playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว ELITE SS4 ยังคงใช้สูตรโครงเรื่องเดิม แค่เพิ่มตัวละครใหม่ จนขอเป็นซีซั่นสุดท้ายน่าจะพอแล้ว

ELITE SS4

สรุป

ELITE ซีซั่น 4 ที่ตอนแรกเหมือนจะเริ่มเรื่องใหม่หมด แต่กลับยังใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบเดิมทั้งหมด เปิดมามีอาชญากรรม ตามด้วยดราม่าความรักในกลุ่มเพื่อน ซึ่งกลายเป็นสูตรเดิมมากไป อีกทั้งส่วนของอาชญากรรมในเรื่องก็เบาบางมากจนไม่น่าติดตาม จนเหมือนเป็นซีรีส์วัยรุ่นมั่ว SEX แรงๆ มากกว่า อีกทั้งยังปิดบทตัวละครเก่าเพิ่มอีก ทำให้ขาดเสน่ห์จากตัวละครเก่าไปเยอะ โดยที่ตัวละครใหม่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์มากเท่าของเดิมด้วย

แต่ในฐานะแฟนๆ ที่ติดตามซีรีส์มาก็ต้องดูต่อไปให้จบ ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมากตัวเรื่องก็ยังพอรับได้อยู่ แต่น่าจะเป็นซีซั่นสุดท้ายแล้วเช่นกันที่แฟนๆ ยอมทนดูอะไรซ้ำๆ แบบนี้ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
2 (1 vote)

Pros

  • สำหรับแฟนๆ ตัวละครเก่ายังมีเรื่องราวที่ไปต่อเพื่อให้ถึงจุดสุดท้ายจริงๆ ในซีซั่นนี้
  • ความสัมพันธ์ของตัวละครใหม่กับเก่าในช่วงแรกทำได้ดีน่าติดตาม
  • บทของคาเยสวยและเด่นขึ้นมากกว่าตัวละครเก่าคนอื่นๆ
  • มีคู่รักเลสเบี้ยนแบบจริงจังเพิ่มเข้ามาและก็ทำออกมาได้ดี
  • ฉาก SEX ของเกย์เยอะกว่าซีซั่นอื่นมาก (เพราะเป็นซั่ม 3)
  • มีเสียงพากย์ไทย (แต่ต้องรออัพเดท)
  • มินิซีรีส์ 4 เรื่องก่อนเข้า SS4 ทำได้ดีมาก

Cons

  • ส่วนของอาชญากรรมเบาบางมาก
  • ตอนจบส่วนของอาชญากรรมไม่เมคเซนส์ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น
  • ตัวละครอาริที่มาแทนคาร์ล่าในบทสาวชนชั้นสูง (มาเชียนเนส) กลับดูไม่มีเสน่ห์อะไรมาก
  • ไม่เคลียร์ในส่วนปมความลับของฟิลิป
  • โครงสร้างเรื่องเป็นไปแบบเดิมทั้งหมดจนแอบน่าเบื่อเมื่อเทียบกับตอนสั้นที่ปล่อยมาก่อนทำได้ดีกว่ามาก
  • เรื่องราวความเข้มงวดของครูใหญ่คนใหม่มีแค่ช่วงแรก แล้วก็ไม่มีเรื่องนี้อีกเลย

ELITE SS4 ซีรีส์วัยรุ่นออริจินอลเน็ตฟลิกอันดับ 1 ของเน็ตฟลิกซ์ ที่เดินเรื่องดราม่าความสัมพันธ์จาก SS3 มาต่อกันให้จบ พร้อมตัวละครใหม่ที่เข้ามาแทรกในเรื่องราวความสัมพันธ์เดิม โดยมีมินิซีรีส์ 4 เรื่องของตัวละครเก่ามาเชื่อมเรื่องราวก่อน SS4 ประกอบด้วย

 

ตัวอย่าง ELITE SS4 เล่ห์ร้ายเกมไฮโซ ซีซั่น 4

รีวิวมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วนเบาๆ แต่ไม่ใช่จุดสำคัญหลักของเรื่อง

