playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Don’t Kill Me (Netflix) พยายามเป็นแวมไพร์ ทไวไลท์ เวอร์ชั่นอิตาลีจนดูน่าเกลียด (ไม่สปอยล์)

สรุป

หนังอิตาลีที่พยายามลอกแวมไพร์ ทไวไลท์ มาอย่างชัดเจน จนไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ได้แต่จับโน่นนี่มายัดรวมกันจนเป็นหนังผีดูดเลือดแบบเกร่อๆ ล้าสมัยมากในยุคนี้ แต่ถ้าใครจะดูเพราะนางเอกก็คงได้ เพราะเธอเปลืองตัวแก้ผ้าเล่นเรื่องนี้แบบเปลือยหมดตัวหลายฉากอยู่

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แนวรักวัยรุ่นแวมไพร์ใจง่ายแบบทไวไลท์
  • นางเอกเปลือยหมดตัวมีฉาก SEX ด้วย
  • พระเอกคัดมาหน้าตาแบบ โรเบิร์ต แพตตินสัน
  • ฉากแอ็กชั่นพอสนุกนิดๆ

 

Cons

  • พยายามทำหลายอย่างให้คล้ายทไวไลท์จนน่าเกลียด
  • ปมความรักหลงผิดของนางดูงี่เง่า
  • ยัดอะไรมามากมายจนเกินพอดี
  • ฉากสยองงั้นๆ

Don’t Kill Me ต้องฆ่า (ชื่ออิตาลีดั้งเดิม Non mi uccidere) หนังอิตาลี Netflix แนวโรแมนติกสยองขวัญที่พยายามไปในแนวทางของ แวมไพร์ ทไวไลท์ อย่างชัดเจน

 Non mi uccidere (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Don’t Kill Me ต้องฆ่า

เรื่องย่อ

หลังจากมีร์ตาเสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาดพร้อมกับแฟนหนุ่ม เธอกลับฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งตามลำพัง และต้องพบกับชีวิตที่เปลี่ยนไปกลายเป็นผีดูดเลือด

รีวิว

หนังอิตาลีแนวสยองขวัญวัยรุ่น ที่คงได้แนวทางแวมไพร์โรแมนติกมาจากหนังดังอย่างทไวไลท์ ก็เลยกลายมาเป็นหนังแวมไพร์วัยรุ่นที่พยายามเล่นเรื่องรักโรแมนติกเป็นเมนหลักมากกว่าสยองขวัญ ซึ่งถ้ามันผสมกันดีๆ ก็อาจจะลงตัวได้อยู่ แต่ด้วยความที่ผู้สร้างก็คงไม่ได้มีไอเดียอะไรใหม่กว่าทไวไลท์ ผลงานชิ้นนี้ก็เลยออกมาเป็นหนังครึ่งๆ กลางๆ รักก็ไม่สุด สยองขวัญก็ไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่หนังเน็ตฟลิกซ์โดยตรง แต่ซื้อมาจากอิตาลีปีก่อนที่ไม่ได้ลงโรงฉาย แล้วมาแปะป้ายเป็นออริจินอลเน็ตฟลิกซ์ฉายทั่วโลก ก็เลยกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ตอกย้ำเลยว่าเน็ตฟลิกซ์แทบไม่ได้คัดกรองอะไร จนกลายเป็นแหล่งสตรีมมิ่งสะสมหนังแย่ๆ จากทั่วโลกไปซะแบบนั้น

ในแง่สยองขวัญตัวเรื่องก็เอาแนวผีดูดเลือดมาใช้เลย แต่แค่ไม่ได้เรียกว่าแวมไพร์เท่านั้น ในเรื่องนี้เรียกว่า “โอเวอร์เดด” แต่ไม่ได้แพ้แสง อย่างอื่นก็เหมือนแวมไพร์หมดต้องกินเลือดคนถึงอยู่ได้ ซึ่งบทก็เขียนให้นางเอกที่ตื่นขึ้นมาจากที่ฝังศพได้ค่อยๆ เรียนรู้การกินเลือดมนุษย์เพื่ออยู่รอด โดยมีพี่เลี้ยงโอเวอร์เดดอีกคนช่วยสอนวิธีกินเลือดคนที่ถูกต้องแบบไม่ทำให้ตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเรื่องจะพยายามเจาะลึกชีวิตพวกนี้ให้ละเอียดแบบนั้นทำไม ในเมื่อนี่เป็นหนังความยาวแค่ชั่วโมงกว่า แล้วก็ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรต่อจากนั้นให้จับต้องได้เลย

