย์แบ่งแยกเผ่าพันธ์ที่แตกต่างออกไปรวมกันไว้ในชุมชนแออัด โรว์ ทำให้เกิดความตึงเครียดที่พร้อมประทุลุกลามเป็นการปฎิวัติ โดยมีคดีฆาตกรรมปริศนาจากสิ่งมีชีวิตประหลาดแทรกอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้

 

รีวิว Carnival Row SS2 (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์ที่ยังดำเนินแนวทางเดิมคือวางตัวเป็นแนวแฟนตาซีผลักดันประเด็นสิทธิความเท่าเทียมในด้านต่างๆ โดยการใช้โลกสมมุติที่มนุษย์มีอำนาจเหนือเผ่าพันธ์อื่นๆ มากดขี่ให้อยู่ใต้กฎหมายที่มนุษย์เขียนขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีตัวเอกสองคู่หลักคือ นักสืบไฟโลกับวินเยตต์ (แสดงโดย

Orlando Bloom กับ Cara Delevingne) กับคู่ อิโมเจนกับอะเกรอัส (เล่นโดย Tamzin Merchant กับ David Gyasi) ซึ่งทั้งคู่ยังดำเนินเรื่องแยกกันแบบเดิม เป็นสองเรื่องราวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่จะมีการนำมารวมกันในตอนท้ายของซีซั่นนี้

เนื้อเรื่องของไฟโลกับวินเยตต์จะเป็นการสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนาจากสัตว์ประหลาดที่สังหารคนไปทั่วจนทำให้เมืองหวาดผวา กฎหมายเอาไม่อยู่ ดำเนินเรื่องคล้ายกับภาคแรกเป๊ะๆ ต่างกันแค่คราวนี้ตัวเอกอย่างไฟโลคือเป็นนักสืบที่ขาดการสนับสนุนโดยตรงจากกรม เพราะกลายเป็นพวกนอกรีตในสายตาเพื่อนตำรวจไปแล้ว จึงมีตัวละครมาช่วยไฟโลก็คือมนุษย์หมาป่าเพื่อนที่ถูกกัดและจับขังในภาคแรก ได้มีบทเต็มๆ หลายครั้งในภาคนี้สักที โดยมีตัวช่วยโสเภณีเพื่อนของวินเยตต์มาเป็นคู่หูกับมนุษย์หมาป่าอีกแรง โดยบทให้เธอมีพลังที่สืบทอดจากแม่มดที่ตายในภาคแรก แล้วก็ดำเนินเรื่องให้เธอเห็นนิมิตรในอนาคตช่วยไฟโลสืบสวนคดีได้แบบทะลุปรุโปร่ง โดยมีเรื่องราวของวินเยตต์ที่พยายามเป็นกบฎต่อต้านเมืองนี้แทรกอยู่ และพาให้เธอกลายมาเป็นหัวหน้ากลุ่มกบฎที่จะมีบทบาทเชื่อมกับเนื้อเรื่องของ อิโมเจนกับอะเกรอัส ในภายหลัง

เนื้อหาส่วนสืบสวนในส่วนนี้ก้ยังนับว่าทำได้ดีไม่ต่างจากภาคแรก โดยมีเรื่องราวสยองขวัญของสัตว์ประหลาดที่คราวนี้แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ และพยายามชักใยให้เกิดเรื่องราวบางอย่าง ซ้อนกับการแก่งแย่งอำนาจของตัวร้ายฝ่ายมนุษย์ที่ต่อมาจากภาคแรกเป็นคู่ของนายกกับฝ่ายค้าน ซึ่งบทบาทของสองคนนี้เหมือนตัวร้ายในครึ่งแรก ก่อนจะโดนตัดจบลงกลางทางซะก่อน ซึ่งน่าเสียดายเหมือนกันเพราะเนื้อหาส่วนนี้เข้มข้นน่าติดตามมากกับการวางแผนชิงอำนาจการเมืองลับๆ 

เนื้อเรื่องส่วนของ อิโมเจนกับอะเกรอัส ภาคนี้จะแทรกคั่นมาบางครั้ง แต่มาทีนึงยาวๆ เกือบทั้งตอนเลย เป็นการเล่าเรื่องการเดินทางหนีไปกลางทะเล ก่อนที่จะโดนฝ่ายปฏิวัติที่รวมเผ่าพันธ์พิเศษต่างๆ ไว้ด้วยกันเป็นกองทัพ ที่มีระบบรูปแบบวิธีคิดแบบคอมมิวนิสต์เป๊ะๆ ทำให้ทั้งคู่ต้องกลายมาเป็นชนชั้นเดียวกัน ไม่มีความร่ำรวยช่วยปกป้อง ซึ่งเนื้อเรื่องส่วนนี้แม้จะเป็นดราม่าล้วนๆ แต่ก็เข้มข้นน่าติดตาม เหมือนกับภาคก่อนที่คนดูส่วนใหญ่ก็คงลุ้นเรื่องราวความรักต่างชนชั้นเผ่าพันธ์ของทั้งคู่ว่าจะจบลงยังไง ภาคนี้ก็คือการพัฒนาเรื่องราวนั้นต่อไปว่า เมื่อไม่มีฐานะมาเกี่ยวข้อง แล้วทั้งคู่ต่างรู้ความลับทุกอย่างของกันและกัน (จะมีบอกเล่าที่มาของความร่ำรวยของอะเกรอัสที่แลกมาด้วยเลือด) ทั้งคู่ยังจะรักกันต่อไปได้หรือไม่ และเนื้อเรื่องของกองทัพปฏิวัตินี้จะไปเชื่อมต่อกับส่วนของเมืองเบิร์กที่ไฟโลอยู่ในตอนท้าย เป็นการรวมเนื้อเรื่องของทั้งสองคู่มาเคลียร์ความขัดแย้งของชนชั้นเผ่าพันธ์ที่เกิดขึ้น

งานโปรดักชั่นแฟนตาซี CG ย้อนยุคในเรื่องยังถือว่าเก็บรายละเอียดทุกอย่างมาได้ดีไม่ต่างจากภาคแรก เรียกว่าภาคแรกคุณภาพสูงแค่ไหนภาคนี้ก็ยังคงไว้ได้แบบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน 

 

ตัวเรื่องจบลงแบบเคลียร์ทุกอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ก็มีหักมุมนิดๆ ในเรื่องความรักของไฟโลกับวินเยตต์ที่ดูจะ WOKE เกินไปนิดๆ แต่เป็นการหักมุมตอนจบก็ไม่ถึงกับส่งผลกระทบอะไรมากับเนื้อเรื่องที่จบลงไปแล้วครับ

 

ก็ถือว่าเป็นซีรีส์แฟนตาซีที่ยังคงแนวทางเฉพาะตัวเองได้อย่างดี เป็นผลงานคุณภาพสูงที่ไม่มีขาดตกบกพร่องในทุกด้าน ใครที่ชื่นชอบภาคแรกก็ไม่มีผิดหวังกับภาคนี้ครับ

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!