playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Freaks: You’re One of Us แม่บ้านซูเปอร์ฮีโร่จอมพลังจากผู้เขียนบทซีรีส์ Dark

Freaks: You're One of Us

สรุป

นี่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่บ้านๆ ทุนต่ำ แต่เล่าเรื่องสนุก อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากนัก แต่ก็เพลินๆ ในระดับหนังลงสตรีมได้เป็นอย่างดีครับ เพียงแต่ต้องยอมรับความทุนต่ำและใช้เทคนิคตัดฉากการใช้พลังสดๆ ออกไปได้เท่านั้น

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เล่าเรื่องสนุกในมุมมองแม่บ้านธรรมดาที่มีพลังพิเศษแล้วไม่ได้เอาไปใช้กู้โลกหรือสู้กับวายร้ายอะไร
  • มีมุกจิกกัดหนังกับการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ให้พอขำๆ ตลอดเรื่อง
  • ฉากใช้พลังมีเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่อง
  • ได้ผู้เขียนบท Dark มาเขียนบทเรื่องนี้

Cons

  • การกระทำของนางเอกไม่ค่อยสมเหตุผลหลายครั้ง
  • ฉากไคลแม็กซ์ตอนท้ายไม่มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจเลย
  • ใช้มุมกล้องตัดหลบการโชว์พลังพิเศษแบบสดๆ ออกไปหลายครั้ง

Freaks: You’re One of Us ชื่อไทย จอมพลังพันธ์แปลก หนังแนว Super Hero เรื่องใหม่ของ Netflix จากผู้เขียนบทซีรีส์ Dark เรื่องราวของแม่บ้านนิสัยเรียบร้อย ที่จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษแข็งแรงเหนือมนุษย์!

 Freaks: You're One of Us (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Freaks: You’re One of Us

รีวิวไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญของเรื่อง

หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ยังขยันทำกันออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน หาทางฉีกแนวออกไปเรื่อยๆ แม้แต่เรื่องนี้เองก็ยังหยิบความเกลื่อนกลาดของหนังซูเปอร์ฮีโร่ไปแขวะเป็นมุกตลกไว้ด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็พยายามฉีกแนวออกไปในแบบบ้านๆ ทุนต่ำตามงบหนัง Netflix แต่ด้วยเครดิตชื่อหนึ่งในผู้เขียนบท Dark (คนเขียน Marc O. Seng เขียน 7 ตอน ตั้งแต่ SS1-3) ก็ทำให้เรื่องนี้มีพื้นฐานเรื่องราวที่มาที่ไปและการเล่าเรื่องที่ดีพอให้หลุดพ้นจากหนังเกรดต่ำของ Netflix ได้เลย

เรื่องเปิดมาเล่าเรื่องด้วยปริศนามีเหตุร้ายในโรงเรียน ก่อนพบกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ติดอยู่ในเหตุการณ์นั้นแบบขวัญผวา เรื่องราวตัดมาที่ปัจุบันเธอกลายเป็นแม่บ้านวัยกลางคน มีลูกชาย 1 คนกับสามีสุดที่รัก แต่ว่าฐานะทางการเงินของครอบครัวกำลังลำบาก บ้านกำลังจะถูกยึด เธอจึงต้องทำงานร้านอาหารช่วยเหลือครอบครัว และยังต้องกินยาคุมอาการทางประสาทจากเหตุการณ์ในวัยเด็ก ก่อนที่จะพบกับคนจรจัดที่มาบอกเธอว่า เธอคือพวกเดียวกันกับเขา เป็นคนที่มีพลังพิเศษซ่อนอยู่!

ด้วยความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็ต้องไม่พ้นการใช้ CG เพื่อให้มีฉากแอ็กชั่นหรือโชว์พลังพิเศษให้คนดูว้าวตามให้ได้ ไม่งั้นก็คงจืดสนิท ซึ่งผู้กำกับก็รู้ว่าตัวเองมีงบไม่มาก จึงพยายามใส่ฉากพวกนี้ลงไปแบบใช้มุมกล้องตัดหลบจังหวะที่ต้องโชว์พลังสดๆ แล้วไปถ่ายเอาตอนผลลัพธ์ที่ออกมาแทน ซึ่งในกรณีของนางเอกที่เป็นจอมพลังก็มักจะใช้เทคนิคนี้อยู่หลายครั้ง รวมถึงตัวละครอื่นที่มีพลังพิเศษเว่อร์ๆ อย่างร่างกายคงกระพันก็มีฉากโดดลงไปให้รถสิบล้อทับ แต่ก็ไม่ได้ตัดให้เห็นสภาพสดทันที ซึ่งถ้าเป็นหนังโรงก็คงดูทุนต่ำเกินไป แต่พอมาเป็นหนังลงสตรีมอย่าง Netflix ก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะว่าความสนุกของเรื่องยังอยู่ แม้จะตัดฉากข้ามไปแบบนี้ แต่เรื่องก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกสนุกแบบซูเปอร์ฮีโร่มอบให้ได้อยู่

