playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Hold Tight ซีรีส์คนหายต่อเนื่องที่สอบตกมาตรฐาน ฮาร์ลาน โคเบน (ไม่สปอยล์)

Hold Tight

สรุป

ซีรีส์สอบตกมาตรฐานการเล่าเรื่องให้สนุกตื่นเต้นน่าติดตามจากสูตรสำเร็จของ ฮาร์ลาน โคเบน อีกทั้งปมต่างๆ ยังชวนให้งงแบบเฉลยมาแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ตอนจบตั้งใจหักมุมเต็มที่แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว้าวอะไรนัก

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
4.33 (3 votes)

Pros

  • งานสร้างจากนิยาย ฮาร์ลาน โคเบน
  • คนหายต่อเนื่องหลายคนกว่าเรื่องอื่น
  • เล่นประเด็นพ่อแม่ปกป้องลูกทุกวิถีทาง
  • 6 ตอนจบไม่ยาวมาก

 

Cons

  • การเล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยหลายทิศทางชวนงง
  • ตัวร้ายเปิดมาอย่างโหด แต่จบแบบง่ายๆ
  • ปมหลักขาดความเชื่อมต่อเป็นเรื่องเดียวกันแบบที่ควรจะเป็นกับงานของโคเบน

Hold Tight อย่าเผลอ ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบจากนิยายของ ฮาร์ลาน โคเบน เรื่องราวของคนหายตัวไปเรื่อยๆ ในชุมชนหนึ่งที่กลายมาเป็นการเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้นของคนในครอบครัวชุมชนนั้นเอง

 Hold Tight (2022) on IMDb

รีวิว Hold Tight (ไม่มีสปอยล์)

ชุดซีรีส์จากโคเบนที่ทำมาหลายต่อเรื่องจากทีมงานหลายประเทศ ที่ดังๆ สุดก่อนนี้ก็คือ The Innocent จากสเปน (อ่านรีวิวได้ที่นี่สำหรับคนไม่เคยดูโคเบนมาก่อนแนะนำมากๆ) มาเรื่องนี้คือทีมงานจากโปแลนด์ที่ยังไม่เคยทำนิยายของโคเบนมาก่อน ซึ่งต้องบอกว่าถึงนิยายจากโคเบนจะมีมาตรฐานที่ค่อนข้างดี แต่การดัดแปลงมาเป็นซีรีส์ก็ต้องอาศัยความสามารถของทีมงานค่อนมาก ด้วยความที่ตัวนิยายของโคเบนมักเริ่มจากจุดเล็กๆ คนหาย แล้วเรื่องค่อยๆ โยงใยขยายไปทั่วแบบใยแมงมุม ทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกินคาดได้เสมอ ซึ่งเรื่องนี้เองก็ยังมาในสูตรคนหายแบบเดิม แต่เรื่องนี้จะไม่ใช่แค่คนหายคนเดียวแล้วตามหา แต่เป็นการหายแบบต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพล็อตแบบนี้ดูแปลกใหม่น่าสนใจ แต่กลายเป็นว่าตัวทีมงานกลับไม่สามารถดัดแปลงนิยายเรื่องนี้มาซีรีส์ได้ดีพอ

เนื้อเรื่องเริ่มจากหลายครอบครัวในเมืองนี้รู้จักกันมานาน แต่แล้วเมื่อลูกชายของคนหนึ่งตายไปแบบปริศนาเหมือนฆ่าตัวตายจากเสพยาเกินขนาด แต่กลายเป็นว่าเรื่องไม่จบเมื่อเพื่อนรักในกลุ่มนี้กลับทำตัวมีพิรุธจนแม่ของพวกเขาต้องออกตามสืบหาความจริง และกลายเป็นว่ายิ่งพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในขณะนั้นเองก็มีคดีคนหายต่อเนื่องที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มครอบครัวที่สนิทสนมกัน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างผิดปกติ