ELITE ซีซั่น 4 ที่เริ่มขึ้นเนื้อเรื่องใหม่หมด โดยมีมินิซีรีส์ 4 เรื่องสั้นเป็นตัวเชื่อมก่อนไปซีซั่น 4 ซึ่งบังคับเลยว่าต้องดู เพราะถ้าไม่ดูจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของหลายตัวละครต่อจากในตอนจบซีซั่น 3 ที่จบลงแบบหลายคนต่างแยกทางกันไป บางคนก็เริ่มชีวิตใหม่ และเป็นการปิดปมตัวละครหลายตัวไปพร้อม ซึ่งมีการตัดตัวละครในชุดเก่าออกไปหลายคนพอสมควรเลย โดยเฉพาะ คาร์ล่า หญิงสาวมาเชียนเนสสูงศักดิ์ที่นักแสดงประกาศไม่เล่นต่อซีรีส์ชุดนี้อีกแล้ว แต่ก็มาทิ้งท้ายเล่นในมินิซีรีส์ชุดนี้ทิ้งทวนได้อย่างดีงาม เป็นเรื่องราวของเธอกับซามูเอลครั้งสุดท้ายก่อนที่จะบินไปต่างประเทศ

ดูเรียงจากซ้ายบนไปตามขวาบน ล่างซ้าย ล่างขวา

มินิซีรีส์ชุดนี้ดูไม่เรียงลำดับก็เข้าใจได้เพราะแยกเป็นเรื่องๆ แต่ถ้าเริ่มตามลำดับคือ กุซมาน คา เย เรเบ ก่อน เป็นเรื่องราวการปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่ของเรเบ ที่แม่วางมือจากการค้ายาแล้ว แต่การจัดปาร์ตี้ครั้งนี้กลับต้องพบเรื่องระทึกขวัญที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในบ้านของเธอเอง (แต่จริงๆ เป็นแนวตลกมาก) จากนั้นก็ต่อด้วย นาเดีย กุซมาน ถึงความรักทางไกลที่นาเดียไปอยู่อเมริกา เป็นแนวซึ้งๆ เมื่อนาเดียต้องกลับมางานแต่งพี่สาว แต่ไม่อยากเจอกุซมานเพราะกลัวทำใจจากไปไม่ได้ จากนั้นก็ต่อด้วยตอนของ โอมาร์ อันเดร์ อเล็กซิส เป็นการเคลียร์ปมอเล็กซิสที่ป่วยเป็นมะเร็งแล้วคอยช่วยให้กำลังใจอันเดร์ในโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกับโอมาร์ ซึ่งเรื่องเดินไปแนวเศร้ารันทด และทำได้ดีมากจนแอบน้ำตาซึมได้เลย (แอบเสียดายตัวละครอเล็กซิสมาก) ก่อนปิดด้วยคู่ของคาร์ล่ากับซามูเอล จากนั้นก็ไปต่อที่ซีซั่น 4 ได้เลย

ELITE SS4 แม้จะขึ้นเรื่องใหม่หมด ในตอนพิเศษก็ดูมีแนวทางแตกต่างออกไปจากปกติ อย่างแนวตลกที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เคยใส่ไว้ ทำให้คาดหวังว่าตัวเรื่องซีซั่น 4 จะไม่กลับไปในแนวเดิมแล้ว อย่างแนวฆาตกรรม แต่กลายเป็นว่าพอเปิดเรื่องในตอนต้น ตัวเรื่องก็เปิดฉากแบบเดียวกับ 3 ซีซั่นก่อน คือมีตัวละครที่ตายแบบปริศนาเกิดขึ้น ต่อด้วยการสอบปากคำของผู้อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงฉลองปีใหม่ แล้วก็ค่อยๆ ลำดับเรื่องราวชีวิตในโรงเรียนเอ็นซินาส ถึงความขัดแย้งในกลุ่มเพื่อนๆ ที่เป็นชนวนเหตุนำไปสู่เหตุการณ์สลดนี้ ซึ่งก็เป็นโครงสร้างเดิมทั้งหมดไม่มีเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้เขียนแอบผิดหวังมากเหมือนกันที่ผู้สร้างเขียนบทในตอนสั้นได้ดีมากแล้ว แต่พอตัวเรื่องจริงกลับยังย้ำสูตรเดิมๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว

เรียงจากซ้ายไปขวา อาริ พี่สาวคนโต เบนจามินพ่อกับครูใหญ่คนใหม่ แมนเซียน้องเล็ก แพทริคหนุ่มเกย์เปิดเผย

