playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Shadow and Bone ตำนานกรีชา ซีรีส์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่สมราคาจริงๆ ของ Netflix (ไม่มีสปอยล์)

สรุป

ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ทำจากนิยายดังที่ทำออกมาได้อลังการสมราคาของจริง ทั้ง CG โปรดักชั่นงานสร้างดูดีไปหมด โลกแฟนตาซีในเรื่องก็มีรายละเอียดสูงมาก ตัวละครมีความหลากหลายแต่เป็นวัยรุ่นแทบทั้งหมดเพราะมาจากนิยายกลุ่มวัยทีนเอจ แถมยังได้นางเอกลูกครึ่งจีนหน้าตาน่ารักมีเสน่ห์เหมาะเจาะกับบทบาทในเรื่องเป๊ะมากๆ เรื่องราวจบในซีซั่นแบบเคลียร์ปมหลักได้ทั้งหมดไม่มีค้าง (แต่มีต่อ) นี่จึงเป็นซีรีส์ที่คอแฟนตาซีห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ข้อเสียอาจจะมีจุดเดียวคือตัวเรื่องเน้นความรักแทรกเยอะมาก จนบทช่วงครึ่งแรกของนางเอกดูน้ำเน่ากับเรื่องรักสามเส้ามากไปเท่านั้น

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
2.57 (7 votes)

Pros

  • โปรดักชั่นงานสร้างคุณภาพสูงทุกด้าน
  • พื้นฐานมาจากนิยายดังที่มีรองรับแล้วหลายเล่ม
  • ตัวเรื่องดัดแปลงเพิ่มจากนิยายเยอะทำให้สดใหม่
  • พื้นฐานของโลกในเรื่องจำลองมาจากจักวรรดิรัสเซียในอดีตที่แปลกตากว่าเรื่องอื่น
  • นางเอกลูกครึ่งจีนมีเสน่ห์หน้าตาน่ารัก แถมยังลงตัวกับบทเป๊ะ
  • เน้นเรื่องรักโรแมนติกกุ๊กกิ๊กน่ารักเยอะ
  • ปมเหยียดเชื้อชาติจีนในเรื่องใส่มาเบาๆ เข้ากับกระแสโลก และตรงกับเรื่องด้วย
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • เรื่องราวครึ่งแรกของนางเอกออกน้ำเน่าค่อนข้างเยอะจน (แต่มีเหตุผลอธิบายในตอนหลัง)
  • บทแนวโรแมนติกเอาใจคนกลุ่มดูผู้หญิงเต็มๆ มากกว่าผู้ชาย
  • เมืองกับดินแดนต่างๆ ในเรื่องเยอะ แต่เรื่องอธิบายไวจนตามไม่ทันได้
  • ยัดฉากเกย์เข้ามานิดนึงในเรื่องจนเหมือนเป็นสูตรสำเร็จที่น่าเบื่อของ Netflix

Shadow and Bone ตำนานกรีชา ซีรีส์ Netflix แนวแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่สร้างจากนิขายขายดีทั่วโลก เรื่องราวของหญิงสาวที่มีพลังแสงสว่างอยู่ในโลกที่มีดินแดนเงามืดแบ่งแยกประเทศออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งพลังที่เธอมีสามารถลบล้างดินแดนแห่งนี้ลงได้ แต่ก็กลายเป็นภัยร้ายกับเธอด้วยเช่นกัน เมื่อทั้งโลกหันตามล่าเธอ

 Shadow and Bone (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Shadow and Bone ตำนานกรีชา

บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาจุดสำคัญของเรื่อง

โครงเรื่องหลักของ Shadow and Bone

ซีรีส์แฟนตาซีเรื่องนี้เนรมิตรโลกขึ้นมาใหม่หมด แต่เลือกโฟกัสมาที่ประเทศราฟกา ซึ่งมีเขตแดนเงามืดที่เรียกว่า “แดนพยับเงา” (The Shadow Fold) ขวางกลางประเทศแบ่งเป็นตะวันออกกับตะวันตก ต่างฝ่ายต่างไม่ถูกกัน แต่ก็พยายามลักลอบข้ามดินแดนมาหากันอยู่บ้าง เพียงแต่ต้องเสี่ยงอันตรายถึงตายเพราะในแดนพยับเงาเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดดุร้ายรูปร่างหน้าตาเหมือนค้างคาวยักษ์ที่ถูกเรียกว่า “โวลครา” ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของเรื่องนี้ในตอนแรก เมื่อนางเอก “อาลีนา สตาร์คอฟ” หญิงสาวสังกัดหน่วยวาดแผนที่ทางทหารกองพลที่ 1 ของราฟกาฝั่งตะวันออก หาทางตาม “มัล” เพื่อนชายที่สนิทตั้งแต่วัยเด็กในบ้านเด็กกำพร้าเข้าสู่แดนพยับเงา และเรือถูกโจมตีจากโวลคราจนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่แล้วอาลีนาก็แสดงพลังปาฏิหาริย์ออกมาโดยไม่รู้ตัวเป็นแสงสว่างออกจากตัวที่สลายความมืดมิดในดินแดนแห่งนี้ได้ และก็ทำให้โวลคราตายไปด้วย เธอจึงกลายเป็นเหมือนตำนานมีชีวิตที่เล่าขานกันมานานถึงผู้มีพลังสุริยะ ที่จะมาทำลายแดนพยับเงาให้หมดสิ้นไป และถูกดึงเข้าสู่หน่วยกองพลที่ 2 ของประเทศราฟกา ที่มีแต่ผู้มีพลังพิเศษที่เรียกว่า “กรีชา” (Grisha) เท่านั้น โดยกองพลนี้มีผู้นำคือ “นายพลคิริแกน” ผู้มีพลังควบคุมความมืดได้ และเชื่อกันว่าเขาคือลูกหลานของตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าแห่งความมืดที่สร้างแดนพยับเงานี้ขึ้นมาในอดีต จากอุบัติเหตุความผิดพลาด และพยายามหาทางแก้ปัญหาที่ต้นตระกูลสร้างไว้ โดยหวังนำพลังของนางเอกมาเพื่อใช้ในการนี้

ในอีกด้านเป็นเรื่องราวของราฟกาฝั่งตะวันตก ตัวเอกเป็นกลุ่มอาชญากร 3 คน ซึ่งจุดนี้ไม่ได้มีในนิยายดั้งเดิม Shadow and Bone แต่ดัดแปลงจากนิยาย Six of Crows ในชุดเดียวกัน นำมาใส่รวมเป็นเนื้อหาใหม่ในซีรีส์ ซึ่งทั้งสามคนนี้ประกอบไปด้วย “คาซ” เจ้าของคลับคาสิโนขาเป๋ที่เป็นมันสมองของทีม “เจสซี่” มือปืนคุมคลับที่แม่นสุดๆ แต่นิสัยรักสนุกติดการพนันอย่างหนัก “อิเนจ” สาวมือปามีดที่ตกเป็นทาสในซ่อง ก่อนที่คาซจะซื้อตัวมาใช้งานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 คนนี้รับภารกิจข้ามแดนไปลักพาตัวอาลีนากลับมาเพื่อเงินรางวัล 1 ล้าน ซึ่งต้องลอบเข้าพระราชวังที่เป็นที่รวมทหารกรีชาของฝ่ายตะวันตกไว้ให้ได้

เรียงจากซ้ายไปขวา เจสเปอร์ อิเนจ คาซ จาก six of crows

ส่วนจุดหมายสุดท้ายของเรื่องคือ การทำลายแดนพยับเงาของนางเอก ซึ่งการจะทำได้ต้องตามหาตัวช่วยชยายพลังกรีชา ในที่นี้คือกวางในตำนานที่นางเอกมักฝันถึงอยู่เสมอ แต่การทำลายแดนพยับเงานี้ก็มีอุปสรรคหลายอย่าง เพราะมีทั้งฝ่ายที่ต้องการให้มันคงอยู่ต่อไป และยังมีคนที่หวังคิดใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้อีกด้วย

