playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวสารคดี เอลิซ มัตสึนากะ (Netflix) คดีภรรยาฆ่าหั่นศพสามีชื่อดังของบราซิล (ไม่สปอยล์)

เอลิซ มัตสึนากะ อาชญากรรมจริงไม่อิงนิยาย

สรุป

สารคดี 4 ตอนจบเรื่องราวของคดีดังภรรยาฆ่าหั่นศพสามีที่เป็นคนรวยติดอันดับต้นๆ ของบราซิล สำหรับคนที่ต้องการดูสารคดีอาชญากรรมแปลกใหม่ก็คงต้องข้ามไปเพราะตอนจบของเรื่องนี้ธรรมดามาก แต่ถ้าใครต้องการดูช่วงการต่อสู้คดีในศาลว่ามีรายละเอียดแฉกันขนาดไหน จนเรื่องราวมีอะไรมากกว่าการฆ่าหั่นศพตามปกติ สารคดีเรื่องนี้ตอบโจทย์เลยและทำได้ดีด้วย

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การต่อสู้กันของอัยการกับทนายฝั่งเอลิซที่มีเรื่องเล่ากันคนละแบบ
  • รายละเอียดเชิงลึกของทั้งคู่ที่ไม่ธรรมดา จนกลายมาเป็นการสร้างฆาตกรอย่างเอลิซขึ้นมา
  • กฎหมายปล่อยตัวชั่วคราวของบราซิลที่ให้สิทธิพิเศษกับนักโทษ ทำให้สารคดีเรื่องนี้ถ่ายทำเอลิซตัวจริงได้

Cons

  • ตอนจบที่บิ้วกันมานานกับการตัดสินโทษเอลิซที่ไม่เซอร์ไพรซ์อะไรมากจนรู้สึกเฟล
  • ได้เอลิซมาให้สัมภาษณ์ก็จริง แต่ว่าเธอก็ไม่ได้บอกเล่าเบื้องลึกอะไรมากขึ้นสักเท่าไหร่

Elize Matsunaga: Once Upon a Crime เอลิซ มัตสึนากะ อาชญากรรมจริงไม่อิงนิยาย สารคดี Netflix 4 ตอนจบเรื่องราวของคดีดังภรรยาฆ่าหั่นศพสามีที่เป็นคนรวยติดอันดับต้นๆ ของบราซิล ที่มีความซับซ้อนจากการขุดคุ้ยประวัติของทั้งคู่ที่มีเรื่องราวแปลกประหลาดกว่าคู่สามีภรรยาตามปกติมาก

 Eliza Matsunaga: Once Upon a Crime (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Elize Matsunaga: Once Upon a Crime เอลิซ มัตสึนากะ

สารคดีจากบราซิลเรื่องราวของคดีฆาตกรรมที่คนบราซิลให้ความสนใจมากที่สุด เมื่อ เอลิซ มัตสึนากะ ฆ่า มาร์โกส สามีทายาทตระกูลผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของบราซิล แถมยังหั่นศพสามีนำไปทิ้ง และอำพรางเรื่องราวว่าสามีหายตัวไป ซึ่งดูเรื่องราวก็ร้ายแรง แต่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากในบ้านเรา เพราะของไทยก็มีคดีสยองเกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะแนวหั่นศพเกิดขึ้นหลายครั้งจนคนไทยชินกับเรื่องอะไรแบบนี้ไปแล้วก็ได้ แต่ความน่าสนใจของเรื่องราวในคดีนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องราวคร่าวๆ ในตอนต้น แต่คดีมีรายละเอียดในการสู้คดีของอัยการกับทนายของ เอลิซ มัตสึนากะ ที่เป็นประเด็นน่าสนใจ เมื่อฝ่ายอัยการตั้งธงว่า เอลิซ มัตสึนากะ วางแผนฆาตกรรมสามีอย่างแยบยล ไม่ใช่ฆ่าจากแรงหึงหวงที่รู้ว่าสามีมีชู้โดยไม่ได้วางแผน ซึ่งเมื่อเรื่องราวถูกขุดคุ้ยมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็จะได้เห็นเบื้องหลังตัวตนของทั้งเอลิซกับสามีในแบบที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน

สารคดีเรื่องนี้ถ่ายทำหลังจาก เอลิซ มัตสึนากะ ออกจากคุกจากการปล่อยตัวชั่วคราว 7 วันในปี 2019 หลังจากเธอติดคุกในคดีนี้ตอนปี 2012 และขึ้นศาลสู้คดีกันในปี 2016 ต่อเนื่องกัน 7 วันจนจบคดี ซึ่งกฎการปล่อยตัวนี้ถือว่าเป็นความแปลกของบราซิลที่ให้นักโทษที่เข้าเกณฑ์ดีได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกปีนึงหลายครั้ง (ในเรื่องบอกว่าได้ 5 ครั้งต่อปี)  ก่อนจจะกลับเข้าคุกรับโทษต่อไปจนครบ ซึ่งช่วงเวลานี้เองที่เอลิซยอมให้สัมภาษณ์ถ่ายทำสารคดีนี้ เพื่อบอกเล่าหลายๆ อย่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเธอตั้งใจว่าสารคดีนี้จะเป็นตัวช่วยอธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอได้เข้าใจ ซึ่งตอนเกิดเรื่องอายุเพียง 2 ขวบ และเธอได้เสียสิทธิ์การเป็นแม่ไปแล้ว ลูกของเธออยู่กับตระกูลมัตสึนากะ (ในบราซิลคนญี่ปุ่นไปอยู่กันเยอะมากที่สุดในโลกตั้งแต่อดีตจนร่ำรวยเหมือนตระกูลคนจีนใหญ่ๆ ในเมืองไทย) ซึ่งเรื่องราวจะถ่ายทำชีวิตปกติของเธอในช่วงปล่อยตัว ประกอบกับการสัมภาษณ์เชื่อมโยงถึงอดีตที่สารคดีค่อยๆ ลำดับเรื่องความเป็นมาตั้งแต่แรกจนถึงขั้นต่อสู้กันในศาล ที่เธอมีความผิดรออยู่แล้วเพราะยอมรับสารภาพหลังจนมุมหลักฐานที่ตำรวจเจอจากกล้องวงจรปิด แต่ประเด็นของการต่อสู้ก็คือถือจะโดนลงโทษสูงสุด 30 ปี หรือแค่โทษเบาๆ เพียงไม่กี่ปีจากการเป็นเหยื่อความรุนแรงที่สามีกระทำต่อเธอ ตามที่เธอได้กล่าวอ้างไว้

ต้องบอกว่าเรื่องราวในสารคดีนี้ทำออกมาได้ดีเลย ถ้าเป็นคดีในไทยเองคงน่าสนใจมากกับการเล่าเรื่องสองฝั่งสู้กันแบบสูสี โดยเฉพาะเมื่อเหยื่อในคดีเป็นคนร่ำรวย แถมยังเป็นผู้ชายที่ถูกหั่นศพโดยภรรยา และสื่อก็ประโคมข่าวว่า เอลิซ คือเหยื่อของคนรวยที่กระทำต่อหญิงสาวชนชั้นล่างอย่างไม่เป็นธรรม จนบันดาลโทสะพลั้งมือฆ่าสามีไป ซึ่งในระหว่างต่อสู้คดีฝ่ายอัยการก็มีเรื่องราวแบบที่ไม่คาดคิดมาเปิดเผยเรื่อยๆ อย่างทำไมเชื่อว่าเอลิซวางแผนฆาตกรรม เริ่มจากวิถีกระสุนที่ไม่สอดคล้องกับคำให้การของเธอว่ายืนห่าง แต่แพทย์ที่ชันสูตรศพกลับพบหลักฐานสำคัยหลายอย่าง แม้แต่การเชื่อว่าเธอหั่นศพสามีตอนที่ยังไม่ตาย จนถึงขั้นต้องขุดศพขึ้นมาสืบสวนกันใหม่ ซึ่งหลักฐานหลายอย่างบ่งชี้แบบทำให้เราเชื่อตามได้จริงๆ ว่าเอลิซร้ายกว่าที่เห็นในตอนแรกมาก แถมยังมีโปรไฟล์ในอดีตหลายอย่างที่ส่อแววว่าเธอเป็นอาชญากรโหดนี้ได้จริงๆ อย่างคลิปเลี้ยงงูแล้วเอาหนูให้กินที่เป็นปกของรีวิวนี้ก็ยอมรับว่าหลังจากเห็นหลายๆ อย่างแล้วก็ทำให้เชื่อได้ว่าเอลิซไม่ปกติ แถมสามีเธอเองก็เป็นคนที่ไม่ปกติ มีความโหดอย่างการชื่นชอบล่าสัตว์ บ้าปืนจนในบ้านมีปืนหลายร้อยกระบอกซ่อนอยู่ เรียกว่าคดีนี้เป็นการขุดคุ้ยเปิดโปงแง่ลบของสองคนนี้แบบล้วงลึกหมดไส้หมดพุง โดยเฉพาะประเด็นการมีชู้ของมาร์โกสที่ไม่ธรรมดา จนเหมือนเป็นกงกรรมกงเกวียนที่เขาเองเป็นต้นเหตุความตายของตัวเองนี่แหละ โดยการสร้างเอลิซในแบบโหดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แพทย์ชันสูตรศพที่เชื่อว่าศพไม่โกหก แต่เอลิซโกหก