ถึงจะบอกว่าโครงเรื่องยังเป็นแบบเดิมทั้งหมด แต่ในช่วงแรกที่มีการเปิดตัวละครใหม่ถือว่าทำได้ดี เป็นการมาของ “เบนจามิน” อาจารย์ใหญ่คนใหม่ของเอ็นซินาสที่มากำหนดกฎในโรงเรียนใหม่เข้มงวดมากขึ้น (เขามาโดยไล่แม่ของอันเดร์ออกกลางครันในตอนต้นเรื่อง) พร้อมลูก 3 คนสุดฮออตของเขา “อาริ” สาวผมสั้นที่ชอบการแข่งขัน เป็นแฝดกับ “แพทริค” หนุ่มเกย์เปิดเผยคนใหม่ในโรงเรียน ส่วนอีกคนคือ “แมนเซีย” น้องสาวคนสุดท้องที่มีนิสัยหัวขบถของบ้าน ทั้ง 3 คนเรียนชั้นเดียวกันกับกลุ่มตัวละครเก่าทั้งหมด (ในบทแมนเซียบอกว่าเรียนเก่งจนข้ามชั้นมาได้) ซึ่งทั้ง 3 คนนี้คือตัวละครที่จะเข้าไปป่วนความสัมพันธ์เดิมๆ ของกลุ่มเก่า

อย่างอาริคือถูกใจกุซมานตั้งแต่แรก แต่ซามูเอลก็ถูกใจเธออีกที เพราะสเป็คเดียวกับคาร์ล่าคือชอบสาวชนชั้นสูง (แต่นักแสดงยังขาดเสน่ห์เทียบไม่ได้กับคาร์ล่าเลย) ซึ่งก็กลายเป็นรักสามเส้าในเวลาต่อมา โดยมีเรื่องของนาเดียเข้ามาร่วมด้วยสักพัก ก่อนที่เรื่องจะตัดจบในส่วนของนาเดียไปในซีซั่นนี้ ซึ่งถือว่าน่าเสียดายมาก แต่ก็เข้าใจว่าบทไม่สามารถเขียนให้ไปต่อได้ ถือว่าสมเหตุผลเมื่อมองจากบริบทของเรื่องราวในซีซั่นนี้ ซึ่งผู้สร้างใจเด็ดมากยอมตัดตัวละครที่สำคัญและมีแฟนติดตามมากตั้งแต่ซีซั่น 1 ออกไปแบบนี้ แต่ก็ทำให้ความผูกพันของคนดูกับตัวละครเก่าๆ หดหายลงไปเยอะเช่นกัน

ส่วนแพททริคที่เป็นเกย์หนุ่มรูปงามสายรับแบบเปิดเผย บทนี้มีมาเพื่อแทรกกลางความสัมพันธ์ของอันเดร์กับโอมาร์โดยตรง ซึ่งก็เป็นแนวเกย์คนใหม่หุ่นแซ่บ กลายเป็นความเย้ายวนที่อดใจไม่ไหว ทำให้ทั้งคู่สนใจแพททริคตรงๆ และแพททริคเองก็มีความร้ายในตัว เมื่อเขาเองก็อยากได้คนรักลึกซึ้งแบบที่อันเดร์กับโอมาร์เป็นอยู่ เมื่อถูกชวนให้มาซั่ม 3 เขาจึงตอบรับทันที และจากจุดนี้เองที่กลายเป็นรอยร้าวในความสัมพันธ์เดิม เนื้อเรื่องจุดนี้เป็นบทพิสูจน์ความรักของเกย์ว่ารักแท้มีจริงหรือไม่ ในส่วนนี้เรื่องราวเดินไปแบบเซอร์วิสเอาใจเกย์จริงจัง มีฉากซั่มกันบ่อยมาก แต่ก็ยังดีที่มีบทรองรับฉากเหล่านั้นอยู่ตลอด แต่ถ้าใครไม่ใช่แนวนี้ก็คงต้องกดข้ามกันเยอะหน่อยล่ะครับ