เรื่องราวของกรีชา

ในโลกแห่งนี้ใส่ตำนานกรีชาของนางเอกไว้เป็นเหมือนพระเจ้ามาจุติ แต่โดยทั่วไปกรีชาคือมนุษย์ที่มีพลังพิเศษปะปนอยู่ทั่วไป มีทั้งรู้ตัวเองหรือไม่รู้ตัว ซึ่งในประเทศราฟกาจะมีการลงมาสำรวจหาผู้มีพลังกรีชา และดึงไปเป็นกองพลที่สองของประเทศ โดยพลังกรีชาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ควบคุมธาตุต่างๆ ในธรรมชาติ / ควบคุมร่างกายมนุษย์ได้ / ควบคุมวัตถุเล่นแร่แปรธาตุสร้างเครื่องมือได้ อย่างเช่นเสื้อที่กรีชาใส่เป็นเสื้อกันกระสุนไปในตัว

 

โลกในตำนานกรีชาอ้างอิงมาจากของจริง

ประเทศหรือดินแดนในเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศจริงๆ อย่างประเทศราฟกาในเรื่องนี้จำลองมาจักรวรรดิรัสเซีย ทศวรรษ 1800 ซึ่งจะเห็นเลยว่าเครื่องแต่งกายต่างๆ รวมถึงชุดทหารมีเค้าโครงมาจากรัสเซียทั้งนั้น หรือ “แดนพยับเงา” ในเรื่องก็แอบคล้ายกำแพงเบอร์ลิน มีการแบ่งประเทศออกเป็นสองส่วนตะวันตกกับตะวันออก ประเทศชูฮันที่เป็นเชื้อชาติของนางเอกก็คือจีน นางเอกในเรื่องเป็นลูกครึ่งชูฮันกับราฟกา ส่วนนักแสดง Jessie Mei Li เป็นลูกครึ่งฮ่องกง อังกฤษ นอกจากนี้ยังมีดินแดนอื่นๆ ในเรื่องที่เทียบเคียงกับประเทศต่างๆ ในโลกแต่ยังไม่ปรากฎให้เห็นในซีซั่นแรกด้วย ซึ่งใครสนใจตามไปอ่านต่อได้ที่เว็บของผู้เขียน Leigh Bardugo ในส่วนของ Grishaverse ได้ที่นี่ grishaverse.com/map-of-the-grishaverse/

 

รีวิว Shadow and Bone ตำนานกรีชา

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายขายดีของนิวยอร์คไทม์ที่จัดอยู่ในกลุ่มนิยายแฟนตาซีวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งตัวละครหลักในเรื่องอยู่ในช่วงวัยรุ่นแทบทั้งนั้น และก็เน้นประเด็นเชื้อชาติ ชนชั้น ฐานะ ความรักวัยรุ่น ตรงกับพื้นฐานแนวนิยมของคนดูเน็ตฟลิกซ์ส่วนใหญ่มาตั้งแต่แรก การที่เน็ตฟลิกซ์ได้สิทธิ์สร้างเรื่องนี้ก็เหมือนการันตีว่าจะเป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่มีฐานแฟนจำนวนมากทั่วโลกอยู่แล้ว และหลังได้รับชมก็ยืนยันได้เลยว่านี่จะเป็นซีรีส์ที่ติดขึ้นหิ้งอันดับต้นๆ ของเน็ตฟลิกซ์แน่นอน อีกทั้งยังมีวัตถุดิบมากมายจากนิยายชุดนี้ที่มีถึง 7 เล่ม (ในตอนนี้) กลายเป็นซีรีส์ที่การันตีว่าได้ดูกันยาวๆ อีกหลายซีซั่นกันตั้งแต่แรก (เวอร์ชั่นแปลไทยคลิกสั่งซื้อได้ทางซีเอ็ดบุ๊ค)

