playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Sons of Sam: A Descent Into Darkness ทฤษฎีสมคบคิดลัทธิซาตานกับฆาตกรต่อเนื่องซันออฟแซม

The Sons of Sam: A Descent Into Darkness

สรุป

สารคดีที่รวมเอาเรื่องการตามล่า “ซันออฟแซม” ฆาตกรต่อเนื่องที่ดังที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา เข้ากับเรื่องของนักข่าว มอรี่ เทอร์รี่ ที่ไม่เชื่อว่ามีฆาตกรคนเดียว แต่เป็นลัทธิซาตานขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งสารคดีถ่ายทอดความหมกมุ่นของเขาจนวาระสุดท้าย เพื่อให้ตัดสินกันเอาเองว่าทฤษฏีสมคบคิดของ มอรี่ เทอร์รี่ ที่ดำเนินมาทั้งชีวิตเป็นเรื่องจริงหรือแค่เรื่องในหัวของคนบ้าหมกหมุ่นอย่างเขาเท่านั้น ซึ่งเรื่องมีปมช็อคเล็กๆ ตอนท้ายให้คนดูได้เซอร์ไพรส์ด้วย และก็เป็นส่วนดีสุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ตอนแรกเรื่องการตามล่าซันออฟแซมถ่ายทอดออกมาได้สนุก ตื่นเต้น และมีรายละเอียดผลกระทบของเหตุการณ์ให้เราได้รับรู้มากกว่าที่คิด
  • ความบ้าสืบคดีของ มอรี่ เทอร์รี่ ที่เกินขีดคนปกติจนต้องสงสัยว่าเขาบ้าจริงๆ ด้วยหรือไม่
  • การตัดต่อ ดนตรีประกอบสร้างอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องได้ดี
  • มีฉากสัมภาษณ์ซันออฟแซมตัวจริงที่หาดูได้ยาก

Cons

  • ตัวเรื่องตอน 2-4 ส่วนของมอรี่สร้างทฤษฏีสมคบคิดแบบชี้นำจนคนดูอึดอัด และไม่เชื่อว่าเป็นไปตามนั้นจริง (แต่จริงๆ เป็นความตั้งใจของผู้สร้างเองให้คนดูรู้สึกแบบนี้)
  • ช่วงตอน 2-4 มีช่วงวกวนกับเรื่องเดิมหลายครั้งแบบยืดๆ (แนะนำกดข้ามได้ไม่กระทบเนื้อหาหลัก)
  • การให้สัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องบางคำถามดูไม่น่าสนใจพอ

The Sons of Sam: A Descent Into Darkness สารคดี Netflix เจาะลึกเรื่องราวของผู้เขียนหนังสือนำเสนอทฤษฎีสืบสวนสมคบคิดของฆาตกรต่อเนื่อง “ซันออฟแซม” ซึ่งส่งผลกระทบกลายมาเป็นผลร้ายกับเขาเองจนสิ้นชีวิต

 The Sons of Sam: A Descent into Darkness (2021) on IMDb

ตัวอย่าง The Sons of Sam: A Descent Into Darkness

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าสารคดีเรื่องนี้ไม่ใช่สารคดีตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง ซันออฟแซม โดยตรง แต่เป็นเรื่องราวอีกด้านของคดีนี้จาก มอรี่ เทอร์รี่ นักเขียนของบริษัทคอมพิวเตอร์ IBM  ที่ยอมอุทิศชีวิตตัวเองหันมาเป็นนักข่าวสืบคดีนี้ทั้งชีวิต และก็เขียนหนังสือ The Ultimate Evil: The Search for the Sons of Sam นำเสนอทฤษฎีโยงใยลัทธิซาตานเข้ากับคดีซันออฟแซม เพื่อกดดันให้ตำรวจนิวยอร์คเปิดคดีนี้กลับมาอีกครั้ง เพราะเขาเชื่อว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดในการวางแผนฆ่าคนครั้งนี้ 