รุ่นพี่นางเอกสอนการกินคนแบบไม่ตาย

ตัวเรื่องพยายามให้นางเอกเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบไวๆ ผ่านไปไม่กี่วันก็เก่งกล้าทันที ก่อนที่จะเปิดเรื่องต่อว่ามีหน่วยล่าโอเวอร์เดดที่มาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆ ตัวเรื่องยัดมาดื้อๆ ว่าพวกนี้มีที่มาเป็นพันปี ตามล่ามาตั้งแต่แม่มดจนเปลี่ยนมาเป็นแวมไพร์ ซึ่งส่วนนี้ก็อาจจะทำให้เรื่องดูสนุกขึ้นนิดนึงเพราะมีพวกฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ของนางเอกกับพวกลูกกระจ๊อกขององกรค์ที่มาตามล่า ตัวหนังยังพยายามให้มีฉากบู๊แอ็กชั่นต่อยตีกันของนางเอกกับฝูงลูกกระจ๊อกปิดท้ายตอนจบ ที่ดูๆ ไปแอบคล้ายฉากต่อสู้ในตำนานของหนังเกาหลี Oldboy อยู่นิดๆ เป็นฉากสู้ในที่แคบ นางเอกมีท่อนเหล็กอันเดียวสู้กับทั้งแก๊ง แต่ก็ทำได้ไม่ถึงอะไรแบบนั้น แต่นี่คือส่วนที่คิดว่าพอดูสนุกได้มากที่สุดของเรื่องแล้ว เพราะนอกเหนือจากนี้คือตัวเรื่องใช้เวลาไปกับเรื่องรักความคิดถึงแฟนของนางล้วนๆ

คล้ายไม่คล้ายทไวไลท์ลองดูกันเอาเอง

ในส่วนเรื่องรักคือเปิดมาเรื่องก็พานางไปตายเลยทันที ก่อนจะค่อยๆ แฟลชแบ็คกลับมาว่าสองคนนี้ไปเจอกันได้ยังไง แล้วรักกันอีท่าไหน เพราะทางบ้านนางเอกก็กีดกันพระเอกที่ดูหน้าตาท่าทางแบบแบดบอยชัดๆ แถมยังพยายามคัดหน้าตานักแสดงมาให้คล้าย โรเบิร์ต แพตตินสัน จากทไวไลท์แบบจงใจชัดเจน แต่หมอนี่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรขนาดนั้น แล้วบทก็น้อยนิดด้วย เพราะทั้งเรื่องโฟกัสที่ตัวนางเอกปัจจุบันที่พยายามใช้ชีวิตอยู่เพราะเชื่อว่าแฟนหนุ่มรักแรกของเธอต้องฟื้นมาด้วย โดยพยายามกลับไปที่เก็บศพเสมอเพื่อรอเขาฟื้นกลับมา ซึ่งเป็นการเดินเรื่องแบบที่งี่เง่ามากเหมือนหนังรักวัยรุ่นโง่ๆ หลงผิด

ดูแล้วไม่อินอะไรกับความรักของนางเลย ซึ่งตัวเรื่องอาจจะวางไว้ให้เป็นจุดหักมุมของเรื่อง แต่บอกเลยว่างั้นๆ แล้วก็ยิ่งทำให้เรื่องดูกลวงมากขึ้นไปอีก

สำหรับคนที่อาจจะดูแค่พวกฉากสยองขวัญ ตัวหนังก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร อาจจะมีฉากแหวะๆ อย่างคอเนื้อขาดแบบพวกแนวแวมไพร์ทั่วไป หรือฉากนางเอกที่ไม่ได้กินเลือดร่างกายเลยค่อยๆ เน่า แต่หนังก็ทำได้แค่นั้นแบบดูแหวะนิดๆ สยองหน่อยๆ แต่ก็ผ่านไปไม่มีอะไรน่าจดจำ

ตัวเรื่องพยายามขายฉากโป๊เปลือยของนางเอกอยู่เรื่อยๆ มีฉากแก้ผ้าบ่อย รวมถึงฉาก SEX แบบเห็นหมดทั้งตัวยกเว้นน้องสาวของเธอ ซึ่งความเป็นหนังอิตาลีก็มักมีฉากแบบนี้บ่อยอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแตกต่างอะไรมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่านักแสดงเปลืองตัวมากอยู่ครับ

สรุป Don’t Kill Me สนุกและดีไหม

สนุกนิดเดียวกับฉากแอ็กชั่นบางช่วง แต่ที่เหลือคืออะไรที่ซ้ำซากน่าเบื่อ แทบไม่เหลืออะไรดีๆ ให้ต้องชมได้เลย

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!