playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Burial สร้างจากเรื่องจริงเปิดโปงความฉ้อฉลของบริษัทจัดงานศพยักษ์ใหญ่ในอเมริกา

The Burial

Summary

หนังสร้างจากเรื่องจริงของการล้มธุรกิจงานศพยักษ์ใหญ่ที่มีแง่มุมในเรื่องการทุจริตและปัญหาเชื้อชาติได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีการขับเคี่ยวต่อสู้กันในศาลที่เล่นใหญ่โตแม้จะดูเหมือนตลกจากการแสดงของ เจมี่ ฟ็อกซ์ ในบททนายตัวเอก แต่มันกลับสร้างซีนสะเทือนอารมณ์ได้มากกว่า และมีบทบาทสะเทือนอารมณ์เล็กๆ ของ ทอมมี่ ลี โจนส์ มาช่วยเติมเต็มความสัมพันธ์ต่างสีผิวได้ดีขึ้นไปอีกครับ  

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • สร้างจากเรื่องจริงของการล้มธุรกิจงานศพยักษ์ใหญ่
  • นักแสดงนำ เจมี่ ฟ็อกซ์ กับ ทอมมี่ ลี โจนส์
  • ปัญหาสีผิวเชื้อชาติ

Cons

  • มีฉากไม่ค่อยจำเป็นคั่นแทรกทำให้อารมณ์สะดุดอยู่หลายครั้ง

The Burial ความยุติธรรมที่ถูกฝัง หนัง amazon Prime แนวดราม่าว่าความในศาล สร้างจากเหตุการณ์จริง เมื่อสัญญาที่เคยตกลงกันไม่เป็นไปตามคาด เจเรไมอาห์ โอคีฟ (ทอมมี่ ลี โจนส์) เจ้าของโรงพิธีฌาปนกิจศพขอให้วิลลี่ อี. แกรี่ (เจมี่ ฟ็อกซ์) ทนายความผิวดำเจ้าเสน่ห์ ช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวของเขา ทั้งสองสานสัมพันธ์และเปิดโปงความฉ้อฉลของบริษัทจัดงานศพยักษ์ใหญ่ของอเมริกา 
The Burial (2023) on IMDb

 

รีวิว The Burial

หนังสตรีมมิ่งของ Amazon Studios ที่ได้ MGM เข้ามาดูแลงานสร้าง  ทำให้ผลงานที่ออกมาดูยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างการใช้ดาราดังทั้งสองคนมาเล่นประกบคู่กัน ในเนื้อเรื่องที่มาจากเรื่องจริงของคดีล้มยักษ์บริษัททำธุรกิจงานศพ Loewen funeral company ซึ่งมีรายได้นับพันล้าน จากการเข้าซื้อธุรกิจงานศพในท้องถิ่นมาเรื่อยๆ ด้วยกลวิธีที่ไม่ซื่อตรงทางธุรกิจหลายอย่าง จนทำให้ธุรกิจงานศพเล็กๆ ของชายผิวขาวสูงวัย 75 ปีต้องมีปัญหา และได้มาพบเจอกับทนายผิวดำ วิลลี่ อี. แกรี่ ที่ไม่เคยแพ้ใครมา 12 ปี ร่ำรวยจากคดีค่าเสียหายของคนผิวดำที่เขามีโอกาสชนะใสๆ มาตลอด อีกทั้งยังไม่เคยว่าความให้คนผิวขาวมาเลย เขาตกลงรับงานนี้เพราะหวังชื่อเสียงและเงินจากคดีใหญ่ แต่กลายเป็นว่าคดีนี้ทำให้เขาได้พบกับความยุติธรรมที่ถูกฝังกลบไปและต้องทวงกลับมาให้ได้ได้ทั้งประเทศ

หนังมาในแนวการว่าความคดีใหญ่ล้มยักษ์ที่อ้างอิงเรื่องราวในคดีจริง แต่แต่งเติมซีนทางอารมณ์ต่างๆ เพิ่มเข้ามา โดย เจมี่ ฟ็อกซ์ เป็นทนายที่ดูเหมือนกำลังแสดงละครแบบเล่นใหญ่โตในศาลตลอด ซึ่งหนังต้องการให้มันเป็นแนวตลกด้วย แต่ที่จริงก็แทบไม่มีฉากที่ตลกเลย กลับนำไปสู่ดราม่าสะเทือนอารมณ์มากกว่า เมื่อการซักฟอกในศาลได้ขุดคุ้ยสิ่งที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน และเริ่มรู้สึกว่าเขาทำผิดพลาด จนทำให้การต่อสู้ที่เขามั่นใจว่าจะชนะค่อยๆ เสียศูนย์มากขึ้นเรื่อยๆ และก็ทำให้ความเชื่อใจของผู้ว่าจ้างต้องพังลงไป ก่อนที่เขาจะรู้ตัวและพยายามแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างสุดชีวิต เพราะนี่ไม่ใช่คดีฟ้องร้องท้องถิ่นอีกแล้ว แต่มันคือการแบกรับทวงถามความยุติธรรมให้คนตายทั้งประเทศ ที่ถูกบริษัทจัดงานศพขูดรีดช่วงชิงไปในช่วงเวลาที่ชีวิตและจิตใจอ่อนไหวถึงที่สุด ซึ่งนี่คือจุดขายของเรื่องนี้ที่หนังถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก

