playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Mad For Each Other พบรักไว้พักใจ ซีรีส์เกาหลี Netflix ฟอร์มเล็กที่มีเสน่ห์แบบบ้านๆ (อัพเดทจบ)

Mad For Each Other

สรุป

นี่เป็นซีรีส์ฟอร์มเล็กที่ขอเชียร์ให้ดูเลย เรื่องราวอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก แนวผู้ป่วยจิตสองคนมาพบกันเยียวยากันแบบ It’s Okay To Not Be Okay ในเวอร์ชั่นตลกโรแมนติก แนวบ้านๆ ไม่มีพล็อตหวือหวาเร้าใจอะไร แต่เรื่องกลับทำให้ผู้ชมอมยิ้ม ขำ ฮาหนัก โรแมนติก สะเทือนใจ ครบรสได้เลย ตอนนึงก็สั้นๆ แค่ 30 นาที ไม่เสียเวลาอะไรมากครับ ไม่ถึงกับห้ามพลาด แต่มีเสน่ห์แบบบ้านๆ ชวนให้ลองพิสูจน์ดูครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (5 votes)

Pros

  • ความป่วยจิตของตัวเอกทั้งคู่เวลาเจอกันโดยบังเอิญกลายมาเป็นฉากฮาๆ
  • การแสดงเป็นผู้ป่วยจิตแบบสุดโต่งของทั้งคู่สนุกสนานแบบบ้าๆ แต่ก็ซ่อนที่มาสะเทือนใจไว้ด้วย
  • พาร์ทโรแมนติกที่ดูบ้านๆ กับนางเอกสายรุกแบบน่ารักๆ
  • นางเอกเล่นแบบไม่เน้นเมคอัพ สวยแบบบ้านๆ ธรรมชาติมาก
  • มีเรื่องราวของตัวละคร LGTB มาเกี่ยวข้องด้วย
  • ซีรีส์ฉายลงสตรีมมิ่งเกาหลี ก็เลยมีรูปแบบตอนกับหลายอย่างแตกต่างออกไปจากปกติ
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • เรื่องราววงแคบเล็กๆ ฉากวนเวียนไม่กี่ที่กับตัวละครน้อยๆ (เพราะเป็นซีรีส์ฟอร์มเล็ก)
  •  พอพ้นช่วงแรกไปสักพักโทนตลกของเรื่องลดลงจนแทบหมดไป กลายเป็นแนวโรแมนติกกับดราม่าสะเทือนใจเป็นหลัก จนรู้สึกผิดฟีลตอนแรกมากไป
  • ช่วงเคลียร์ปมคดีของพระเอกตอนท้ายรวบรัดจบง่ายจนเกินไป

 

Mad For Each Other พบรักไว้พักใจ ซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องราวของเพื่อนบ้านชายหญิงสองคนได้รู้ว่ามีจิตแพทย์คนเดียวกัน ทั้งคู่เขม่นขี้หน้ากัน แต่หนีกันไม่พ้นจนต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุดกระอักกระอ่วน จนกลายมาเป็นพบรักเยียวยาใจกันและกัน

 Mad for Each Other (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Mad For Each Other พบรักไว้พักใจ

ซีรีส์เกาหลีที่ไม่ได้เป็นละครฉายทีเกาหลีตามปกติ แต่เป็นซีรีส์ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของเกาหลีอย่าง KakaoTV และเน็ตฟลิกก็ซื้อเรื่องนี้มาในระบบฉายพร้อมกัน อาทิตย์ละ 3 ตอน ทุกวันจันทร์-พุทธ หลังหนึ่งทุ่มไป ตอนละประมาณ 30 นาที มีทั้งหมด 13 ตอน ซึ่งด้วยความที่เป็นซีรีส์นอกระบบทีวีปกติก็เลยรูปแบบตอนแตกต่างจากปกติ รวมถึงเนื้อหาของเรื่องที่ดูบ้าๆ เพราะเกี่ยวกับคนบ้าผู้ป่วยจิตเวชมาเจอกัน ซึ่งแม้จะดูเป็นซีรีส์ฉายออนไลน์ไม่ได้ลงทุนมาก แต่ขอบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องก็เหมือนจับจุดได้ว่าจะเล่นสเกลเล็กๆ ยังไงให้โดดเด่นน่าติดตาม

