playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Continental: From the World of John Wick ซีรีส์ที่ได้แค่กลิ่นอายแต่ไม่อาจจะเทียบได้กับต้นฉบับ

The Continental: From the World of John Wick

Summary

สรุปว่าเป็นซีรีส์ที่แค่ได้กลิ่นอายจากโครงสร้างโลกของจอห์นวิคเท่านั้น แต่ฉากแอ็กชั่นไม่อาจจะตอบสนองหรือเทียบชั้นภาพยนตร์จอห์นวิคได้เลย (มีดีสุดคือตอนแรก) และก็ไม่ได้มีเยอะมากตามสไตล์ซีรีส์ บทเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ออกมาดีมาก พยายามทำให้ซับซ้อน แต่ออกมายืดยาวไปเยอะ มีดีตรงที่แฟนๆ จะได้เห็นรูปลักษณ์สิ่งต่างๆ ในโลกยุค 1970 แต่ก็เป็นแบบเก่าที่คุ้นเคยจากภาพยนตร์กับนักแสดง WInston กับ Charon ในวัยหนุ่มที่เล่นได้ดีเท่านั้นครับ 

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • โลกของจอห์นวิคในยุค 1970
  • นักแสดง WInston กับ Charon เหมาะสมกับบท
  • พี่ชายของ WInston

 

Cons

  • บทไม่ดีและค่อนข้างยืด
  • ฉากแอ็กชั่นธรรมดาออกแนวทื่อๆ

The Continental: From the World of John Wick ซีรีส์ 3 ตอนจบ ใน Amazon Prime  เรื่องราวย้อนอดีตของโรงแรมนักฆ่าในยุค 1970 โดยมีตัวละครหลักจากจอห์นวิคคือ WInston กับ Charon ก่อนที่เขาทั้งคู่จะได้ครอบครองโรงแรมนี้
The Continental: From the World of John Wick (2023) on IMDb

รีวิว The Continental: From the World of John Wick (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์จากค่าย Peacock ที่ Prime นำมาฉาย โดยนี่เป็นผลงานภาคแยกที่มีความเกี่ยวข้องกับทีมงานต้นฉบับอย่างหลวมๆ โดยมาจากไอเดียของผู้สร้างจอห์นวิค Derek Kolstad และ Chad Stahelski แต่งานอยู่ในการควบคุมดูแลของ Greg Coolidge ซึ่งไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยกันเลย (ไม่มีผลงานดัง) ส่งผลให้เรื่องย้อนอดีตของ Winston Scott ดูธรรมดา แค่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างจากจักรวาลของจอห์นวิคเท่านั้น

ซีรีส์เรื่องนี้มี 3 ตอน โดยแต่ละตอนยาว 1 ชั่วโมงกว่า ซึ่งมากกว่าซีรีส์โดยปกติมาก ดูเป็นการขายความยาวให้เหมือนภาพยนตร์อย่างตั้งใจ แต่เนื้อหาที่ได้รับกลับแห้งเหือดและค่อนข้างยืดยาวมากเกินความจำเป็น โดยผู้ชมแทบไม่ได้ข้อมูลใหม่ใดๆ นักจากเรื่องนี้ นอกเสียจากบรรยากาศความเก่าแก่ของยุค 1970 ซึ่งทำให้ตัวโรงแรมและเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ในโลกจอห์นวิคดูเก่าตามไป แต่มันก็เป็นแค่การดีไซน์ภายนอกเท่านั้น ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย

 

โครงเรื่องแค่จับเอาโลกจอห์นวิคปัจจุบันย้อนยุคกลับไป โดยมีตัวละครใหม่คือพี่ชายของ Winston กับครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึงมาก่อน โดยในตอนแรกพี่ชายของเขาเป็นตัวแทนนักฆ่าที่เก่งมากในแบบสไตล์จอห์นวิค มีการเปิดตัวโชว์สกิลต่างๆ เหมือนกัน โดยเขาขโมยเครื่องปั๊มเหรียญทองไปจากโรงแรม แล้วโดนคนในโรงแรมไล่ล่า แต่ก็หนีไปได้ ก่อนตัดมาที่ Winston ถูกลากให้มาตามหาพี่ชายที่หายตัวไป แต่เมื่อพวกเขาพบกันแล้วกลับร่วมมือกัน ทำให้กลายเป็นปัญหาหนักขึ้นไปอีกเมื่อเป้าหมายของ WInston เปลี่ยนไปเป็นการยึดโรงแรมแห่งนี้แทน โดยมีพล็อตรองเป็นตัวละครตำรวจสาวที่ตามหา Winston แบบปริศนาอยู่ด้วย