จุดเด่นของเรื่องคือการครีเอทโลกที่มีมนุษย์พลังพิเศษที่เรียกว่า กรีชา ออกมาแตกต่างจากแนวแฟนตาซีทั่วไปมาก ด้วยการสร้างสมดุลย์ของคนมีพลังพิเศษกับกลุ่มคนปกติที่มีอาวุธและการฝึกฝนมาดีก็สามารถต่อสู้เอาชนะได้เช่นกัน ซึ่งตัวเรื่องอธิบายตรงนี้ว่าการมาของปืนกับกองทัพทหารจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนที่มีพลังพิเศษก็ไม่อาจจะข้ามเส้นสมดุลย์ในโลกนี้ได้ และก็ต้องอยู่แบบพยายามไม่ให้มนุษย์ปกติเพ่งเล็งมาก ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ก็ยังมีกลุ่มล่ากรีชาเกิดขึ้นมาเป็นอริกับกรีชาโดยตรง โดยพวกเขามองว่ากรีชาเป็นพวกนอกรีต เหมือนแม่มดต้องจับมาลงโทษประหาร แบบเดียวกับในประวัติศาสตร์จริง ทำให้ตัวละครกรีชาในเรื่องแม้จะมีพลังพิเศษ แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าความสามารถของมนุษย์จัดการได้ กลายเป็นกรีชาเองที่รู้สึกว่าอ่อนแอ ต้องหาทางปกป้องพวกเดียวกันให้ได้ มีอคติกับมนุษย์ปกติ และก็กลายเป็นฝ่ายตัวร้ายในเรื่องซะเป็นส่วนใหญ่

ภาพถ่ายนักแสดงหลักนอกจอ

นางเอกในเรื่องคือลูกครึ่งชูฮันที่เทียบเคียงก็คือจีน ที่ถูกคนในสังคมรังเกียจมาตลอด (แอบเหมือนปมเหยียดเอเชียในอเมริกา แต่จริงๆ คือมีตั้งแต่ในนิยายแล้ว) และเธอเองก็พยายามทำตัวโลวโปรไฟล์มาตลอดเพื่อให้ได้อยู่กับมัลเพื่อนรัก แต่แค่เปิดเรื่องเธอก็กลายมาเป็นคนสำคัญของโลกทันที ตัวเรื่องจึงเดินหน้าในแนวการเปลี่ยนแปลงของนางเอกไปสู่การเข้าสังคมใหม่ จนเริ่มหลุดตัวตนเพราะโดยสปอยล์เอาใจเยอะ เรียกว่าใจแตกก็ว่าได้ ซึ่งคนดูคงรู้สึกไม่ค่อยชอบนิสัยนางเอกในช่วงนี้ไปสักพักใหญ่ถึงกลางเรื่อง ก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นแนวเดิมในตอนแรกอีกครั้ง นอกจากนี้ช่วงแรกก็เป็นช่วงฝึกพลังนิดๆ หน่อยๆ ของเธอ เพื่อให้เรื่องช่วงหลังเธอเริ่มใช้พลังแสงนี้ได้สมเหตุผลมากขึ้น

กลุ่มตัวเอกจากนิยาย Six of Crows ที่รวมอาชญากรเท่ๆ แต่เป็นฝ่ายดีมาไว้ด้วยกัน รับรองว่าคนดูต้องชอบแน่นอน และที่สำคัญคือบทเด่นตีคู่กับนางเอกด้วยครับ

อันที่จริงตัวเรื่องเน้นบทฝ่ายมนุษย์ปกติมากกว่ากรีชาด้วยซ้ำ โดยมี 3 เส้นเรื่อง เส้นเรื่องแรกคือกลุ่มของคาซ เจสซี่ อิเนจ เป็นกลุ่มหลักที่มีบทบาทมากที่สุด เด่นสุด สนุกสุดในเรื่องนี้ เพราะเป็นตัวเอกจากนิยาย six of crows ด้วย เป็นแนวการเดินทางผจญภัยข้ามดินแดน ทำภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งการผจญภับของกลุ่มนี้ครบรสมาก และการเดินทางครั้งนี้นอกจากจะเพื่อเงินรางวัลแล้ว ยังมีเรื่องมิตรภาพ ความรัก ชนชั้นเข้ามาเกี่ยวข่อง โดยคาซที่ไถ่ตัวอิเนจมา กลับปากแข็งไม่ยอมเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป เจสซี่มือปืนประจำกลุ่มก็เป็นตัวโจ๊กและไม้เด็ดของกลุ่มที่ช่วยพลิกสถานการณ์มานักต่อนัก และก็มองออกว่าคาซกับอิเนจรู้สึกกันยังไง เขาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ในกลุ่มที่มีบทบาทออกมาบ่อยสุด และก็แทบจะโขมยซีนได้ตลอดเรื่องเลยด้วย ในขณะที่อิเนจก็มีปมการเป็นทาสกับความเชื่อในเรื่องศาสนาไปจนถึงพระเจ้าทำให้ฆ่าใครไม่ได้ แต่เธอกลับเป็นคนที่มีฝีมือการต่อสู้เฉพาะตัวมากที่สุดในกลุ่ม

