playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ Sneakerheads หยิกกัดคนบ้าสนีกเกอร์ได้เจ็บแสบ แต่ขอบอกว่าเรื่องจริงทั้งนั้น!

Sneakerheads

สรุป

ตัวเรื่องเหมาะสำหรับคนเล่นสนีกเกอร์มาบ้างแล้วถึงเข้าใจ และสนุกไปกับมุกตลกในเรื่องที่หยิบของจริงมาล้อเลียนตรงๆ แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มคนเล่นสนีกเกอร์ควรผ่านไปเลยดีกว่า เพราะตัวเรื่องออกแนวเลอะเทอะจนเกินพอดีกับผู้ชมทั่วไปมากเหมือนกันครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เอาเรื่องราวบ้าๆ ของคนรักสนีกเกอร์หรือพวกของสะสมมาตีแผ่เล่นเป็นมุกตลก
  • เจาะวงการสนีกเกอร์ให้ความรู้กับคนดูว่าเว่อร์ได้ขนาดไหน
  • ปัญหาครอบครัวกับของสะสมผู้ชายที่ดูไร้ค่าในสายตาเมีย
  • ไปถ่ายถึงฮ่องกงด้วย
  • ตัวเรื่องสั้น 6 ตอนจบเลย ตอนละ 20 นาทีเท่านั้น

Cons

  • เนื้อเรื่องเลอะเทอะมั่วซั่วมากๆ
  • อ้างอิงดารานักแสดงดัง แต่ไม่มีทุนจ้าง เลยเอาคนอื่นมาเล่นแทนแบบแปลกๆ
  • ตัวละครสมทบบางคนดูเป็นส่วนเกินของเรื่องมาก

 

 

Sneakerheads พลพรรคคนรักสนีกเกอร์ ซีรีส์ Netflix ที่เจาะกลุ่มคนเล่นสนีกเกอร์มาไว้ในเรื่องแบบฮาๆ หยิกกัดหลายอย่างได้เจ็บแสบ แต่ก็เรื่องจริงทั้งนั้น!
 Sneakerheads (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Sneakerheads

ซีรีส์บ้อบอคอแตกที่หยิบเรื่องราวของกลุ่มคนรักรองเท้าสนีกเกอร์มาทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต โดยผูกเรื่องเข้ากับหนุ่มสนีกเกอร์เฮดที่ลาวงการมีครอบครัวไปแล้ว เมียก็ห้ามซื้อรองเท้า แต่กลับได้มาเจอเพื่อนเก่าที่บ้าสนีกเกอร์ด้วยกัน และชวนให้ไปตามล่ารองเท้าในตำนานที่เหมือนไม่มีอยู่จริง แต่ถ้าค้นพบมันได้ก็รวยเละเทะ

ต้องเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้ทำมาเพื่อคนเฉพาะกลุ่มที่สนใจหรือรู้จักสนีกเกอร์โดยตรง รวมถึงอาจจะเข้าขั้นคลั่งไคล้ หรือเจาะลึกไปอีกก็ตามชื่อเรื่องสนีกเกอร์เฮด ที่หมายถึงแฟนตัวจริงที่รู้เรื่องรองเท้าประเภทนี้โดยละเอียด ซึ่งในบ้านเราก็มีกลุ่มแบบนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าใครตามข่าวเรื่องการต่อคิวซื้อรองเท้าจนร้านต้องปิดหนีในไทย (เพราะแฟนไม่พอใจที่โควต้าน้อยไม่พอ) ก็อาจจะนึกไม่ถึงว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นกันทั่วโลก ที่อเมริกาเป็นต้นตำหรับความบ้านี้มาก่อนไทยด้วย ซีรีส์เรื่องนี้แหละจะทำให้คุณรู้จักเข้าถึงความบ้าของจริงที่หยิบมาเอาใส่ในหนังได้แบบเนียนๆ เหมือนเว่อร์ แต่มุก 90% ในเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงล้วนๆ ที่อาจจะดูบ้าในสายตาคนภายนอก แต่สำหรับคนดูที่ชอบสนีกเกอร์อยู่แล้วนี่บันเทิงมาก เหมือนโดนหยิกจิกกัดเอาความจริงมาเล่นแบบฮาๆ หน้าตาย ซึ่งอาจจะตายจริงด้วยถ้าคนในครอบครัวรู้ว่าหมดตังไปแค่ไหนกับแค่รองเท้าใส่เล่นเท่านั้น (ส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ด้วย ซื้อมาเก็บ)