แมนเซียคือน้องสาวคนสุดท้องของครอบครัวที่เอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน เป็นตัวดราม่าจุดชนวนเรื่องราวหลักที่ไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในเรื่อง บทของแมนเซียถูกจับคู่เข้ากับเรเบ ทำให้เเรเบกลายเป็นเลสเบี้ยนไปในซีซั่นนี้ ซึ่งเรื่องราวถือว่าไปไวมาก แค่ในตอนแรกเรเบก็เปลี่ยนแล้ว แต่ตัวบทก็ทำออกมาไม่ติดขัดอะไร เพราะเรเบเองก็มีพื้นจากการอกหักจากซามูเอลมาตลอดในซีซั่นก่อน จนไม่ยอมเปิดใจกับความรักต่อไป ซึ่งแมนเซียที่เป็นเลสเบี้ยนก็เข้ามาอุดช่องว่างนี้ได้อย่างลงตัว แถมฉากที่แมนเซียรุกจีบเรเบยังทำออกมาดูแล้วน่ารักน่าลุ้น มองเห็นความหวั่นไหวในใจของเรเบได้อย่างชัดเจน ชวนให้คนดูลุ้นกับความรู้สึกลึกๆ ที่รักแต่ไม่กล้าแสดงออกของเรเบได้ดีเลย

ถึงแม้แมนเซียเองจะเป็นตัวละครเจ้าปัญหาและแอบดูโง่ผิดกับบทที่บอกฉลาดเรียนเก่ง แต่เรื่องราวความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนที่ทำออกมาได้ดี ก็เลยไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ แถมตัวแมนเซียเองยังต้องไปเกี่ยวพันกับตัวละครอาร์มันโด ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังนักการเมือง ทำให้เรื่องมีมิติอื่นนอกจากความรักแบบคู่อื่นๆ และกลายเป็นความลับสำคัญในตอนเฉลยสุดท้ายของเรื่องด้วย

นอกจากนี้ในตอน 2 จะมีตัวละครใหม่เพิ่มมาอีกคือ “ฟิลิป” เป็นเชื้อพระวงศ์ของสเปนที่มาเรียนที่เอ็นซินาสด้วยเหตุผลบางอย่าง และได้มาจับคู่กับคาเย ที่ตอนนี้กลายมาเป็นแม่บ้านของโรงเรียนเต็มตัว ซึ่งบทกับบุคลิกของตัวคาเยเองมีพัฒนาการไปมากจากตอนจบใน ss3 ที่เหมือนเธอถูกชดใช้กรรมที่โกหกคนอื่นมาตลอดด้วยการตกกระป๋องมาเป็นแม่บ้านประจำโรงเรียน แต่ในตอนสั้นเชื่อมเรื่องจะเห็นว่าคาเยเองกลายเป็นหญิงสาวที่ถึงจุดตกต่ำสุด แล้วก็ยอมรับสภาพความจริงได้ หันกลับมาใช้ชีวิตแบบตรงไปตรงมาไม่หวนกลับไปเป็นแบบเดิมอีก ซึ่งการจับคู่กับฟิลิปคือเหมือนบททดสอบของคาเยเองที่เคยใฝ่ฝันอยากถีบตัวเองขึ้นมาจุดนี้มาก่อน ซึ่งฟิลิปเองเป็นตัวละครให้ที่น่าจะมีบทบาทเยอะ แต่เอาจริงๆ กลับกลายเป็นแค่บทสมทบเรื่องราวในภาพรวมมากกว่า บทน้อยที่สุดในกลุ่มตัวละครใหม่ที่ออกมา แต่บทของฟิลิปก็ทำให้เรื่องราวของคาเยเองดูน่าติดตามมากด้วย (แถมคาเยยังสวยขึ้นมากด้วยกับได้แต่งชุดหรูๆ กว่าคนอื่น) เมื่อแม่บ้านจนๆ ได้รับรักจากเจ้าชาย ความรักของเธอจะดำเนินไปอย่างไร ซึ่งคนดูก็คงรู้ว่ายากที่จะสมหวังจากความต่างของฐานะ แต่ตัวเรื่องไม่ได้เน้นไปที่จุดนั้น เรียกว่าฐานนะชนชั้นของคาเย่ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องมาก แต่การที่ฟิลิปมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ต่างหากคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคของความรักในครั้งนี้