เส้นเรื่องที่ 2 คือการเดินทางของมัล ที่เป็นพระเอกของเรื่องก็ว่าได้ มัลที่พลัดพรากจากนางเอกไป และก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา ทำให้เขาตัดสินใจรับเรื่องการค้นหากวางในตำนาน ที่อาจจะทำให้เขาได้ไปพบกับอาลีนาในพระราชวังอีกครั้ง ซึ่งมัลจะมีเพื่อนร่วมทางอีกสองคนตามไปด้วย ตัวเรื่องของมัลนำเสนอความพยายามทำความเข้าใจจิตใจตัวเองของเขาว่าคิดอย่างไรกับอาลีนาที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก และก็ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ถึงขั้นมีแผลที่มือแบบเดียวกัน ซึ่งส่วนนี้เป็นการเล่าย้อนอดีตไปถึงตัวอาลีนาในวัยเด็กด้วย ทำให้เรื่องดูโรแมนติกฟุ้งอยู่ตลอดเวลา และคนดูก็คงลุ้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วย เพราะช่วงเวลาที่มัลตามหาเธอนั้น อาลีนากลับเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิมที่มัลรู้จักอีกต่อไป

เส้นเรื่องที่ 3 คือ นีน่ากับแมทเทียส โดยนีน่าเป็นกรีชาที่ถูกแมทเทียสนักล่าแม่มดจับมา และเกิดอุบัติเหตุเรือล่มทำให้ต้องผจญภัยไปด้วยกัน กลายเป็นค่อยๆ เปิดใจล้างอคติที่กลุ่มคนทั้งสองฝ่ายต่างถูกเสี้ยมสอนมาให้เกลียดชังกัน เป็นพาร์ทการเดินทางที่เต็มไปด้วยฉากน่ารักทุกครั้ง จากที่นีน่าเป็นผู้หญิงพูดอะไรตรงไปตรงมา และก็เริ่มรู้สึกชอบแมทเทียนที่อ่อนโลกในเรื่องผู้หญิง เนื่องจากชุมชนที่อยู่เป็นพวกเคร่งศาสนา มีขนบธรรมเนียมให้ผู้หญิงเรียบร้อย ต่างกับนีน่าแบบคนละโลก แต่แมสเทียสกลับเริ่มรู้สึกชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขาก็รู้สึกไม่ไว้ใจนีน่าว่าใช้ความสามารถกรีชาทำเสน่ห์ใส่เขาหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าคู่นี้คือพาร์ทความรักที่ดีที่สุดในเรื่องแล้ว และก็ยังมีเรื่องราวต่อไปอีกมากไม่จบแค่ในซีซั่นนี้อีกด้วย

นีน่ากับแมทเทียส

ทั้ง 3 เส้นเรื่องนี้สุดท้ายจะมาบรรจบที่เมนหลักของเรื่องในส่วนของอาลีนาที่ต้องเผชิญหน้ากับคิริแกน ที่มีความคิดไม่ตรงกันในเรื่องการทำลายแดนพยับเงา และก็นำไปสู่ฉากต่อสู้สุดท้ายในตอน 8 ที่ปูเวลาให้เต็มๆ รับรองเลยว่าเป็นฉากที่อลังมาก สมกับเป็นซีรีส์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์จริงๆ

CG เรื่องนี้ดีงามกันตั้งแต่เปิดมาตอนแรกแล้ว ฉากแดนพยับเงาที่เป็นฉากสำคัญของเรื่องทำออกมาได้ลึกลับน่ากลัว มีรายละเอียดความเป็นแฟนตาซีสูงมาก โดยการนั่งเรือบกฝ่าเข้าไป หรือใช้เส้นทางรถไฟทะลุฝูงโวลครา พลังของกรีชาก็หลากหลายแบบ ทั้งการควบคุมธาตุ ไฟ ลม ใช้ต่อสู้ หรือความสามารถเยียวยา ตกแต่งร่างกายมนุษย์ รวมถึงพลังหลักความมืดของคิริแกนเองก็ดูน่าสะพรึงกลัว และกลายมาเป็นอาวุธได้หลากหลายแบบ ส่วนของนางเอกเป็นพลังแสงให้ความสว่างกลบความมืดมากกว่าจะเป็นสายโจมตี ก็ออกแนวสวยงามอลังการไปกับเรื่องทุกครั้งที่ออกมา ซึ่ง CG ทุกฉากในเรื่องก็ไม่มีอะไรให้ติหรือขัดตาเลยแม้แต่น้อยครับ

