playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Pharmacist มดล้มช้าง เรื่องจริงของเภสัชกรผู้กล้า ท้าสู้บริษัทค้ายาถูกกฏหมายหมื่นล้าน!

The Pharmacist

สรุป

หนังสารคดีเรื่องนี้ออกแนวแรงบันดาลใจให้คนตัวเล็กๆ ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาสังคม แม้ว่าในตอนแรกอาจจะถูกมองว่าบ้าหรือเหนื่อยเปล่า แต่ความพยายามแบบไม่หยุดด้วยลูกบ้าบวกกับความเชื่อศาสนาคริสต์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เป็นภารกิจต่อสู้เพื่อลูกชายที่ตายไป ทำให้เรื่องราวในสารคดีนี้ดูน่าทึ่งมาก

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เรื่องเล่าสนุกต่อเนื่อง 3 คดีจากเล็กไปหาใหญ่
  • มีจุดหักมุมในตอนจบที่ชวนช็อคกับชวนดูต่อเนื่อง
  • ฟุตเทจจริงของเจ้าของเรื่องเป็นข้อมูลดิบชั้นเยี่ยม
  • การต่อสู้ของมดล้มช้าง

Cons

  • ตัดฟุตเทจดิบสั้นๆ เข้ามาเยอะไประหว่างการสัมภาษณ์จนดูไม่สมูธ
  • มีบางช่วงลากยาวกับเหตุการณ์เดิมมากไป

The Pharmacist เภสัชกรผู้ต้านวิกฤติโอปิออยด์ หนังสารคดี Netflix เรื่องราวของเภสัชกรผู้สูญเสียลูกชายไปจากยาเสพติด ทำให้เขาต้องตามล่าฆาตกรเอง จนต่อมากลายเป็นการต่อสู้กับบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่แม้แต่หน่วยงานรัฐยังจัดการไม่ได้

 The Pharmacist (2020) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง The Pharmacist เภสัชกรผู้ต้านวิกฤติโอปิออยด์

Netflix มีหนังสารคดีมาเรื่อยๆ พอๆ หนังเข้าใหม่ แต่ว่าด้วยความเป็นสารคดีก็ทำให้หลายคนมองข้ามเพราะคิดว่าน่าเบื่อ ซึ่งก็มีส่วนจริง แต่หลายครั้งสารคดีของ Netflix ก็ทำได้ดีกว่าหนังหรือซีรีส์ปกติด้วยซ้ำไป ซึ่งไม่นานมานี้ก็มีเรื่อง Don’t Fuck With Cats ไล่ล่าฆาตกรฆ่าแมวต่อเนื่องระดับโลก! ที่ทำออกมาได้สนุกและดีมากจนต้องบอกว่าใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำให้ลอง แล้วจะพบกับเรื่องจริงที่ทรงพลังยิ่งกว่าหนังซะอีกครับ

สำหรับเรื่องนี้ก็เช่น The Pharmacist เภสัชกรผู้ต้านวิกฤติโอปิออยด์ เป็นสารคดีที่เริ่มจากเรื่องส่วนตัวของ “แดน” ชายผู้เป็นเภสัชกรตัวเล็กๆ กับครอบครัวแสนสุข พ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว แต่แล้วลูกชายวัยรุ่นกลับโดนยิงตายในเขตที่ขึ้นชื่อเรื่องค้ายาเสพติด และก็ไม่มีตำรวจตามคดีเนื่องจากเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติของคนซื้อขายที่เบี้ยวแล้วก็โดนยิงตาย นั่นทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาทวงหาความยุติธรรมจนไปถึงขั้นเป็นนักสืบ และสานต่อภารกิจนี้ไปไกลจนถึงขั้นต่อสู้กับบริษัทค้ายายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตยาแก้ปวดให้ผลเหมือนเฮโรอีนแบบถูกกฏหมาย จนแม้แต่หน่วยงานรัฐยังจัดการไม่ได้

