playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sanctuary เล่าเรื่องวงการซูโม่ที่แปลกใหม่ แต่ใช้สูตรสำเร็จฟีลกู๊ดธรรมดามาก

Sanctuary

Summary

โดยรวมเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาฟีลกู๊ด เน้นสร้างฝันแรงบันดาลใจมากกว่าจะเป็นซีรีส์ตีแผ่วงการซูโม่อย่างที่คิด มีส่วนสนุกคือฉากต่อสู้ที่ทำได้ดี เน้นภาพสโลวโมชั่นเก็บรายละเอียดสวยๆ แต่ก็ยังห่างไกลจากการต่อสู้จริงๆ ของศิลปะการต่อสู้แบบอื่น ทำให้คนนอกญี่ปุ่นไม่น่าจะอินตามได้ แต่ถ้าดูเพื่อความแปลกใหม่ก็ถือว่าโอเค เพราะนี่คือซีรีส์ซูโม่เรื่องแรกที่ทำออกมา

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เล่าเรื่องวงการกีฬาซูโม่
  • อารมณ์ของเรื่องแนวสร้างฝันฟีลกู๊ด
  • ฉากต่อสู้สวยด้วยภาพสโลโมชั่น
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • เนื้อเรื่องเดินตามสูตรทั่วไป
  • ตัวละครติดโอเวอร์แอ็กติ้งสไตล์ญี่ปุ่น
  • ไม่ได้เจาะลึกด้านมืดวงการ
  • ฉากสโลวโมชั่นเยอะมากจนดูยืดๆ

Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ ซีรีส์ญี่ปุ่น 8 ตอนจบ มีพากย์ไทย เรื่องราวของนักเลงหนุ่มที่จนตรอกก้าวสู่สังเวียนซูโม่ ผงาดขึ้นเป็นนักปล้ำขวัญใจมหาชน และเขย่าวงการที่เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมโบราณ ด้วยดีกรีความห้าวทะลุขีดจำกัด

Sanctuary (2023) on IMDb

 

รีวิว Sanctuary

ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาซูโม่ที่ไม่มีใครทำออกมาก่อน ซึ่งถ้าเอาเรื่องเนื้อหาแปลกแตกต่างก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งนี้ตัวเรื่องกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแปลกแตกต่างไปจากแนวกีฬาอื่นๆ เลย

เนื้อเรื่องเล่าถึงเด็กหนุ่มอันธพาลที่ครอบครัวมีปัญหากหนี้สิน พ่อแม่ก็ไม่เอาไหนพึ่งพาไม่ได้ เขาเลยหันมาเงินกับซูโม่ ด้วยความคิดแรกเริ่มที่ว่าอาชีพนี้สามารถทำเงินได้เยอะ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะถึงเขาเป็นนักเลงฝีมือดี แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะในกฎกติกาของซูโม่ได้ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจและปรับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักกีฬาซูโม่เต็มตัวในที่สุด

โครงเรื่องนี้ก็เป็นแนวเดียวกับหนังกีฬาอื่นๆ คือเริ่มจากคนโนเนมแต่มีพรสวรรค์ซ่อนอยู่ แล้วก็ค่อยๆ เปล่งประกายจนกลายเป็นดาว ก่อนที่จะเจออุปสรรคใหญ่แล้วก็ร่วงหล่นลงมา แล้วค่อยๆ ฟื้นความเชื่อมั่นกลับไปได้อีกครั้ง ซึ่งโครงเรื่องก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จปกติของเรื่องแนวนี้ เพียงแค่เอาเรื่องในวงการซูโม่มาครอบไว้เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องราวเจาะลึกอะไรมาก เรียกว่าเป็นเบสิคพื้นฐานของวงการซูโม่ที่หาอ่านจากบทความโดยปกติก็ได้ แม้จะพยายามพุ่งเจาะไปในช่วงแรกให้เห็นระบบโซตัสที่กดขี่โหดร้าย หรือปัญหาของกลุ่มผู้มีอำนาจเป็นสายอนุรักษ์ที่ครอบงำวงการ ไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่นิดเดียว ซึ่งตัวเอกเป็นคนรุ่นใหม่ พอก้าวเข้ามาในวงการก็มีเรื่องทำให้พวกนี้ขัดใจ จนโดนเล่นงาน แต่เรื่องราวความขัดแย้งทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นแค่อุปสรรคตามสูตร สุดท้ายเรื่องราวก็มีทางออกง่ายๆ ไปหมด อย่างพระเอกอยู่ๆ ก็ฝึกตัวเองจนเก่งขึ้นทันทีในเวลาสั้นๆ สามารถเอาชนะรุ่นพี่ทลายระบบโซตัสลงได้เอง ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่ซีรีส์ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวลับหรือเบื้องหลังมืดมนของวงการซูโม่เลย แทบจะเรียกว่าซีรีส์พยายามทำให้วงการซูโม่ดูศักสิทธิ์ยิ่งใหญ่ เหมือนงานสร้างเรื่องนี้เป็นโฆษณาชวนเชื่อซะมากกว่า (ถ้าเทียบกับ Hurts Like Hell ของไทยจะเห็นได้ชัดว่ากล้าตีแผ่เรื่องราวด้านมืดตรงๆ)