ตัวเรื่องหยิบเอาเรื่องง่ายๆ ของคนมีครอบครัวแล้วที่โดนเมียห้ามสะสมของฟุ่มเฟือย แต่ด้วยใจรักพระเอก “เดวิน” จึงแอบไปร้านรองเท้าจนได้ แล้วก็พบกับซี้เก่าที่ตอนแรกแค่ชวนมาตามล่าหาสนีกเกอร์ดังๆ มาขายทำกำไร แต่แล้วก็กลายเป็นผิดแผนสารพัด ซึ่งช่วงที่ผิดแผนนี่แหละคือเรื่องจริงในวงการนี้อย่างหนึ่ง เมื่อรองเท้าเกิดการซื้อไปเพื่อเก็งกำไร ก็เลยกลายเป็นช่องทางทั้งปั่นทั้งหลอกหลวงจนคนที่เล่นสนีกเกอร์จริงต้องเคยพลาดขาดทุนกำไรกับสนีกเกอร์ไปบ้างแน่นอน

เมื่อเรื่องเดินมาตอนสอง ซึ่งแต่ละตอนของเรื่องนี้ก็สั้นๆ แค่ 20 นาทีเท่านั้น จึงเข้าเรื่องรองเท้าในตำนาน “ไนกี้ ซีโร่” ที่มีแต่คำร่ำลือ ไม่เคยมีใครได้ครอบครองจริง เรื่องก็พาตัวเอกให้มีทีมตามล่า ซึ่งก็ประกอบไปด้วยแม่ค้าสาววัยรุ่นที่หาสนีกเกอร์มาขาย นักขายการ์ตูนที่ผันตัวมาเล่นตลาดสนีกเกอร์ กับเพื่อนซี้จอมพูดมาก (นักแสดงผิวดำสายฮาคนเดียวกับที่เล่นเรื่อง Babysitter ) ก็กลายเป็นผจญภัยแบบบ้าบอคอแตกหน่อยๆ อย่างการตามหาคำใบ้ที่ต้องไปดวลเทนนิสกับมาร์ค วอล์ลเบิร์ก นักแสดงดัง การแย่งรองเท้าจากเสือ ไปจนถึงบินไปฮ่องกงเพื่อตามล่ารองท้าคู่นี้ให้ได้ ซึ่งเรื่องบ้อบอพวกนี้อาจจะใส่มาล้นเลอะเทอะเกินไปสักหน่อย แต่ก็มีส่วนผสมของมุกสนีกเกอร์จริงๆ รวมเข้ามาด้วย อย่างรองเท้าใส่แล้วจะขายได้ไหม รองเท้าเปื้อนต้องซ่อมแซมยังไง ซึ่งเกร็ดเล้กน้อยพวกนี้ต้องเป็นคนเล่นสนีกเกอร์สักหน่อยถึงจะอินขำๆ ตลกไปกับเรื่องราวเหล่านี้ได้

ถึงตัวเรื่องจะดูบ้าบอมากๆ แต่แก่นของเรื่องเกี่ยวกับคนที่หลงไหลสะสมของต่างๆ ก็มีใส่ไว้ครบถ้วนทั้งในมุมมองของเมียพระเอกที่ไม่เข้าใจว่าทำไมสามีถึงบ้าขนาดนี้ ซึ่งเรื่องราวจะปนดราม่าบ้านแตกเข้ามาเป็นประเด็นให้เมียของพระเอกได้ค้นพบว่า จริงๆ แล้วรองเท้าที่พระเอกบ้าตัดไม่ขาดเหล่านี้ ลึกๆ มันมีเรื่องราวกินใจและความน่าหลงไหลอยู่จริงๆ ซึ่งไม่ใช่แค่รองเท้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกอย่างที่มีกลุ่มคนชอบสะสม ซึ่งตอนจบของเรื่องก็แอบเล่นมุกสากลเรื่องของสะสมของผู้ชายกับผู้หญิงที่ต่างกันได้อย่างฮาๆ ซึ่งผู้ชายเองก็ไม่เข้าใจผู้หญิงเหมือนกันว่าอะไรกันนักหนากับกระเป๋า รองเท้า พวกนี้มีไปทำอะไรเยอะแยะ 🙂

ตัวเรื่องเหมาะสำหรับคนเล่นสนีกเกอร์มาบ้างแล้วถึงเข้าใจ (ผู้เขียนมีอยู่ 3 คู่เหมือนกันแต่เบรคไว้แค่นี้) และสนุกไปกับมุกตลกในเรื่องที่หยิบของจริงมาล้อเลียนตรงๆ แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มคนเล่นสนีกเกอร์ควรผ่านไปเลยดีกว่า เพราะตัวเรื่องออกแนวเลอะเทอะจนเกินพอดีกับผู้ชมทั่วไปมากเหมือนกันครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!