playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Secret Invasion 6 ตอน แนวเรื่องสดใหม่สำหรับ MCU แต่ก็ยังไม่ใหม่พอทำให้ว้าวได้ (ไม่มีสปอยล์)

Secret Invasion

Summary

ซีรีส์คั่นก่อนไป The Marvels ที่ควรดู แม้อาจจะไม่ถึงกับดีหรือสนุกสุดๆ เพราะการเปลี่ยนแนวทางการเล่าเรื่องมาเป็นแนวสายลับทฤษฏีสมคบคิด ทุนสร้างสูงสุดแต่งานโปรดักชั่นรวมๆ ยังไม่ถึงกับดีงามตามงบ แต่ก็ทำให้เห็นถึงโอกาสที่จะไปต่อในแบบอื่นที่หลากหลายกว่าการยิงพลังปราบตัวร้ายแบบเดิมๆ ที่หลังๆ มาร์เวลเองก็เริ่มไม่เวิร์คอย่างที่คิดแล้วครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวสายลับทฤษฏีสมคบคิดเน้นหักมุม
  • ตัวละครใหม่แจ้งเกิดเยอะ
  • ฉากแอ็กชั่นกับใช้ CG เยอะ
  • บอสความสามารถเยอะ
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • Nick เปลี่ยนคาแรกเตอร์มาแนวเอื่อยๆ
  • ทุนสร้างสูงสุด แต่งานโปรดักชั่นรวมๆ ยังไม่ถึงกับดีงามตามงบ

Secret Invasion ซีรีส์ Disney+ มาร์เวล 6 ตอนจบ เรื่องราวการกลับมาโลกของ Nick Fury เพื่อทำภารกิจตามล่าเหล่า Skrulls ตัวร้ายที่วางแผนการให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
Secret Invasion (2023) on IMDb

รีวิว Secret Invasion 6 ตอน (ไม่มีสปอยล์)

 

ซีรีส์คั่นก่อนถึงหนังโรงปลายปี The Marvels ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รวมเอาซีรีส์อีกเรื่อง Ms. Marvel เข้ามาเกี่ยวพันด้วย แน่นอนว่าคำถามที่คนดูโรงไม่ดูซีรีส์จะรู้เรื่องหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าน่าจะเข้าใจ แต่อาจจะไม่อินมากเท่ากับการดูต่อเนื่องตามไทม์ไลน์ ซึ่งเข้าใจว่ามาร์เวลเองก็เห็นปัญหานี้จึงพยายามลดจำนวนซีรีส์มาร์เวลลงจากข่าวที่ออกมาล่าสุด

จุดเด่นของเรื่องนี้คือได้ Kyle Bradstreet ผู้กำกับจากซีรีส์ดัง  Mr. Robot  ด้วยแนวทางเฉพาะตัวด้านไอที จิตวิทยา แฮ็กเกอร์ และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องลำดับต่อมาเลย ซึ่งก็ถูกจริตตรงกับแนวทางของเรื่องทฤษฏีสมคบคิดทำลายโลกที่วางไว้ ด้วยการวางเรื่องให้ Skrulls ที่ Nick Fury เคยช่วยไว้พร้อมทั้งสัญญาหาบ้านใหม่ให้ แต่กลับหายตัวไปหลังโดนดีดนิ้ว เมื่อกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ทำตามสัญญา  ทำให้มี Skrulls จำนวนคิดวางแผนทำลายโลกนี้ทิ้งแล้วขึ้นยึดครองซะเอง โดยใช้การเปลี่ยนแปลงร่างกายเป็นใครก็ได้มาเป็นจุดขาย Skrulls ขึ้นยึดครองร่างคนในโลกมากมายไป โดยจับตัวจริงกักขังไว้ พร้อมทั้งดูดประสบการณ์ของร่างต้นแบบมาด้วย ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นแนวสายลับสวมรอย มีตัวละครเก่าหลายตัวที่ถูกสวมรอยไว้โดยไม่ได้เปิดเผย แม้แต่ตัว Nick เองก็ด้วย ซึ่งซีรีส์ใช้จุดนี้มาขายหลอกผู้ชมให้เชื่อว่านี่คือตัวจริง หรือตัวปลอมกันแน่? ซึ่งมีทั้งหักมุมเบาๆ ที่มีการเฉลยอธิบายจนหมด กับจุดหักมุมมากที่ไม่ได้เคลียร์เรื่องเวลาในการโดนสวมรอยให้ชัดเจนในเรื่องนี้ด้วยทั้งหมด เพื่อที่จะไว้เฉลยต่อในซีรีส์เรื่องอื่นที่มีตัวละครนี้ภายหลัง แต่ผู้ชมก็ยังสนุกกับจุดนี้ของเรื่องได้อยู่ดีครับ 