นอกจากนั้นแล้วตัวเรื่องยังมีความเว่อร์แบบโอเวอร์แอ็กติ้งตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่น ตัวละครทุกตัวในเรื่องเน้นแสดงแบบเกินจริงจนดูตลกในหลายครั้ง แล้วก็ใส่ตัวละครนางเอกเป็นนักข่าวการเมืองที่ถูกย้ายมาทำข่าวซูโม่ที่ตัวเองไม่รู้จักมาก่อน แต่พอได้เจอตัวเอกก็ค่อยๆ ปลาบปลื้มหลงชอบขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว โดยมีนางร้ายเป็นสาวบาร์ที่หลอกล่อเกาะกินพระเอกอยู่เป็นคนขัดขวาง ทำให้ตัวเรื่องก็ออกแนวรักใคร่ผสมลงไปด้วย 

สิ่งที่ตัวเรื่องเด่นจริงๆ ก็คงเป็นฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้จริงจังเข้มข้น ส่วนใหญ่จะเป็นฉากต่อสู้แบบซ้อมในค่ายเป็นสนามทรายในห้องแคบๆ ซึ่งแสดงใ้ห้เห็นรูปแบบการฝึกฝนที่ใช้ระบบโซตัสแบบโหดๆ ทารุณทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อให้นักกีฬาซูโม่แกร่งขึ้นมาเอง อีกส่วนคือฉากต่อสู้ในสนามจริง ซึ่งมีการเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ครบถ้วน การต่อสู้เน้นใช้ภาพสโลวโมชั่นเข้ามาให้เห็นการปะทะกันแบบดุเดือด เหตุผลที่เรื่องนี้เน้นใช้ภาพสโลโมชั่นก็เพราะการแข่งขันซูโม่จบไวมาก จากการถูกผลักออกนอกเส้น หรือล้มลงบนพื้นก็นับว่าแพ้ทันที จึงจำเป็นต้องใช้ภาพช้าเข้ามาช่วย แต่ก็เป็นผลทำให้ฉากต่อสู้ดูยืดยาวเกินจริงไปด้วย

 

ซีรีส์จบที่การต่อสู้กับคู่แข่งคนสำคัญของเรื่องโดยค้างไว้ไปต่อซีซั่น 2 ซึ่งเป็นการตัดจบแบบไม่เข้าท่าเท่าไหร่ เพราะตัวเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับน่าติดตามดูต่ออะไรมาก แต่ก็สามารถคิดว่าเรื่องจบลงตรงนี้เลยก็ได้ เพราะสุดท้ายนี่ก็เป็นเนื้อเรื่องแนวสร้างฝันให้แรงบันดาลใจสายกีฬา แค่พระเอกเก่งขึ้นมาได้ก็นับว่าเรื่องสามารถจบลงในตัวได้แล้วเช่นกัน

โดยรวมเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาฟีลกู๊ด เน้นสร้างฝันแรงบันดาลใจมากกว่าจะเป็นซีรีส์ตีแผ่วงการซูโม่อย่างที่คิด มีส่วนสนุกคือฉากต่อสู้ที่ทำได้ดี แต่ก็ยังห่างไกลจากการต่อสู้จริงๆ ของศิลปะการต่อสู้แบบอื่น ทำให้คนนอกญี่ปุ่นไม่น่าจะอินตามได้ แต่ถ้าดูเพื่อความแปลกใหม่ก็ถือว่าโอเค เพราะนี่คือซีรีส์ซูโม่เรื่องแรกที่ทำออกมา

 

Including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!