ด้วยความที่เรื่องเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบที่สั้นมากด้วย การเล่าเรื่องราวซับซ้อนให้กระชับและเข้าใจจึงยากมาก ซึ่งจุดนี้เองเป็นปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มเรื่องนี้แล้ว เมื่อตัวละครหลักมีจำนวนมากหลายครอบครัวเปิดเรื่องมาพร้อมๆ กันโดยไม่ได้มีเวลามาปูพื้นหรือโฟกัสว่าใครเป็นเรื่องหลักกันแน่ด้วย เพราะตัวเหตุการณ์ลูกชายตนหนึ่งตายก็กระโดดเล่าข้ามมาเลย จู่ๆ ก็มีคนตาย คนหายอีก ซึ่งการที่เรื่องโยนทุกอย่างลงมาพร้อมๆ กันตั้งแต่แรกแบบนี้ทำให้คนดูเองก็ต้องงงว่าทิศทางเรื่องนี้จะไปยังไงแบบไหน ซึ่งโอเคสำหรับคนดูโคเบนมาก็คงพอเข้าใจว่าเดี๋ยวเรื่องทั้งหมดจะต่อกันเองในภายหลัง แต่พอดูจบกลายเป็นว่าจริงๆ ปมต่างๆ ในเรื่องนี้ก็แทบไม่ได้มีความเชื่อมต่อกันแบบนั้นเลย กลายเป็นเนื้อเรื่องการสืบหาความลับของลูกชายคนที่ฆ่าตัวตายก็เรื่องนึง คนหายตัวในชุมชนก็อีกเรื่องหนึ่ง มีตัวร้ายแยกขาดจากกันเลย แต่ดันเอาทั้งสองอย่างนี้มามัดรวมกันในเรื่องนี้ให้คนดูงงเล่น ซึ่งไม่ใช่แค่งงกับการคาดเดาว่าเชื่อมต่อกันยังไง แต่เป็นการงงจากการเล่าทิศทางเรื่องที่ไม่ดีเอามากๆ ด้วย ประมาณว่านึกจะตัดไปเล่าคนนั้นคนนี้ก็ตัดกระโดดไปมาไม่มีความต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่ ซึ่งมีผลทำให้การดำเนินเรื่องดูเรื่อยเปื่อยไม่รู้จะไปทางไหนกันแน่

นอกจากนี้คนร้ายก็เปิดตัวอออกมาตั้งแต่แรกๆ แล้วก็ไม่มีมูลเหตุให้รู้เลยว่าหมอนี่ทำไปทำไม มีแต่การขายความโหดว่าหมอนี่โหดสัสแม้กับผู้หญิง แม้ดูจนจบก็ยังงงนิดๆ ด้วยว่ามันสมเหตุผลแล้วเหรอกับการลักพาตัวฆ่าคนเพื่อเรื่องแบบนี้ ยิ่งตอนจัดการคนร้ายก็ต่างออกไปจากโคเบนเรื่องอื่นๆ ที่คนร้ายต้องมีกึ๋นมีการต่อสู้มากพอสมควร แต่เรื่องนี้กลับจบแบบง่ายๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยจบลงไปเองแบบห้วนๆ ซึ่งเฟลมากกับการปูว่าตัวร้ายโหดมาตลอด

และดูเหมือนว่าเนื้อหาสืบสวนทั้งเรื่องไม่ใช่ประเด็นที่เรื่องนี้ต้องการขาย แต่เป็นเรื่องการที่พ่อแม่ต้องปกป้องลูกทุกทางมากกว่าที่เป็นจุดที่เรื่องนี้อยากขาย ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องก็จะมีแนวการใช้แอปติดตามดักอ่านข้อมูลจากมือถือลูก ซึ่งก็ถูกนำมาเล่นเป็นประเด็นต่อเนื่องว่านี่คือความห่วงแบบผิดๆ ที่รุกล้ำเรื่องส่วนตัวของลูก ซึ่งโลกของวัยรุ่นในเรื่องนี้ก็มีอะไรที่นำไปสู่สิ่งไม่ดีมากมายทำให้พ่อแม่เป็นห่วงจนต้องยอมทำเรื่องนี้ลงไป ซึ่งพอตอนจบสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จะหักมุมตามสไตล์โคเบน แต่เป็นการหักมุมในแง่ของความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะโกหกหรือทำผิดแค่ไหนก็ตาม ซึ่งประเด็นแบบนี้คนดูเข้าใจ แต่เรื่องกลับไม่ทำให้อินตามได้ เลยกลายเป็นตอนจบเหมือนแค่อยากจะหักมุมไปงั้นๆ อาจจะทำให้เรื่องดูมีอะไรแปลกนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าจดจำมากแบบเรื่องอื่นๆ ยิ่งถ้าไปเทียบกับ The Innocent ด้วยแล้วยิ่งห่างชั้นกันมากกับตอนจบหักมุมแบบนี้

สรุปเลยว่านี่เป็นซีรีส์ที่ทำออกมาไม่ได้ตามมาตรฐานโคเบน ทั้งในเรื่องความสนุกของการดำเนินเรื่อง ปมความลับก็พื้นๆ ตอนจบหักมุมก็เฉยๆ ความแย่พอๆ กับเรื่อง Gone for Good หาย จากทีมงานฝรั่งเศสที่มี 6 ตอนเหมือนกัน แต่เรื่องนี้อาจจะดีกว่านิดนึง แต่ก็ไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่เลยครับ แนะนำข้ามไปเลยดีกว่าแม้จะเป็นแฟนซีรีสืโคเบนเองก็เถอะ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!