playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Made for Love (HBO) สร้างมาเพื่อรักขำๆ ชีช้ำกะหล่ำปลี

Made for Love

สรุป

ซีรีส์แนวตลกไซไฟที่สำรวจเรื่องราวความรักผิดปกติผ่านโลกเทคโนโลยีได้ฮามากๆ เป็นตลกแนวดาร์คเสียดสีสังคมกับเทคโนโลยีด้านลบเหมือนซีรีส์แบล็คมิเรอร์ แต่เรื่องไม่ได้เน้นเรื่องไซไฟอะไรมาก บทเน้นตลกไม่ได้เครียด มีความบันเทิงชวนขำได้เรื่อยๆ พร้อมกับแฝงดราม่าเรื่องราวความสัมพันธ์ครอบครัวที่พ่อมีเมียใหม่เป็นตุ๊กตายางดูเหมือนโรคจิต แต่กลับเป็นความรักอีกแบบที่ชวนให้คิดถึง “คู่รักสังเคราะห์” ว่าเป็นสิ่งทดแทนเยียวยาจิตใจได้ดีเช่นกัน

 

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • มุกตลกผ่านไอเดียเรื่องการติดชิปสอดแนมคู่รักไว้ในสมอง
  • มุกตลกแนวไอเดียเทคโนโลยีเพี้ยนๆ ชวนขำตลอดเรื่อง
  • การแสดงของนางเอก Cristin Milioti สุดยอดฮาหน้าตายมากๆ
  • ตัวละครไบรอนที่ล้อเลียนความรวยของมหาเศรษฐีเทคโนโลยีในโลกจริงอย่างกูเกิล
  • ดราม่าความสัมพันธ์ครอบครัวที่พ่อมีเมียใหม่เป็นตุ๊กตายาง
  • เวลาในการดูสั้น ตอนละ 30 นาทีมี 8 ตอน จบในตัวแบบไม่ค้าง (อาจจะมีต่อได้อีก)

Cons

  • เรื่องราวไม่ได้เน้นแนวไซไฟมาก คนที่หวังตรงนี้อาจจะผิดหวัง
  • งานโปรดักชั่นดูพื้นๆ ไม่ได้ลงทุนมาก
  • เรื่องราวไม่ได้มีจุดพีคลุ้นอะไรมาก เรียกว่าเน้นจบเรื่องตลกในตอนมากกว่า

Made for Love ซีรีส์ HBO แนวตลกไซไฟ ที่นำเสนอเรื่องราวคู่รักมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ที่ฝ่ายชายติดชิปไว้ในหัวภรรยาเพื่อส่องดูทุกอย่างในชีวิต จนทำให้เธอต้องหาทางหนีจากความโรคจิตของเขา

 Made for Love (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Made for Love

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายปี 2017 ในชื่อเดียวของผู้เขียน  Alissa Nutting  ด้วยแนวคิดไอเดียแบบซีรีส์แบล็คมิเรอร์ เป็นเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ที่มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ไบรอน โกกอล (รับบทโดย Billy Magnussen) ผู้เป็นโรคแอนตี้สังคม เลยสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาเรียกว่า ฮับ (HUB) และเนรมิตทุกอย่างไว้ในนี้ให้ภรรยาของเขา เฮเซล กรีน (รับบทโดย Cristin Milioti ) ที่แต่งงานกับมา 10 ปีเธอไม่เคยได้ออกไปจากฮับเลยแม้แต่ก้าวเดียว แถมยังติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้อีกด้วย จนวันหนึ่งเธอพึ่งรู้ว่ากำลังจะถูกฝังชิป ที่ชื่อว่า Made for Love (สร้างมาเพื่อรัก) อันเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของบริษัทที่สามีเธอกำลังเปิดตัว ด้วยแนวคิดให้คู่รักติดชิปที่สามารถรู้สึกถึงทุกอย่างของอีกฝ่ายได้ แถมยังมองเห็นผ่านสายตาของอีกฝ่ายได้อีก (เหมือนกล้องสอดแนม) ทำให้เฮเซลทนต่อไปไม่ไหว และตัดสินใจหนีจากฮับได้สำเร็จ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าชิปได้ถูกฝังลงในสมองของเธอเรียบร้อยแล้ว

