playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Murder Mystery 2 บทนักสืบมั่วซั่วเละเทะจนเหลือแค่โจ๊กใต้สะดือล้วนๆ

Murder Mystery 2

Summary

หนังนักสืบติดตลกของอดัม แซนด์เลอร์กับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ที่พยายามคงธีมเดิมไว้ แต่กลับทำได้แค่ส่วนตลกที่ยังพอให้ขำๆ ประคองเรื่องไว้ได้ แต่ส่วนของสืบสวนบทมั่วเละเทะไม่เหลือความเป็นนักสืบแบบเก่าไว้เลย ตัวคนร้ายก็เผยแบบง่ายๆ ไม่มีฉากไล่จี้ว่าใครคือคนร้าย ตัวละครใหม่ที่โผล่มาในภาคก็ไม่มีบทอะไรให้น่าจดจำ จนเหลือแค่ดูเอาขำๆ จากคนที่ยังชอบภาคแรก แต่ข้ามไปไม่ดูเลยก็ได้เพราะไม่มีอะไรที่ดีพอให้เสียเวลาดูครับ

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวนักสืบตลกคู่รัก
  • ขายอดัม แซนด์เลอร์กับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทสืบสวนเละเทะมั่วมาก
  • เน้นตลกใต้สะดือเป็นหลัก
  • คนร้ายเผยแบบง่ายๆ

Murder Mystery 2  ปริศนาฮันนีมูนอลวน 2 เรื่องราว 4 ปีหลังจากไขปริศนาฆาตกรรมแรกได้ นิกและออดรีย์ สปิตซ์ (อดัม แซนด์เลอร์และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน) ก็กลายมาเป็นนักสืบเต็มตัวและพยายามปั้นสำนักงานนักสืบเอกชนของตัวเองให้ปัง ในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งคู่ได้รับเชิญให้ได้งานฉลองแต่งงานของมหาราชาผู้เป็นเพื่อนบนเกาะส่วนตัว แต่ปัญหาก็ตามมาเยือนครอบครัวสปิตช์อีกครั้ง เมื่อเจ้าบ่าวถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่หลังจากงานเริ่มไม่นาน ทำให้แขกไฮโซทุกคน ครอบครัวของบ่าวสาว และเจ้าสาวตกเป็นผู้สงสัยจนได้

อ่านรีวิวภาคแรกคลิกที่นี่

Murder Mystery 2 (2023) on IMDb

รีวิว Murder Mystery 2

ภาคต่อของหนังนักสืบคู่รักจอมป่วนที่ทำออกมาได้ดีเกินกว่าที่คาด ด้วยสไตล์แบบหนังนักสืบติดตลกแบบ knives out แต่มีฉากแอ็กชั่นผจญภัยไปในที่ต่างๆ ซึ่งในภาคนี้ก็ยังพยายามจะคงคอนเซ็ปต์เดิมทุกอย่างไว้ ตั้งแต่การเจอคดีฆาตกรรมในงานแต่งงาน โดยดึงเอาตัวละครจากภาคแรกที่เหลือรอดกลับมาหลายคน ตั้งแต่มหาเศรษฐี นายพลผิวดำ สารวัตรอินเตอร์โปล แล้วก็เพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาให้เป็นผู้ต้องสงสัยว่าใครกันแน่เป็นคนร้ายของภาคนี้ โดยเปลี่ยนจากสืบสวนฆาตกรรมมาเป็นการลักพาตัวมหาเศรษฐีเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้นิคกับแฟนสาวต้องตะลุยไปยังปารีสตามคำขอของผู้ร้ายปริศนา จนทำให้เกิดฉากวุ่นๆ ขับรถลุยเมืองแบบภาคเก่า แล้วก็ไปจบที่หอไอเฟลกับสูตรเดิมคือ คนร้ายอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยตั้งแต่แรก

ด้วยความที่ภาคก่อนบทหนังแม้จะไม่ดีมากด้านสืบสวนเพราะเน้นตลกขายอดัมแซนเลอร์กับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน แต่มันก็ยังมีความพยายามเล่าเรื่องให้ซับซ้อนน่าติดตามสงสัยว่าใครคือคนร้าย มาภาคนี้บทแนวนี้กลับแทบหายไปหมด แม้แรกๆ จะมีความพยายามทำให้เหมือนแนวนักสืบ แต่สักพักเดียวกลับหลุดมั่วซั่วเละเทะเป็นบทที่เขียนมายังไงก็ได้ แค่ให้เรื่องมันไถไปข้างหน้าเรื่อยๆ แบบไม่ต้องสมเหตุผลอะไรทั้งสิ้น กลายเป็นหนังที่ขายแอ็กชั่นตลกบ๊องๆ ของตัวเอกทั้งคู่ล้วน โอเคมันก็พอขำอยู่บ้างแหละในจุดนี้ถือว่าเรื่องยังพอทำได้ไม่แป๊ก แต่มุกส่วนใหญ่ก็ยังพยายามเล่นแนวใต้สะดือเป็นหลัก ไม่ค่อยมีมุกสร้างสรรอะไรใหม่ๆ ไปกว่านี้เลย

 

เหล่าตัวละครใหม่ในเรื่องที่ดูเหมือนมีเอกลักษณ์หลายคน แต่กลายเป็นว่าแต่ละคนแทบไม่มีบทอะไรมากในเรื่องเลย บางคนออกมานิดเดียวแล้วก็ปิดฉากไปอย่างไว จนไม่เหลือใครน่าจดจำทิ้งไว้ได้แบบภาคก่อนเลยสักคน (ตัวเก่าที่กลับมายังมีบทมากกว่าอย่างนายพลบอดี้การ์ด)

ที่แย่คือตอนท้ายตัวเรื่องไม่ได้มีฉากแนวนักสืบค่อยๆ เล่าทฤษฎีว่าคนร้ายวางแผนยังไงคือใครอะไรอีกแล้ว กลายเป็นตัวร้ายเปิดมาง่ายๆ แล้วเหตุผลแรงจูงใจก็ธรรมดาพื้นๆ ไม่มีความซับซ้อนเลยสักนิด เหมือนคนเขียนบทที่เป็นคนเดิมก็คงหมดมุกจะเล่า ความจริงน่าจะทำต่อจากตอนจบที่ล้อเลียน Murder on the Orient Express หนังดังจากนิยายของอกาธา คริสตี้ อย่างที่ทิ้งไว้ยังจะดีกว่า เพราะการมาเล่าเรื่องเองใหม่ ไม่ได้ล้อเลียนใครแบบนี้ที่ดูก็รู้เลยว่าคนเขียนมือไม่ถึง หมดมุก ได้แค่ขายชื่อจากภาคแรกมาทำเท่านั้น แล้วใช้เวลาตั้ง 4 ปีเขียนบทแบบนี้เพื่อกลับมาทำต่อแบบกลวงสุดๆ

 

โดยรวมถ้าดูเอาขำเฉยๆ ก็พอได้ นอกนั้นที่เหลือคือแป๊กมาก จนดูก็ได้ไม่ดูได้เช่นกันครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!