 

นอกจากการสวมร่างแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังเน้นใช้นักแสดงดังมาแจ้งเกิดในโลกมาร์เวล อย่าง Emilia Clarke จากบ้านมังกรของ HBO มาเล่นเป็นลูกสาวของ Talos ที่เป็น Skrulls คู่หู Nick มาก่อน ซึ่งบทของเธอคือตัวหลักของเรื่องนี้พอๆ กับ Nick เลย นอกจากนี้ยังมี Olivia Colman ในบท Sonya Falsworth ในบทผู้นำองค์กรที่ออกมาลุยเองจนเป็นตัวเด่นอีกคนของเรื่อง และยังมีการเปิดเผยภรรยาของ Nick ที่ชื่อ Priscilla เล่นโดย Charlayne Woodard เธอคนนี้เป็น Skrulls ซึ่งเป็นส่วนแนวชีวิตดราม่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน และยังเป็นตัวละครสำคัญต่อไปในอนาคตด้วย 

โดยปกติแล้วผลงานซีรีส์มักจะใช้ทุนน้อย ทำให้ขาดฉากแอ็กชั่น หรือ CG ก็คุณภาพต่ำ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างตรงกันข้ามเป็นซีรีส์มาร์เวลที่งบสร้างสูงสุด 212 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ่ายทำในอังกฤษเป็นหลัก รวมถึงการสมมุติโลเกชั่นเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รัสเซีย ฉากที่มีให้เห็นก็ถือว่าค่อนข้างเยอะกว่าหลายเรื่องที่ผ่านมา ทั้งฉากยิงถล่ม ระเบิดตูมตามใหญ่โต รวมถึงความสามารถพิเศษของ Gravik (เล่นโดย Kingsley Ben-Adir)Skrulls ตัวร้าย ที่มีมากกว่าแค่การเปลี่ยนร่างด้วย ทั้งหมดทำได้น่าประทับใจพอสมควร แม้จะไม่ได้ถึงกับดีมาก แต่ผลยอดผู้ชมที่ออกมากลับชนะแค่ Ms. Marvel ที่คนดูน้อยที่สุด ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังมากกับซีรีส์ที่ใช้ทุนสร้างสูงขนาดนี้

จุดด้อยของเรื่องนี้หลักๆ คงเป็นเรื่องคนที่ไม่ชอบหรือไม่ชินกับแนวทางการดำเนินเรื่องแบบนี้ ซึ่งถ้าใครชอบก็จะชอบไปเลย ส่วนเกลียดก็คงดูแค่ตอนแรกก็รู้ได้ทันที ตัวผู้เขียนเองค่อนข้างชอบ Mr.Robot แต่ไม่ได้เป็นแฟนมาร์เวลมาก เรื่องนี้คือชอบแนวทางการเล่าเรื่องแบบนี้ที่มีความลับซ่อนซ้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบที่สุดเพราะนี่เป็นซีรีส์คั่นเวลาเท่านั้น แถมตัว Nick เองก็เปลี่ยนคาแรกเตอร์กลายเป็นคนที่แก่ตัวลง มีความอืดเหนื่อยหน่าย ไม่มีความดุดันกระฉับกระเฉงแบบ Nick ที่ได้เห็นก่อนนี้ ซึ่งนี่เป็นไปตามบท ตัว Samuel L. Jackson เล่นได้อย่างดีเยี่ยม แต่บทที่ออกมาทำให้ค่อนข้างดูแล้วเหนื่อยกับความเปลี่ยนแปลงไปของเขาครับ

 

โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นซีรีส์มาร์เวลที่ควรดู แม้อาจจะไม่ถึงกับดีหรือสนุกสุดๆ เพราะการเปลี่ยนแนวทางการเล่าเรื่อง แต่ก็ทำให้เห็นถึงโอกาสที่จะไปต่อในแบบอื่นที่หลากหลายกว่าการยิงพลังปราบตัวร้ายแบบเดิมๆ ที่หลังๆ มาร์เวลเองก็เริ่มไม่เวิร์คอย่างที่คิดแล้วครับ

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

Including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!