Mad For Each Other

ตัวเอกสองคน อีมินกยอง (รับบทโดย Oh Yeon-Seo) กับ โนฮวีโอ (รับบทโดย Jung Woo) ทั้งคู่มาเจอกันโดยบังเอิญหลายครั้งในสถานการณ์เพี้ยนๆ ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ที่มันเพี้ยนแล้วเป็นได้แบบนั้นเพราะทั้งคู่กำลังมีอาการทางจิตคนละแบบ ในรายของโนฮวีโอ พระเอกของเรื่องคืออาการควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ เรียกว่าปรี๊ดง่ายของขึ้นสติแตกบ่อยครั้ง แต่ดันมาเจอกับเพื่อนบ้านสาว อีมินกยอง นางเอกของเรื่องที่เป็นโรคตื่นตกใจง่าย ขี้ระแวง ขี้มโน ชอบคิดว่าคนที่มาเจอกับเธอเป็นนั่นเป็นนี่ในแง่ร้ายเสมอ แล้วทั้งคู่ก็ต้องไปหาหมอคนเดียวกัน ทางเดียวกัน กลับบ้านก็เจอกัน ทำอะไรก็มีเหตุบังเอิญให้เจอกันหมด คนหนึ่งชอบยั่วโมโหคนอื่นแบบไม่ตั้งใจ มาเจอกับคนปรี๊ดแตกกับอะไรง่ายๆ มันก็เลยกลายเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้งแผดเสียงแสบแก้วหูใส่กันทั้งเรื่อง ซึ่งรับประกันความฮาได้เลยกับพล็อตที่ครีเอทให้คนบ้ามาเจอคนบ้าแบบนี้

จิตแพทย์ในเรื่องที่ต้องฟังทั้งสองคนเล่าถึงกัน แต่ไม่ออกชื่อว่าเป็นใคร

แต่ช้าก่อนนี่ไม่ใช่ซีรีส์ตลกเพียงอย่างเดียว ตัวเรื่องค่อยๆ ลำดับความเป็นมาของอาการทางจิตทั้งคู่ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ซึ่งในรายของโนฮวีโอแม้บุคลิกจะดูเพี้ยนๆ ตกงาน แต่ที่จริงเขาเป็นตำรวจมือปราบมาก่อน แต่โดนพักงานและอาจจะไม่ได้กลับไปในกรม จากคดีบางอย่างซึ่งเป็นเมนเรื่องหลักของตัวละครนี้ที่ทำให้เขากลายมาเป็นแบบนี้ และคดีนี้เองก็ไม่ได้จบปิดเคส แต่ยังตามมากวนใจเขาตลอด ซึ่งเรื่องราวที่เขาต้องพบจิตแพทย์กับว่างงานนี้ก็กลายมาเป็นเขาต้องแอบทำคดีลับๆ ต้นตอของเรื่องนี้ไปด้วย และไอ้การทำคดีลับๆ นี้เองก็เป็นฉากฮาๆ ของเรื่องอีกทาง ที่รับรองว่าฮาไม่แพ้ช่วงที่เขาต้องทะเลาะกับนางเอกเลย (อันนี้เรื่องตั้งใจครีเอทฉากให้ฮาสุดๆ ทุกครั้ง)

ในส่วนของนางเอก อีมินกยอง เบื้องหลังการป่วยนี้เป็นดราม่าที่หนักหนาสาหัสกว่าพระเอกหลายเท่า พาร์ทย้อนอดีตของเธอนี่คือส่วนดราม่าสะเทือนใจ ตัวเรื่องสร้างที่มาของเหตุการณ์อาการทางจิตของนางเอกได้อย่างโหดร้ายกับเธอมาก เรียกว่าเจอ 1 2 3 ความโหดร้ายติดต่อกันจนทำให้จากพนักงานออฟฟิสปกติกลายมาเป็นผู้ป่วยจิตเวชจริงๆ ต่างกับของพระเอกยังเป็นแค่การควบคุมอารมณ์ และเรื่องสะเทือนใจนี้ก็ยังไม่จบ ตามติดเธอมาถึงช่วงเวลานี้