หนังได้การว่าความที่เข้มข้นมีการพลิกไปมาหลายครั้ง โดยมีเรื่องสีผิวเชื้อชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่จุดกำเนิดเรื่องในรัฐที่ยากจนและเต็มไปด้วยคนผิวดำ ผู้พิพากษาและลูกขุนเป็นคนผิวดำส่วนใหญ่ โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของคนผิวขาวมาเป็นจำเลยผู้ถูกฟ้อง ซึ่งแม้จะดูเสียเปรียบ แต่หนังไม่ได้ทำให้เรื่องง่ายแบบนั้น เมื่อทนายอีกฝั่งก็เป็นคนผิวดำทั้งหมด และยังเป็นท็อปของประเทศที่ถูกจ้างมาต่อสู้กับคนดำด้วยกันเอง และก็ชิงไหวพริบกันด้วยหลักฐานด้านอคติเชื้อชาติขุดไปถึงบรรพบุรุษกันตรงๆ 

นอกจากนี้ในทีมตัวเอกเองก็ยังแบ่งครึ่งเป็นทีมงานจากทนายผิวขาวประจำตระกูล แต่ต้องมาอยู่ใต้คำสั่งของทนายผิวดำที่จ้างมาจากคำเชิญของผู้ช่วยทนายผิวดำจบใหม่ Hal Dockins (แสดงโดย Mamoudou Athie) ทำให้เกิดการแบ่งข้างทั้งเชื้อชาติอยู่ลึกๆ ในทีมเข้าไปอีก ทำให้เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยปัญหาเชื้อชาติ ทั้งๆ ที่ตัวคดีคือ การฟ้องร้องเรื่องการผิดสัญญาซื้อขาย ที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกันเลย

 

แต่นี่ก็ไม่ใช่หนังที่เล่าเรื่องคนผิวดำล้วนๆ ยังให้น้ำหนักของตัวละครผิวขาวไว้ได้อยู่ จากบทบาทของ ทอมมี่ ลี โจนส์ ที่เล่นเป็นชายสูงวัยผิวขาวที่ยึดมั่นในศีลธรรม และช่วยเหลือคนผิวดำมาตลอด ซึ่งแม้บทจะไม่ได้ออกมามาก แต่ก็เป็นซีนที่สะเทือนอารมณ์ได้ดีแทบทั้งนั้น รวมถึงหัวหน้าทนายผิวขาวของเขาที่แม้จะมีอคติกับคนผิวดำที่ติดตัวมาอยู่บ้าง หนังก็ให้พื้นที่ตรวจสอบของปัญหาอคติคนดำที่มีต่อคนขาวกับตัวละครนี้ไว้ด้วยเช่น ทำให้หนังค่อนข้างมีสมดุลย์สองฝั่งได้ดีทีเดียว

จุดด้อยของเรื่องมีแค่จุดเล็กๆ ในหลายฉากที่ดูเหมือนจะใส่มาเกินจำเป็นไปบ้าง อย่างพวกฉากนอกศาลทั่วไป บางฉากก็มาคั่นอารมณ์ที่กำลังปูเรื่องในช่วงใกล้พีคทำให้อารมณ์มันถูกสะดุดไปเฉยๆ  ทำให้การดำเนินเรื่องไม่ได้ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นลักษณะกราฟขึ้นๆ ลงๆ มากกว่าครับ 

 

สรุป หนังสร้างจากเรื่องจริงของการล้มธุรกิจงานศพยักษ์ใหญ่ที่มีแง่มุมในเรื่องการทุจริตและปัญหาเชื้อชาติได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีการขับเคี่ยวต่อสู้กันในศาลที่เล่นใหญ่โตแม้จะดูเหมือนตลกจากการแสดงของ เจมี่ ฟ็อกซ์ ในบททนายตัวเอก แต่มันกลับสร้างซีนสะเทือนอารมณ์ได้มากกว่า และมีบทบาทสะเทือนอารมณ์เล็กๆ ของ ทอมมี่ ลี โจนส์ มาช่วยเติมเต็มความสัมพันธ์ต่างสีผิวได้ดีขึ้นไปอีกครับ  

 


including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!