สารคดีมีทั้งหมด 4 ตอน ตอนละหนึ่งชั่วโมง ตอนแรกเป็นการเล่าที่มาของคดีซันออฟแซม ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์คช่วงตกต่ำในปี 1976 เมืองเต็มไปด้วยคดีอาชญากรรมหลายแบบ จนล้นมือตำรวจ แถมทางผู้ว่ายังมีแผนปลดตำรวจนิวยอร์คให้น้อยลงอีกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายหลังรายได้จัดเก็บไม่พอ ซึ่งในช่วงตกต่ำนี้มีคดีมือปืนยิงผู้หญิงในรถตายแบบปริศนา หาแรงจูงใจจับใครไม่ได้ แต่ด้วยสภาพเมืองตอนนั้นทำให้คดีนี้ถูกมองข้ามไป จนเกิดเหตุต่อมาอีกหลายครั้งในรูปแบบเดียวกันทั้งหมดคือ คู่รักถูกยิงตายในรถด้วยกระสุนปืนขนาด.44 จนเป็นฉายาตอนแรกที่ตำรวจกับสื่อใช้เรียก .44 Caliber Killer ก่อนที่ฆาตกรจะส่งจดหมายมาถึงตำรวจที่ทำคดีในรูปแบบเยาะเย้ย พร้อมเรียกตัวเองว่าซันออฟแซม จนกลายเป็นเบาะแสให้ตำรวจตามจับตัว เดวิด เบอร์โควิต ได้โดยบังเอิญ แต่ก็ใช้เวลาถึงปีกว่า โดยเขารับสารภาพตอนถูกจับกุมเลยว่าตัวเองคือซันออฟแซม พร้อมปิดคดีจบในตอน

ความดังของซันออฟแซมมาจากสื่ออย่างนิวยอร์คโพสต์ตามเล่นข่าวถึงขนาดซื้อภาพแซมหลับจากเจ้าหน้าที่ในคุก จนเกิดเป็นคดีละเมิดสิทธิส่วนตัวร้ายแรงเพิ่มมาอีก

สารคดีตอนแรกเป็นแนวตามล่าอาชญากรรมที่เล่าเรื่องสนุก น่าติดตาม งานตัดต่อทุกอย่างลงตัว แต่เรื่องของซันออฟแซมได้จบลงในตอนแรกเกือบทั้งหมด ก่อนจะขึ้นตอน 2-4 เป็นเรื่องของ มอรี่ เทอร์รี่ ซึ่งกลายเป็นอีกแนวต่างออกไปเลย โดยเรื่องเล่าจากจุดที่ เดวิด เบอร์โควิต ถูกจับ และมอรี่ไม่เชื่อว่าเขาลงมือทำเพียงคนเดียว จากหลักฐานอย่างภาพสเก็ตที่ตำรวจนำมาเผยแพร่ในแต่ละครั้งไม่ตรงกัน และไม่เหมือน เดวิด เบอร์โควิต เลย ทำให้เขาลงมือสืบจนเชื่อมโยง เดวิด เบอร์โควิต เข้ากับเพื่อนบ้านละแวกเดียวกันที่หน้าตาเหมือนในภาพสเก็ต และยังมีพ่อชื่อแซม ต่างจาก เดวิด เบอร์โควิต ที่อ้างว่าหมาเพื่อนบ้านที่แซมเป็นคนสั่งให้เขายิง ทำให้มอรี่ปะติดปะต่อหาตัวจริงและผู้สมรู้ร่วมคิดขยายวงไปเรื่อยๆ จากคดีในนิวยอร์คไปสู่ลัทธิเกิดใหม่ในช่วงนั้น ในเรื่องอ้างอิงการเกิดใหม่แตกแขนงจากลัทธิไซเอน โทโลจี้ ที่เป็นต้นตำหรับ ซึ่งรวมๆ ก็คือช่วงที่อเมริกามีปัญหาลัทธิบูชาซาตานเกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ และลัทธิเหล่ามีเป้าหมายไปสู่วันพิพากษาโลก หรือวันล้างโลก โดยพยายามทำให้เกิดภาวะเคออสในสังคมให้มากที่สุด ซึ่งมอรี่ตามติดหลายคดีจากลัทธิอื่นๆ ที่ล้วนตายแบบปริศนา และยังปิดไม่ลง โดยตัวละครเหล่านี้มีส่วนโยงใยกลับมาถึงอาชญากรรมซันออฟแซมในทางใดทางหนึ่งเสมอ ยิ่งทำให้มอรี่หมกหมุ่นพยายามไขคดีที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ในความคิดของเขา พร้อมนำเสนอต่อสาธารณะชนในรูปของหนังสือ The Ultimate Evil เพื่อกดดันหาทางทำให้ตำรวจกลับมาเปิดคดีนี้ขึ้นอีกครั้ง 

