The Piano Lesson (Netflix) บอกเล่าชีวิตคนดำผ่านการโต้เถียงในบ้านหลังเดียวเท่านั้น
The Piano Lesson
Summary
หนังจากบทละครเวทีรางวัลพูลิตเซอร์ที่เล่นกันอยู่ในบ้านหลังเดียวแทบทั้งเรื่องกับตัวละครหลัก 3 คน โดยทั้งเรื่องมีแค่บทสนทนาโต้เถียงระหว่างพี่น้องเพื่อแย่งมรดกเปียโนไม้ของตระกูล แต่หนังก็ใช้บทสทนานี้บอกเล่าเรื่องราวของตระกูลคนดำได้ลึกละเอียดตั้งแต่ยุคทาสมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านปัญหา สังคม ศาสนา สถานะเพศ ได้ดีเลย ข้อเสียก็คงมีเพียงแค่นี่เป็นหนังเฉพาะกลุ่มที่ต้องชอบแนวละครเวทีใช้บทสนทนาขับเคลื่อนล้วนๆ กับประเด็นคนดำที่ค่อนข้างลึกและต้องตีความเองเพิ่มด้วยระหว่างที่ดู ซึ่งก็อาจจะทำให้ผู้ชมไทยเข้าถึงได้ยากสักหน่อยครับ (แต่เน็ตฟลิกซ์ก็มีส่วนเสริมเป็นบทสนทนานักแสดงกับทีมงานช่วยทำให้เข้าใจเพิ่มได้)
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- หนังจากบทละครเวทีรางวัลพูลิตเซอร์ที่เล่นกันอยู่ในบ้านหลังเดียว
- ลงลึกบอกเล่าเรื่องราวผ่านบทสนทนาล้วน
- รวมนักแสดงดัง
- มีพากย์ไทย
Cons
- หนังเฉพาะกลุ่มคนดำ
- ต้องตีความเพิ่มเองเยอะ
The Piano Lesson บทเรียนจากเปียโน ภาพยนตร์ Original Netflix แนวดราม่า เรื่องราวชีวิตของครอบครัวชาร์ลส์ ในประเด็นเกี่ยวกับมรดกของครอบครัว นั่นคือเปียโนแกะสลักไม้ล้ำค่าที่เกี่ยวพันถึงอดีตของตระกูลทั้งหมด
รีวิว The Piano Lesson บทเรียนจากเปียโน
หนังที่มีเครดิตสร้างจากบทละครเวทีรางวัลพูลิตเซอร์มาก่อนแล้วดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเน็ตฟลิกซ์ก็เคยทำแนวนี้มาก่อนแล้วอย่างเรื่อง American Son ซึ่งการผ่านละครเวทีมาได้แสดงว่าเรื่องนั้นต้องได้รับความนิยมสูงมาก่อนแล้ว เป็นการการันตีความดีงามให้ตั้งแต่แรก ซึ่ง American Son ก็ประสบความสำเร็จด้วยการใช้นักแสดงเพียง 4 คนเล่นในบ้านหลังเดียว The Piano Lesson ก็มาในแบบเดียวกัน โดยใช้ตัวละครหลักเพียงแค่ 3 คน เป็นคนในตระกูลชาร์ลส์ สมทบอีก 3 คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และก็อยู่ในบ้านหลังเดียวแทบตลอดทั้งเรื่องเหมือนกันอีกครับ
หลังเล่าเรื่องง่ายๆ เริ่มด้วยการกลับมาบ้านของน้องชาย บอย วิลลี่ (แสดงโดย John David Washington) เพื่อมาเปียโนเก่าแก่ของตระกูลไปขายหาเงินซื้อที่ดินมาเป็นของตัวเอง แต่ติดที่พี่สาว เบอร์นีช (แสดงโดย Danielle Deadwyler) ไม่ขาย ในขณะที่คุณอา โด๊กเกอร์ (แสดงโดย Samuel L. Jackson) คอยห้ามไม่ให้ทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันตลอดเวลา ซึ่งเรื่องราวความเป็นมาของตระกูลนี้กับเปียโนและผลกระทบจากการที่พี่น้องต้องแตกคอกัน ก็คือพ้อยท์หลักที่หนังต้องการเล่า โดยมีตัวละครอื่นๆ เสริมเข้ามาในเรื่องราวการทะเลาะกันของสองคนนี้ครับ