จังหวะของสารคดีจะเล่าจากปัจจุบันที่ทีมงานไปสัมภาษณ์เขาหลังจากจบคดีใหญ่สุดของอเมริกาด้านยาในตอนจบเรื่อง ซึ่งเรื่องเริ่มย้อนไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุให้เห็นว่าครอบครัวนี้มีที่มายังไง จนมาเกิดเหตุคดีฆาตกรรมจับตัวคนร้ายไม่ได้ นั่นเป็นจุดเริ่มทำให้แดนต้องทำตัวเป็นนักสืบ และก็เริ่มเก็บหลักฐานบันทึกภาพอัดเสียงพูดคุยต่างๆ กับคนนับร้อยนับพัน ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นฟุตเทจจริงประกอบการเล่าเรื่องราว โดยในตอนแรกกับตอนจะเป็นเรื่องราวของคดีฆาตกรรมต่อกัน และก็มีส่วนพยานในคดีต่างๆ มาร่วมเล่าเรื่องในมุมของตนเองที่เห็นการกระทำของแดนกับครอบครัวช่วงนั้นด้วย โดยเรื่องราวช่วงแรกนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นก่อนจะปิดเคสได้อย่างน่าทึ่งจากความพยายามไม่จบสิ้นของแดน แถมมีหักมุมเฉลยตัวฆาตกรแบบกระตุกให้คนดูอึ้งอีกด้วย

หลังจบคดีนี้ซึ่งก็เป็นช่วงตอนกลางของ EP2 เรื่องราวใหม่จะค่อยๆ เริ่มขึ้นจากความสังเกตุของแดนที่ขายยาในร้านว่ามีคนที่เหมือนไม่ได้ป่วยเข้ามาซื้อยาแก้ปวด ‘โอปิออยด์’ เป็นจำนวนมากผิดปกติ เนื่องจากลูกชายเขาเสียชีวิตจากยาเสพติดเป็นต้นเหตุ ทำให้เขาเริ่มลงมือสืบด้วยตนเองอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวอีกต่อไป เป็นปัญหาสังคมที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากเมืองที่เขาอยู่ ก่อนจะขยายไปทั่วสหรัฐ จากฝีมือของหมอหญิง “คนขายยาในเสื้อกาวน์” เพียงคนเดียวที่หากินด้วยการจ่ายยาผิดจรรยาบรรณ กลับสร้างความเสียหายต่อเนื่องขยายวงไปทั่ประเทศได้ ซึ่งแม้แต่หน่วยงานรัฐอย่าง DEA ที่เข้ามาทำคดีนี้ด้วย ก็ยังหยุดยั้งปัญหานี้ไม่ได้ และกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแดน โดยสารคดีจะนำฟากการทำงานของ DEA ที่ต้องเจอกับแดนเข้ามายุมย่ามสืบคดีที่พวกเขาเกาะติดอยู่แต่บอกไม่ได้ ทำให้เห็นว่าปัญหาบางอย่างเกิดจากในขั้นตอนการทำงานราชการเอง และก็มาจากมุมมองสมัยก่อนที่แพทย์เป็นอาชีพสูงส่งจนระบบยุติธรรมไม่อยากไปเอาผิด เพราะกลัวความผิดพลาดที่จะตามมาถึงตนได้เหมือนกัน ในช่วงนี้มีจุดอึ้งตรงที่สารคดีพาอีกฝ่ายที่ตรงข้ามกับแดนมาให้สัมภาษณ์ในแบบเดียวกัน แต่ต่างมุมมอง ให้คนดูตัดสินกันเอาเองว่าเชื่อหรือไม่เชื่อกับเรื่องเล่าที่ต่างออกไปจากมุมที่แดนเห็น