ถ้ามองข้ามยอมรับเรื่องการโชว์สกิลพลังพิเศษที่ไม่ได้มีให้เห็นเต็มๆ ได้แล้ว ตัวเรื่อง Freaks นี้มีการเดินเรื่องที่สนุกในแบบบ้านๆ เป็นของตัวเองดีเลย แม้พล็อตจะไม่แปลกใหม่อะไรอีกแล้ว เป็นเหมือนพวกซีรีส์หนังฮีโร่ที่คนธรรมดาค้นพบตัวเอง ก่อนพบว่าไม่ได้มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่มีพลัง ยังมีคนอื่นอีกมากมายมีพลังนี้เช่นกัน ซึ่ง Freaks เองก็ใช้ประโยชน์จากตัวเอกที่เป็นแม่บ้านหงิมๆ เรียบร้อย ก่อนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่หมดหลังพบพลังที่ถูกซุกซ่อนมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังทำงานร้านอาหารเช่นเดิม ซึ่งก็กลายเป็นความสนุกที่เห็นเธอได้ใช้พลังพิเศษจัดการปัญหาในร้านที่สมัยก่อนเธอแก้ไม่ได้ อย่าง ลูกค้าจอดรถในที่จอดคนพิการ หัวหน้าที่ชอบดูถูกกดขี่เธอ หนังไม่ได้พยายามให้เธอลุกขึ้นมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่อะไร แต่แค่เอาพลังนั้นมาประยุกต์ใช้ทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้นเท่านั้น ก็เลยกลายเป็นฉากขำๆ ดูสนุกเอาใจช่วยเธอที่ยังพยายามเป็นแม่บ้านที่ดีเช่นเดิมนี่แหละครับ

แต่เรื่องก็ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ในหนังมีกลุ่มคนที่มีพลังพิเศษคนอื่น มีองค์กรของรัฐบาลที่คอยควบคุมคนมีพลังพิเศษ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่หนังมีรายละเอียดของตัวละครอื่นที่ใส่มาน่าสนใจพอๆ กับนางเอก ในฐานะคนจรจัดที่ร่างกายคงกระพัน ที่รู้เรื่ององค์กรลับมาตลอด หรือเพื่อนร่วมงานหนุ่มที่บ้านรวย แต่มีปัญหาพ่อไม่รัก คลั่งไคล้การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ เมื่อได้รู้ว่านางเอกมีพลังพิเศษก็กลายเป็นคนละคนไป ซึ่งตัวเรื่องทำการบ้านมาดีว่าถ้าเซ็ทโลกซูเปอร์ฮีโร่แบบบ้านๆ แล้วพยายามให้สมจริง อะไรต่างๆ ควรจะเป็นยังไง จะเห็นได้ว่าหนังพยายามแขวะจิกกัดการมีพลังพิเศษอยู่เสมอว่า แค่มีพลังไม่ได้ทำให้คนมองว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ง่ายๆ แบบในการ์ตูน และเอาจริงๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องไม่ได้มีขาวกับดำ แบบฮีโร่กับตัวร้ายอะไรชัดเจนนัก แต่เป็นเรื่องของคนที่ผิดปกติ และต้องการหาที่ทางยืนของตัวเองในสังคมไม่ให้ถูกมองว่าผิดปกติได้แค่นั้น ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาโอเคเลย หนังหาที่ทางของตัวเองเล่าเรื่องนี้ได้สนุกด้วยทุนจำกัดได้สำเร็จจริงๆ

แต่สิ่งที่หนังยังทำไม่ได้ดีนักก็คือเหตุผลในบางช่วงยังดูรวบรัดง่ายๆ ไป อย่างนางเอกจากแม่บ้านมีชีวิตปกติ จู่ๆ ก็อยากไปทำลายองค์กรลับขึ้นมา แม้จะเป็นการพยายามพาเรื่องไปให้มีฉากโชว์พลังให้คนดูสนุก แต่ก็รู้สึกว่านางเอกมีเหตุผลเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบไม่เมคเซนส์อยู่เป็นระยะ แต่อาจจะอธิบายเรื่องตรงนี้ได้ว่าเพราะเธอมีอารมณ์แปรปรวนมาตั้งแต่เด็ก และจุดนี้เองก็ถูกใช้เป็นคำอธิบายอ้อมๆ ถึงจุดร่วมของการมีพลังของคนพิเศษคนอื่นๆ อีกด้วย

แม้หนังพยายามใส่ฉากใช้พลังพิเศษมาเป็นระยะๆ แบบไม่มีขาดช่วงให้คนดูเบื่อแล้วก็ตาม แต่เหมือนเรื่องจะกระจายงบไปลงทุกช่วงมากไปจนทำให้ไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ปูมาอย่างดี บิ้วมาเหมือนว่าเตรียมมันส์ ยังไงต้องมีฉากสู้อลังการปิดท้ายตามสูตรสักหน่อย แต่กลายเป็นแทบไม่มีอะไรเลย ซึ่งก็กลายเป็นความเฟลนิดๆ แม้จะเข้าใจได้ว่าทุนต่ำก็ตาม ซึ่งเรื่องจากที่บิ้วมาสนุกๆ กลับวูบดับในตอนท้ายอย่างน่าเสียดาย และก็มีเผื่อทิ้งท้ายไว้อาจจะได้ทำต่อได้อีก

นี่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่บ้านๆ ทุนต่ำ แต่เล่าเรื่องสนุก อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากนัก แต่ก็เพลินๆ ในระดับหนังลงสตรีมได้เป็นอย่างดีครับ เพียงแต่ต้องยอมรับความทุนต่ำและใช้เทคนิคตัดฉากการใช้พลังสดๆ ออกไปได้เท่านั้น

หาอ่านรีวิวหนัง Super Hero เรื่องอื่นๆ ที่ลงสตรีมมิ่งได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!