ด้วยความที่เป็นบทละครเวทีมาก่อน ฉากจึงมักถูกจำกัดไว้ให้แคบที่สุด แล้วไปเน้นดราม่าการบอกเล่าเรื่องราวด้วยบทสนทนาล้วน ซึ่งหนังก็ฉายภาพเหตุการณ์ต่างๆ ของครอบครัวนี้ผ่านบทสนทนาทำให้คนดูเข้าใจได้ทั้งหมด มีความดุเดือดจากการโต้เถียงขุดคุ้ยอดีตของกันและกัน ซึ่งทำให้ผู้ชมก็จะได้ค่อยๆ รู้เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแค่ช่วงแทรกบางฉากเท่านั้นที่หนังยอมใช้ภาพบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีตบางส่วนให้เด่นชัดขึ้นเพื่อให้เห็นประเด็นสำคัญในเรื่อง ซึ่งนั่นก็คือเปียโนไม้นี้มีความสำคัญยังไงกับตระกูลนี้ ซึ่งกว่าจะเฉลยออกมาก็กลางเรื่องไปแล้ว ก่อนที่ช่วงหลังคือการค่อยๆ คลี่คลายความขัดแย้ง ผ่านเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่หนังต้องการสื่อถึงจิตวิญญาณคนดำที่ถูกเกณฑ์มาเป็นทาสในอเมริกาแล้วเปลี่ยนมานับถือคริสต์ ซึ่งส่วนนี้ผู้ชมที่ดูแค่หนังอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไม แนะนำว่าให้ไปดูส่วนของเบื้องหลังการพูดคุยกับทีมงานนักแสดงในเรื่องนี้เพิ่ม แต่ถ้าไม่ดูก็จะจบแบบมีงงนิดๆ ว่าต้องการสื่อถึงอะไร ซึ่งผู้สร้างต้องการให้ผู้ชมตีความเองตามประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรเพราะแม้แต่นักแสดงมาคุยกันตอนหลังยังมีความรู้สึกนึกคิดไม่ตรงกัน จนมีบางฉากที่อยากถ่ายเพิ่มไปด้วยซ้ำครับ
นอกจากบทสนทนาที่โดดเด่นแล้ว ตัวนักแสดงในเรื่องนี้ก็เรียกว่าคัดยอดฝีมือกันมาเลย ซึ่งเด่นๆ ก็คือ John David Washington ที่พึ่งเล่นเป็นพระเอกเรื่อง The Cretor จบไป ในเรื่องนี้เปลี่ยนลุคของเขาจากทหารให้มาเป็นคนดำบ้านๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรมาก เป็นหัวขโมยตั้งแต่เด็ก แต่โตมาก็อยากสร้างอะไรของตัวเองไว้จึงคิดมาเอาเปียโนไป โดยเขาก็เชื่อว่าตัวเองมีสิทธิ์เท่ากับพี่สาว ซึ่งมีนิสัยตรงข้ามกับเขาทุกอย่างและต้องตกอยู่ในภาวะม่ายเนื้อหอม แต่เธอไม่คิดจะแต่งงานใหม่ Danielle Deadwyler เล่นเป็นคนที่ยึดถือธรรมเนียมทุกอย่างของตระกูลไว้ไม่ยอมปล่อยตัวเองไปสู่อนาคตที่รออยู่เลย ซึ่ง Samuel L. Jackson ก็มาเล่นเป็นอาที่ไม่ได้สนใจเปียโน แต่ต้องมาคอยห้ามไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ตลอด และก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับปัญหานี้ แต่ก็เข้าข้างใครไม่ได้ ซึ่งเขาเล่นบทนี้ได้ดีตีแตกมาก แม้จะไม่ใช่ตัวหลักจริงๆ แต่ก็มีความลึกถึงปัญหาของตระกูลนี้โดยตรงตั้งแต่จุดกำเนิดเปียโนนี้ขึ้นมาครับ
สรุป หนังจากบทละครเวทีรางวัลพูลิตเซอร์ที่เล่นกันอยู่ในบ้านหลังเดียวแทบทั้งเรื่องกับตัวละครหลัก 3 คน โดยทั้งเรื่องมีแค่บทสนทนาโต้เถียงระหว่างพี่น้องเพื่อแย่งมรดกเปียโนไม้ของตระกูล แต่หนังก็ใช้บทสทนานี้บอกเล่าเรื่องราวของตระกูลคนดำได้ลึกละเอียดตั้งแต่ยุคทาสมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านปัญหา สังคม ศาสนา สถานะเพศ ได้ดีเลย ข้อเสียก็คงมีเพียงแค่นี่เป็นหนังเฉพาะกลุ่มที่ต้องชอบแนวละครเวทีใช้บทสนทนาขับเคลื่อนล้วนๆ กับประเด็นคนดำที่ค่อนข้างลึกและต้องตีความเองเพิ่มด้วยระหว่างที่ดู ซึ่งก็อาจจะทำให้ผู้ชมไทยเข้าถึงได้ยากสักหน่อยครับ (แต่เน็ตฟลิกซ์ก็มีส่วนเสริมเป็นบทสนทนานักแสดงกับทีมงานช่วยทำให้เข้าใจเพิ่มได้)