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบแบล็คมิเรอร์ซะทีเดียว เพราะเน้นแนวตลกดาร์คคอมเมดี้มากกว่าเรื่องไซไฟ แทบทั้งเรื่องเต็มไปด้วยมุกเบาสมองหยอดมาตลอดเวลา โดยหลักๆ คือการเสียดสีความเป็นคนรวยแอนตี้สังคมของ ไบรอน โกกอล ซึ่งนามสกุล Gogol ก็เล่นมุกเสียดสี Google นี่แหละ เพราะบริษัทของไบรอนเองเป็นผู้นำในเรื่องเทคโนโลยีทุกด้านของมนุษย์ รวยจนไม่รู้จะรวยยังไงก็เลยเอาเงินมาทำอะไรบ้าๆ บอๆ อย่างฮับหรือบ้านที่เต็มไปด้วยจอภาพแสดงผลเหมือนจริงรอบทิศทาง เพื่อจะได้ไม่ต้องออกไปไหน ก็สามารถเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ให้เป็นทุกที่ในโลกได้ในทันที ฟังดูเหมือนจะดี แต่จริงๆ นี่คือกรงขังของมหาเศรษฐีผู้ใช้เงินเสกทุกอย่างไว้ภายใน ขนาดมีปลาโลมาในสระน้ำของตัวเอง แล้วก็เอาเมียอย่างเฮเซลมาขังไว้เป็นหมือนตุ๊กตา มีโปรแกรมชีวิตให้ทุกอย่าง เลือกอาหารกินเองยังไมได้เลย แถมยังแอบสอดแนมด้วยชิปคู่รักที่ดันติดไว้แค่ภรรยาฝ่ายเดียว ก็เลยกลายเป็นว่าเฮเซลจะทำอะไรเขาก็เห็นไปหมด โดยที่ไบรอนเองไม่ได้มีความเข้าใจในความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ทึกทักเอาว่าชิปนี้คืออุปกรณ์พลิกโลกความรัก ทำให้คู่รักเปิดใจให้แก่กันหมดเปลือก ไม่มีความลับอะไรเหลืออีกต่อไป แต่ไม่มีใครกล้าขัดเขาเพราะเจ้าตัวบ้าอำนาจสุดๆ ขนาดมีห้องที่จำลองทุ่งหญ้าแอฟริกาไว้ขังพนักงานที่บังอาจขัดขืนเขาอีกด้วย ซึ่งความเพี้ยนมากมายของไบรอนที่ทำกับเฮเซลก็คือมุกตลกสารพัดในเรื่องที่รับรองว่า ฮาในระดับ 3-5 ดาว ได้เลย

ในส่วนของเฮเซลเองคือผู้หญิงที่พลาดอย่างจังในชีวิต จากเดทครั้งเดียวแล้วเห็นเขารวยก็เลยตกลงแต่งงาน แต่กลายเป็นจุดจบของเธอทันที ซึ่งเรื่องเปิดมาในตอนแรกคือเธอหนีออกมาจากฮับได้แล้ว ตัวเรื่องค่อยๆ ย้อนทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเจอกับเขาที่ไหน และลงเอยอยู่จุดนี้ได้อย่างไร และจะหนีจาไบรอนได้ยังไงในเมื่อชิปสอดแนมติดอยู่ในหัวแบบนั้น ซึ่งเรื่องนำเสนอเรื่องราวทุกข์ระทมของนางเอกในแบบที่ว่าไม่น่าจะมีคู่สามีภรรยาที่ไหนโดนหนักได้ขนาดนี้แล้ว อาจจะไม่ใช่ความรุนแรงเพราะไบรอนก็รักนางจริง แต่กลายเป็นว่าเธอไม่สามารถมีชีวิตเป็นของตัวเองได้อีกเลย แม้กระทั่งหนีออกมาแล้ว ทุกอย่างรอบตัวเธอก็ยังโดนไบรอนแฮ็กตามมาติดต่อสื่อสารกับเธออีก ใครที่จะมาช่วยก็โดนแฮ็กข้อมูลแฉให้อายจนต้องหนีไป ซึ่งนี่คือการสตอลเกอร์ขั้นสุดยอดที่โรคจิตแบบไฮเทคมาก ซึ่งเรื่องก็ค่อยๆ ทำให้เห็นว่าจากที่เธอโดนปั่นตลอดเวลาจนแทบสติแตก สุดท้ายแล้วเธอรับมือกับการคุกคามแบบนี้ได้ยังไง ซึ่งเรื่องแม้จะทำให้นางเอกดูน่าสงสาร แต่ก็มีมุมตลกที่เราอดขำก๊ากไปพร้อมกัน อย่างมุกเฮเซลไปทำงานเป็นคนล้างส้วม แล้วพยายามมองขี้เต็มๆ ตาเพื่อให้ไบรอนเห็นผ่านสายตาของเธอ ซึ่งรับรองว่าขำก๊ากแน่นอนครับ

แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องจะมีแต่ตลกโปกฮาไปเรื่อย แต่เนื้อแท้จริงๆ ของเรื่องคือเรื่องราวดราม่าพ่อกับลูก เมื่อเฮเซลหนีกลับมาบ้าน แต่กลับพบพ่อที่ไม่เจอหน้ากัน 10 ปีมีเมียใหม่เป็นตุ๊กตายาง และกลายเป็นขี้ปากของคนในเมืองว่าเป็นไอ้โรคจิต แต่จุดนี้เองคือการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ใหม่ของพ่อกับลูกที่ไม่เจอหน้ากันสิบปี แล้วจริงๆ ที่เฮเซลหนีไปก็มีสาเหตุมาจากพ่อในอดีตที่เลี้ยงลูกไม่ดีด้วย (แม่เฮเซลตายไปก่อนนานแล้ว) ซึ่งการที่พ่อพยายามให้ลูกยอมรับเคารพตุ๊กตายางเป็นเหมือนคนรักใหม่ของพ่อจริงๆ (พ่อเฮเซลเรียกว่า คู่รักสังเคราะห์) ก็กลายเป็นว่าเฮเซลเองก็ค่อยๆ เข้าใจพ่อมากขึ้น และตุ๊กตาตัวนี้ก็เหมือนกับที่เฮเซลเคยเป็นตุ๊กตามีชีวิตในความควบคุมของสามีไบรอนมาก่อน  ทำให้เธอเข้าใจ และค่อยๆ มองพ่อแบบปกติมากขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตัวเรื่องจะซ่อนปมสำคัญนี้ไว้ว่าตุ๊กตาตัวนี้สำคัญยังไงมากกว่าแค่คู่นอนของพ่อ และก็กลายเป็นปมสำคัญปิดท้ายเรื่องที่สะเทือนใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน

นอกจากนี้แล้วซีรีส์ยังมีส่วนของการไล่ล่าแบบขำๆ โดยลูกน้องของไบรอนที่ส่งมาก็ออกแนวติงต๊องพอสมควร ซึ่งแต่ละคนก็มีบทสำคัญอยู่พอประมาณ อย่างด็อกเตอร์หญิงผิวดำที่คิดค้นชิปนี้ขึ้นมาเพื่อใช้สื่อสารกับสัตว์ แต่กลายเป็นโดนไบรอนบิดคอนเซ็ปต์นำมาใช้กับคน จนเธอต้องพยายามตามล่านางเอกเพื่อเอาชิปคืนมาไปขายคนอื่น หรืออย่างลูกน้องคนสนิทของไบรอนที่พยายามช่วยเจ้านายคืนดีกับเฮเซล โดยการทำให้ไบรอนเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น แต่ก็เหมือนยิ่งช่วยยิ่งทำให้แย่ลง ตัวเองซวยเองอีกต่างหากจากความเอาแต่ใจของไบรอนที่ไม่เคยเห็นหัวใคร ซึ่งความซวยเหล่านี้ก็กลายเป็นมุกขำๆ กลับมาทั้งนั้น

ดูเฮเซลผ่านมือถือ

เนื้อเรื่องมี 8 ตอนจบซีซั่นแรก ตอนนึงก็สั้นๆ 30 นาทีเท่านั้นเอง ตอนจบก็ไม่เชิงว่าค้าง เป็นฉากจบแบบจบเลยในตัวก็ได้ แนะนำเลยว่าใครที่มองหาของแปลกแตกต่างใน HBO ไม่ควรพลาด เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วขำบันเทิงมากมาย แต่ในส่วนดราม่าก็ทำได้ดี จะติดอย่างเดียวคือเรื่องไซไฟเป็นแค่น้ำจิ้มในเรื่อง ไม่ได้เน้นมาก แต่เรื่องก็ใส่มากำลังดีพอเข้ากับเรื่องราวได้พอเหมาะลงตัวครับ

อ่านรีวิวซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!