ถึงเรื่องจะเป็นแนวตลกผสมดราม่า แต่ว่าหัวใจของเรื่องจริงๆ คือแนวโรแมนติก เป็นเรื่องราวของ การพบรักไว้พักใจ ตามชื่อเรื่องภาษาไทยเลย (ตั้งชื่อได้ลงตัวมาก) ซึ่งช่วงแรกๆ ตัวเรื่องซัดแนวตลกเข้ามามากมายเพื่อปูไปสู่การที่ผู้ป่วยทางจิตสองคนต่างเยียวยาอาการของกันและกัน ก่อนพบรักกันในที่สุด ฟังดูพล็อตคุ้นๆ เลย เพราะจริงๆ เรื่องนี้คือแนวเดียวกับซีรีส์ดัง It’s Okay To Not Be Okay (เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน) นั่นเลยครับ แต่เป็นเวอร์ชั่นตลกนำแค่นั้น และก็มีความเบาๆ ของเรื่องราว ไม่ดาร์ค ไม่ติดเว่อร์ อะไรแบบเรื่องนั้น หลังตอน 6 ไปแล้วจะมีจุดพลิกผันตามมาขัดขวางความสุขของทั้งคู่ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมา ซึ่งตัวเรื่องในส่วนโรแมนติกนี้ทำออกมาได้ธรรมดาแต่น่ารัก มีความบ้านๆ ยกตัวอย่างฉากที่นางเอกเริ่มรู้สึกดีๆ กับพระเอก แต่ดันไปกวนตรีนเขามาตลอด ก็เลยสั่งอาหารออนไลน์ให้ไปส่งห้องข้างๆ ที่เป็นของพระเอก อ้างว่าสั่งมาเยอะให้ถึงขั้นต่ำแล้วแบ่งให้ ต่อด้วยมุกซอสแบ่งกันไม่ได้ ก็เลยต้องไปกินด้วยกันในบ้าน ซึ่งความจริงเป็นแผนจีบพระเอกนี่แหละ และนางเอกก็ชอบคิดมุกจีบเนียนๆ ตลอด ตัวเรื่องจากขำๆ มาตลอด พอมาถึงช่วงรักๆ ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันเลย เพราะมันเป็นการจีบกันแบบบ้านๆ โดยที่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้หวยป่วยจิตด้วย ก็เลยมีอะไรฮาๆ ตามมาในฉากโรแมนติกไปพร้อมกัน ซึ่งทำออกมาดีมากจริงๆ

ในเรื่องจะมีพนักงาน 7-11 ที่แอบปลื้มพระเอกอยู่ด้วย และก็กลายมาเป็นชนวนให้นางเอกหึงแบบไม่เข้าใจ

ความเก๋อีกอย่างของเรื่องคือชื่อตอนที่กวนแบบขำๆ อย่าง พอฝนตก คนบ้าแถวนี้จะโผล่มา /หมาตัวใหญ่ชอบเห่า แต่ไม่กัดผู้หญิง ซึ่งชื่อตอนก็เป็นประโยคแดกดันกัดตัวละครในเรื่องเอง และทุกตอนจะมีฉากเอนด์เครดิตแปลกๆ โผล่มาประกอบ ซึ่งเป็นแนวเบื้องหลังเล็กๆ ชวนขำปิดท้ายตอนได้อีกหน่อย

และที่ไม่รู้ว่าเพราะลงสตรีมรึเปล่า ตัวเรื่องจึงมีฉากของตัวละครเพศทางเลือกเป็นบทสมทบสำคัญในเรื่อง ต่างจากซีรีส์เกาหลีปกติที่ไม่พยายามใส่มา และเรื่องก็พยายามเน้นย้ำตัวละครนี้ในแบบที่มีแง่มุมดีๆ อย่างการที่คนอื่นในสังคมยังตั้งแง่รังเกียจไว้ก่อน แต่พระเอกกลับพูดให้ทุกคนเข้าใจว่า รสนิยมแต่งหญิงหรือการเป็นเพศทางเลือกในเกาหลี ไม่ได้ผิดกฎหมาย และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แถมยังมีฉากที่พระเอกเองก็ต้องไปใช้บริการแต่งหญิงกับเขาด้วย โดยที่ไม่ได้เป็นมุกแบบล้อเลียนให้ตลกเต็มที่ แต่เป็นฉากต่อเนื่องที่ปูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในแบบเพื่อน และแอบมีชวนจิ้นนิดๆ อีกด้วย