แล้วเรื่องราวไม่ได้จบแค่ที่เคสที่ 2 แต่ตอน 4 อุโมงค์แห่งความหวัง พาเราให้ไปเห็นการทำงานอีกด้านของแดน ที่ตัวเขาเองเริ่มคิดว่านี่เป็นภารกิจจากพระเจ้ามอบให้เขาทำไม่ให้การตายของลูกชายสูญเปล่า ซึ่งการจะหยุดยั้งยาตัวนี้ได้ ไม่ใช่แค่การเอาผิดหมอที่จ่ายยาแบบผิดๆ เพราะหลังจากจบคดีที่สองไป กลายเป็นว่ามีอาฟเตอร์ช็อคจากผลของคดีตามมาสร้างปัญหาใหม่เพิ่ม ทำให้เรื่องราวในคดีที่ว่าใหญ่แล้วดูเด็กลงไปเลย และคราวนี้แดนปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเดิมๆ มาในแบบที่เป็นวิทยากรและหาพื้นที่สื่อ การเมือง ผู้สนับสนุนเขาที่จุดประกายต่อต้านยาโอปิออยด์ในระดับที่หวังโค่นบริษัทผลิต ที่เป็นองค์กรอาชญากรรมในความคุ้มครองกฏหมาย ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินหลักหมื่นล้าน แม้แต่หน่วยงานยุติธรรมของรัฐก็ยังจัดการไม่ได้

หนังสารคดีเรื่องนี้ออกแนวแรงบันดาลใจให้คนตัวเล็กๆ ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาสังคม แม้ว่าในตอนแรกอาจจะถูกมองว่าบ้าหรือเหนื่อยเปล่า แต่ความพยายามแบบไม่หยุดของแดน ทำให้ปัญหาสังคมที่ทุกดูเหมือนไม่มีทางแก้ค่อยๆ มีแสงสว่างส่องทางเข้ามาเรื่อยๆ โดยอิงความเชื่อศาสนาคริสต์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ต่อสู้ไปได้เรื่อยๆ หลายครั้งในหลายช่วงเวลาที่เขาต้องต่อสู้ทั้งกับปัญหาที่เกิดจากคนและภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่ซ้ำเติมเข้ามาได้ถูกจังหวะ ทำให้ปัญหาจากคนบอบช้ำทางจิตใจขยายวงไปหายาเสพติดเพิ่มเข้าไปอีก เป็นมุมหนึ่งของสารคดีที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน

สารคดีเรื่องนี้เล่าเรื่องได้สนุกต่อเนื่อง มีการกั๊กปิดปมเฉลยไว้เหมือนดูหนังซีรีส์ปกติเลย มีข้อมูลดิบจริงๆ จากฟุตเตจที่แดนขยันถ่ายเก็บไว้มาแทรกอยู่ตลอดเรื่อง แต่ก็ใส่มามากไปสักหน่อยทำให้เรื่องเล่าจากการให้สัมภาษณ์ไม่สมูธนัก เพราะต้องมาเห็นฟุตเตจที่ตัดสลับไวๆ จำนวนมาก แต่นอกจากนั้นสารคดีค่อนข้างสมบูรณ์แบบ เพราะมีคนที่เกี่ยวข้องกับคดีมาร่วมให้สัมภาษณ์ทุกมุมมอง แม้แต่เซลล์ของบริษัทขายก็มาร่วมเป็นตัวหลักเล่าเรื่องจริงจากในมุมการตลาดของบริษัทนี้ให้ฟังด้วย ซึ่งถ้าไม่ใช่แดนเป็นจุดเริ่ม โอปิออยด์ก็ยังคงอยู่ และคดีพึ่งจบไปเมื่อปี 2018 นี้เองด้วยครับ จากจุดเริ่มต้นในปี 1999 ซึ่งลากยาวมานานมาก จนรู้สึกว่าแดนเป็นยอดคนจริงๆ ที่ต่อสู้เรื่องนี้จนสำเร็จ

 

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นในเว็บคลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!