สารคดีมีทีมที่แบ่งฝ่ายสัมภาษณ์ว่าเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนอยู่คนละฝั่ง อย่างเพื่อนสนิทมาร์โกส ป้าของเอลิซ นักข่าวที่ทำคดีเอลิซแบบเกาะติดเชื่อว่าเธอถูกกระทำ หมอชันสูตรที่มั่นใจว่าศพเล่าเรื่องจริงไม่ใช่คำโกหกที่เอลิซให้การ ตัวละครประกอบเหล่านี้แบ่งฝ่ายสองฟาก และก็เล่าเรื่องราวส่วนตัวที่พบกับทั้งคู่พร้อมกับความเชื่อของตัวเองประกอบเรื่องราวการต่อสู้ในศาลอีกที ซึ่งคนดูเองก็คงถูกโน้มเอียงไปมาตลอดเวลาที่ดู นับว่าสารคดีบอกเล่าเรื่องราวได้ดีเลย ไม่น่าเบื่อ มีความน่าติดตาม

ทั้งคู่เป็นนักล่าสัตว์ตัวยง

สารคดีพยายามบิ้วกับปิดบังผลการตัดสินสุดท้ายไว้เพื่อมาเฉลยในตอน 4 ซึ่งก่อนหน้านี้จากรูปคดีที่สู้กันมาตลอด เรื่องราวพาให้เราคิดว่าตอนจบน่าจะมีเซอร์ไพรซ์พอสมควร เพราะเรื่องย่อของตอน 4 ก็บอกว่าผลการตัดสินเป็นไปอย่างไม่คาดคิด ซึ่งจุดนี้แหละที่สารคดีเรื่องนี้ดูดรอปลงทันที เมื่อการบิ้วซะเว่อร์พร้อมทั้งปิดบังผลการตัดสินเหมือนเป็นอะไรที่สำคัญ แต่พอสรุปคำตัดสินออกมากลับกลายเป็นงั้นๆ แม้จะไม่คาดคิดนิดๆ แต่ก็ไม่ใช่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญอะไรมากเลย เอาจริงๆ บอกมาตั้งแต่แรกก็ยังได้ เพราะความสนุกของเรื่องราวอยู่ที่การต่อสู้คดีในเรื่องอยู่แล้ว แต่พอบิ้วให้คนคาดหวังกับตอนจบที่แปลก แต่ดันไม่แปลกอะไรเลย ทำให้ความน่าสนใจอยากบอกต่อกับสารคดีนี้จบลงไปในทันที และตัวเรื่องหลังเฉลยคำตัดสินก็มีต่ออีกนิดกับช่วงเวลาสุดท้ายเอลิซจากการปล่อยตัวชั่วคราว และเรื่องราวก็วนกลับไปที่การเข้าคุกของเธออีกครั้ง เป็นการจบแบบเงียบๆ ของเรื่องนี้

สำหรับคนที่ต้องการดูสารคดีอาชญากรรมแปลกใหม่ก็คงต้องข้ามไปเพราะตอนจบของเรื่องนี้ธรรมดามาก แต่ถ้าใครต้องการดูช่วงการต่อสู้คดีในศาลว่ามีรายละเอียดแฉกันขนาดไหน สารคดีเรื่องนี้ตอบโจทย์เลยและทำได้ดีด้วยครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!