ความเป็นจอห์นวิคมีมากสุดในตอนแรกที่มีพี่ชายของ WInston มาเป็นคนเดินเรื่องราวทั้งตอน ทำให้เห็นทิศทางของเรื่องที่น่าสนใจผ่านตัวละครที่มีสไตล์จอห์นวิคจริงๆ ที่แม้จะไม่เทียบเท่าแต่ก็มีความบู๊แอ็กชั่นพอเทียบกันได้ แต่พอเนื้อเรื่องไปที่ตอน 2-3 เกี่ยวกับการวางแผนยึดโรงแรม สไตล์จอห์วิคแทบหายไป ตอน 2 แทบไม่มีฉากแอ็กชั่นให้เห็นเลย ตอน 3 ช่วงยึดโรงแรม แม้จะมีตัวละครขนมาถล่มโรงแรมมากมาย แต่มันก็กลายเป็นฉากแอ็กชั่นที่เห็นได้เกลื่อนกลาดในปัจจุบัน ขาดไอเดียครีเอทใดๆ ทั้งตัวเอกตัวร้ายออกแนวทื่อๆ ยิงไปตามท่าทางแบบแข็งๆ ฉากต่อสู้แอ็กชั่นก็พื้นๆ แล้วยังมักง่ายในหลายๆ ครั้ง โดยให้ตัวละครในทีมรอดแบบง่ายๆ แต่ตัวละครพวกนี้ก็ไม่ได้มาปรากฎในจอห์นวิคปัจจุบันเลยด้วยซ้ำ อย่างพี่สะใภ้ชาวเวียดนามของ  WInston กับพี่น้องผิวดำที่เชี่ยวชาญกังฟู ที่เป็นตัวละครเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย 

THE CONTINENTAL: FROM THE WORLD OF JOHN WICK — “Night 1” Pictured: (l-r) Mark Musashi as Hansel, Marina Mazepa as Gretel — (Photo by: Starz Entertainment)

สิ่งที่พอทำให้รู้สึกดีก็คือการได้เห็นโลกในยุคเก่าของจอห์นวิค ซึ่งตัวเรื่องนี้อยู่ในโครงการจักรวาลจอห์นวิคของค่าย Lionsgate และตีกรอบให้ซีรีส์ไม่มีปัญหาขัดแย้งกับภาพยนตร์ในอนาคตต่อไป ทำให้เรื่องราวนี้นับเป็นตอนต้นกำเนิดได้จริงๆ โดยมีตัวละครหลักที่คัดนักแสดงมาดีอย่าง Colin Woodell (แสดงเป็น Winston) กับ Ayomide Adegun (แสดงเป็น Charon) ทั้งคู่ทำให้ได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ว่ามาร่วมกันปกครองโรงแรมนี้ได้อย่างไร โดยมี Mel Gibson มารับบทเป็นเจ้าของโรงแรม ซึ่งเขาเองก็เล่นได้โหดสมบทบาทมาก เพียงแต่ไม่ใช่บอสในสไตล์ต้องสู้กับใครเท่านั้น

 

สรุปว่าเป็นซีรีส์ที่แค่ได้กลิ่นอายจากโครงสร้างโลกของจอห์นวิคเท่านั้น แต่ฉากแอ็กชั่นไม่อาจจะตอบสนองหรือเทียบชั้นภาพยนตร์จอห์นวิคได้เลย (มีดีสุดคือตอนแรก) และก็ไม่ได้มีเยอะมากตามสไตล์ซีรีส์ บทเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ออกมาดีมาก พยายามทำให้ซับซ้อน แต่ออกมายืดยาวไปเยอะ มีดีตรงที่แฟนๆ จะได้เห็นรูปลักษณ์สิ่งต่างๆ ในโลกยุค 1970 แต่ก็เป็นแบบเก่าที่คุ้นเคยจากภาพยนตร์กับนักแสดง WInston กับ Charon ในวัยหนุ่มที่เล่นได้ดีเท่านั้นครับ 

 

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!