นักแสดงอย่าง Jung Woo รับบทพระเอกขี้โมโหได้สุดๆ ไปเลย และนี่เป็นการกลับมาเล่นซีรีส์อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 7 ปีจากบทใน Reply 1988  แม้ดูหน้าตาจะไม่ใช่แนวหล่อ แต่ต้องบอกว่ามันใช่กับบทบ้านๆ แบบนี้ และยังเป็นฮีโร่เล็กๆ ในชุมชน คือถ้าตัวละครนี้หล่อใสแบบพระเอกเกาหลีปกติทั่วไปมันคงไม่ใช่ ไม่เหมาะกับบทเอามากๆ เรียกว่าเหมาะเจาะกับบทนี้ที่สุดแล้ว

ส่วนนางเอก Oh Yeon-Seo อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้ LUV และกลายมาเป็นนักแสดงซีรีส์ประจำ แต่อาจจะไม่ได้คุ้นหน้ามาก เพราะหลายเรื่องไม่ได้ดังในบ้านเรา แต่เธอในบทผู้ป่วยจิตอย่างรุนแรงกับน่ารักสุดๆ ไปพร้อมกันนี่ใช่เลย แม้ว่าในเรื่องส่วนใหญ่จะให้ตัวละคร อีมินกยอง ใส่แว่นดำใหญ่ๆ ปิดตา เสียบดอกไม้ทัดหูเหมือนคนบ้า (จริงๆ เป็นความต้องการของเธอเองที่ให้คนมองว่าบ้า จะได้ไม่มายุ่งด้วย) หน้าตาก็ไม่ได้มีแต่งเมคอัพอะไร เรียกว่าหน้าสดแทบทั้งนั้นเท่าที่เห็น คือไม่ใช่คนสวยแบบที่ใครเห็นต้องเหลียวหลัง แต่สวยแบบบ้านๆ พร้อมความบ้าบอแบบน่ารัก ตอนที่มีอาการทางจิตหวาดระแวงก็น่าสงสาร ดูแล้วอยากเอาใจช่วยให้เธอหลุดพ้นจากเรื่องร้ายๆ ยิ่งตอนจีบกับหึงพระเอกนี่ทั้งขำกับน่ารักไปพร้อมกันอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ

ข้อเสียของเรื่องหลักๆ ยังไม่เห็น แต่มีแค่จุดด้อยจากงานสร้างลงสตรีมเท่านั้นที่ดูเป็นซีรีส์บ้านๆ ฉายทางออนไลน์ ตัวละครก็เลยน้อยมาก เรื่องราวก็อยู่ในวงแคบไปๆ มาๆ  แค่ในห้องพัก 7-11 สถานีตำรวจ ไม่ได้มีฉากอะไรใหม่ๆ มากนัก แต่ถ้ามองข้ามความทุนต่ำของเรื่องไปได้ก็ไม่มีปัญหาในการรับชมอะไร เพราะเรื่องเดินไว ลื่นไหล เน้นฮา และก็ไม่ได้เป็นการเขียนบทต่อตอนด้วย ซึ่งเรื่องวางกับถ่ายทำไว้หมดแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องบทแปลกๆ ช่วงหลังไม่น่าจะเจอแบบในซีรีส์ลงทีวีตามปกติครับ (เพราะไม่ได้อิงเรตติ้งเปลี่ยนบทไปมาด้วย)

Mad For Each Other เป็นซีรีส์ฟอร์มเล็กที่ขอเชียร์ให้ดูเลย เรื่องราวอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก ดูบ้านๆ แต่ทำให้ผู้ชมอมยิ้ม ขำ ฮาหนัก โรแมนติก สะเทือนใจ ครบรสเลย ตอนนึงก็สั้นๆ แค่ 30 นาที ไม่เสียเวลาอะไรมากครับ ไม่ถึงกับห้ามพลาด แต่มีเสน่ห์แบบบ้านๆ ชวนให้ลองพิสูจน์ดูครับ

อ่านรีวิวซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!