ฟิลิปออกน้อยสุด แต่ส่งให้ตัวคาเยดูน่าสนใจมากขึ้นเยอะ

ในส่วนอาชญากรรมที่เรื่องเปิดขึ้นมาตอนแรก เหยื่อเคราะห์ร้ายคือ อาริ ตัวเรื่องให้เห็นว่าเธอจมน้ำตาย แต่ไม่ใช่อุบัติเหตุ มีใครผลักเธอลงไป ซึ่งเรื่องก็เดินไปแบบเดิมที่มีคนต้องถูกสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย และเรื่องก็จะทำให้คนดูเดาไม่ถูกว่าใครเพราะแต่ละคนก็มีแรงจูงใจซะทุกคน แต่ใน ELITE ซีซั่นนี้กลับจำกัดวงผู้ต้องสงสัยแคบลง มีแค่กุซมานกับซามูเอลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งเรื่องทำออกมาเบาโหวงมาก แทบจะไม่มีน้ำหนักแรงจูงใจ เรื่องราวไม่น่าติดตาม แถมเหตุการณ์ร้ายในตอนแรกก็ไม่ได้แรงมากในเวลาต่อมา ซึ่งถือว่าส่วนไฮไลท์ของเรื่องสอบตกมาก เทียบไม่ได้เลยกับ 3 ภาคก่อน แม้ภาค 3 จะดรอปลงแต่ก็ยังดีกว่า แถมเฉลยตอนท้ายก็ค่อนข้างไม่สมเหตุผลมากว่าทำไมต้องทำแบบนั้น และเป็นจุดจบเรื่องแบบอาจจะปลายเปิดให้ทำต่อได้ แต่ก็ทำให้ตันในตัวเองด้วย เพราะตัวละครในตอนจบซีซั่นนี้คือแยกย้ายกันไปอีกรอบแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นการตัดสินใจโละตัวละครเก่าออกไปอีกครั้งก็ได้ เพื่อเปิดทางให้มีตัวละครรุ่นใหม่เข้ามาในระดับชั้นที่ต่ำกว่านี้ แต่ก็ยากที่จะสร้างความผูกพันได้เท่ากับทีมนักแสดงชุดแรก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อตัดตัวละครเก่าออกไปทำให้เรื่องขาดเสน่ห์ไปเยอะ แต่ก็เป็นความจำเป็นจากบทที่อิ่มตัวจนไม่มีอะไรจะนำเล่นแล้วนี่แหละ

ข้อเสียของซีซั่นนี้จังๆ อย่างเห็นได้ชัดเลยคือการพยายามใช้โครงเรื่องราวแบบเดิมมาเล่าซ้ำอีก แม้ว่าในช่วงแรกที่เปิดตัวละครใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่จะดูสดใหม่น่าติดตาม แต่กลายเป็นว่าพอเข้ากลางเรื่องบทก็ออกแนวหาเรื่องให้รักๆ เลิกๆ กับทูกคู่ กลายเป็นดราม่าเดิมๆ ที่มาเพื่อยืดเรื่องให้วกกลับมาตอนท้ายเคลียร์ปมรักกัน โดยที่มุมแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรมแทบถูกละทิ้งไปเลย จนกลายเป็นซีรีส์วัยรุ่นดราม่าเกร่อทั่วไป ยังมีดีแค่ความแรงทางเรื่องเพศใน ELITE ที่ตัวนักแสดงกล้าโป๊เปลือยเล่นเลิฟซีนหนักๆ เช่นเดิม

อีกอย่างคือบทของฟิลิปที่ถูกยกให้เป็นเจ้าชายที่มีความลับบางอย่าง ตัวเรื่องแย็ปๆ มาเป็นระยะว่าตัวละครนี้อาจจะไม่ดีอย่างเห็น แต่กลายเป็นว่าจนจบเรื่องก็ไม่มีการคลายปมนี้ออกมาแบบชัดเจนว่าอะไรคือเบื้องหลังของฟิลิปที่ถูกอาริกับแพทริคใช้แบล็คเมล์เขา แม้คนดูอาจจะพอคาดเดาได้ แต่พอเรื่องถูกปูมาว่าอาจจะเกี่ยวกับอาชญากรรมสำคัญในเรื่อง แต่กลับไม่เกี่ยวอะไรเลย แถมยังไม่เคลียร์ในตัวเองอีก ก็กลายเป็นตัวละครที่ถูกใช้แล้วทิ้งในบทสมทบไปอย่างเสียของมากๆ

ELITE SS4สุดท้ายถึง Elite Ss4 จะดรอปลงมาก แต่แฟนๆ ซีรีส์ชุดนี้ก็ยังควรดูอยู่ดี เพราะในมุมหนึ่งเราก็อยากดูตัวละครชุดแรกไปต่อเพราะความผูกพัน ซึ่งตัวเรื่องก็รองรับเซอร์วิสแฟนๆ ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทางทีมงานประกาศทำ SS5 ไปแล้ว ก็ต้องรอดูว่าจะพยายามทำแบบนี้ต่อหรือมีอะไรใหม่ๆ มาเพิ่มบ้างครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!