จุดด้อยของเรื่องเท่าที่เห็นชัดมีจุดเดียวคือ ตัวเรื่องเน้นหนักไปที่บทความรักค่อนข้างเยอะ ทุกเส้นเรื่องต้องมีพาร์ทความรักเป็นเรื่องรักเสมอ และช่วงครึ่งแรกในส่วนของนางเอกที่ออกแนวรักสามเส้า เธอ มัล คิริแกน ก็ดูเหมือนช่วงน้ำเน่าที่สุดของเรื่อง ด้วยมุกเดิมๆ ต่างคนต่างเขียนจดหมายหากัน แต่กลับไม่เคยได้รับจดหมายของอีกฝ่ายเลย จนทำให้เข้าใจผิดเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งช่วงนี้คือครึ่งเรื่องแรกที่ดูแล้วรู้สึกอึดอัดมากว่าซีรีส์มีเนื้อหาส่วนอื่นที่ดีอยู่แล้ว แต่กลับมาเล่นเรื่องตรงนี้มาก เหมือนต้องการขายกลุ่มคนดูผู้หญิงเป็นหลัก ซึ่งก็อาจจะไม่ผิดอะไรที่คนดูชอบแนวทางนี้ แต่พอหลุดพ้นจุดนี้ไปได้ แม้เรื่องจะยังคงเต็มไปด้วยเรื่องรักๆ เยอะทั้งเรื่อง (รวมถึงมีฉากเกย์ด้วย) แต่ก็เป็นแนวที่ไม่รู้สึกน้ำเน่าอีกต่อไป แถมยังแทบไม่มีฉากจูบเกิดขึ้นในเรื่องอีกด้วย มีแต่บิ้วให้เกือบๆ เท่านั้น ก็อาจจะกลายเป็นขัดใจคนดูสาวๆ แทน แต่สำหรับผู้เขียนมองว่าแบบนี้ทำให้ดูน่าลุ้นในการปูความสัมพันธ์ยาวๆ ในซีซั่นต่อๆ ไปมากกว่า

เรื่องนี้ไม่มีคิสซีนของแต่ละคู่เกิดขึ้นเลย แม้จะมีฉากชวนหวานซึ้งมองตากันบ่อยๆ ก็ตาม

ตัวเรื่อง Shadow and Bone มี 8 ตอนจบเคลียร์เรื่องราวหลักหมดในซีซั่นเลย ก่อนจะเริ่มเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ทิ้งไว้ รวมถึงเปิดสัตว์ประหลาดใหม่ไว้ให้คนดูอยากติดตามต่อ ซึ่งนิยายเล่มต่อไปชื่อ Siege and Storm เป็นการเติบโตของพลังนางเอก แต่อาจจะไม่ตรงกับเนื้อเรื่องในซีรีส์มากแล้ว เพราะตัวซีรีส์ Shadow and Bone ก็นำเอาตัวละครจากนิยายอีกชุดในโลกเดียวกันอย่าง Six of Crows มาปนตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งผู้เขียน Leigh Bardugo เองก็ยอมให้ดัดแปลงเป็นแบบนี้ และตื่นเต้นกับแนวทางเนื้อหาใหม่ตรงนี้มากด้วย

Leigh Bardugo
ผู้แต่ง Leigh Bardugo

ถ้าชอบแนวแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ตอนนี้มีแนะนำอีกเรื่อง The Nevers ซีรีส์ใหม่ของ HBO แนวแฟนตาซียุควิคตอเรีย เรื่องราวการตื่นขึ้นของผู้มีพลังพิเศษ ที่เรียกว่า “ผู้ถูกสัมผัส” ที่กลายมาเป็นทั้งภัยอันตรายร้ายแรงและอนาคตใหม่ของโลกไปพร้อมกัน (คลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่)

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!