มอรี่ เทอร์รี่
มอรี่ เทอร์รี่

สารคดีช่วงของมอรี่ถูกเล่าพร้อมหลักฐานในรูปแบบทฤษฏีสมคบคิดล้วนๆ ซึ่งดูคล้อยตามได้ มีความน่าเชื่อถือเกินครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจริงทั้งหมด พร้อมกับเสียงประกอบมอรี่เหมือนมีชีวิตและคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนั้นๆ โดยเป็นเสียงจากนักพาย์ที่ใส่มาเพิ่มเองจากทีมผู้สร้าง เพราะมอรี่เองตายไปนานแล้ว ซึ่งเรื่องก็ไม่ได้แจ้งไว้ให้ชัดเจนด้วย จนอาจจะคิดว่าเป็นเสียงกับฟุตเทจที่บันทึกไว้ของจริง ซึ่งช่วงนี้ตัวเรื่องถูกทำให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งไปตลอด และเมื่อดูไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่ามอรี่พยายามชี้นำความเชื่อของตนเองมากไป แม้จะมีฟุตเทจการให้สัมภาษณ์ของ เดวิด เบอร์โควิต กับเขาหลังผ่านไป 16 ปี โดยที่ไม่เคยมีการปริปากให้สัมภาษณ์มาก่อน นอกจากจดหมายที่ส่งมาหาตัวมอรี่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเทปการสัมภาษณ์นั้นมอรี่ก็พูดนำตลอดตามทฤษฏีของเขา ซึ่งเดวิด เบอร์โควิตเองก็ตอบว่าใช่ และยอมรับว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดหลายคน แต่ก็ไม่ยอมให้ชื่อใครเพิ่มเติมจากคนที่ตายปริศนาตามที่มอรี่สืบมา กลับกลายเป็นว่าช่วงนี้ตัวสารคดีเองทำให้คนดูไม่เชื่อ หรือเชื่อไม่ลงเลยก็ว่าได้ แต่ต้องบอกว่านี่เป็นความตั้งใจของตัวสารคดีนี้เอง ที่เล่าถึงความหมกหมุ่นของ มอรี่ เทอร์รี่ กับคดีซันออฟแซมจนวาระสุดท้าย ที่อาจจะกลายเป็นคดีในหัวของเขาเองที่สร้างมันขึ้นมา 

มีฟุตเทจการสัมภาษณ์เดวิดตัวจริงให้ดู ซึ่งกลายมาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยมากหลังเปลี่ยนมานับถือคริสต์

แม้เรื่องจะไม่เฉลยหรือเคลียร์ว่าทฤษฎีของมอรี่เป็นจริงหรือไม่ เพราะตำรวจเองก็ไม่ยอมเปิดคดีนี้กลับมาตามหลักฐานของมอรี่ แต่สุดท้ายหลังมอรี่ตายลงกลับมีเคสหนึ่งเป็นไคลแม็กซ์ของสารคดีเรื่องนี้ให้คนดูได้ขบคิดกันต่อ ซึ่งนี่คือจุดดีที่สุดของเรื่องช่วงของมอรี่ และคดีนี้เองที่น่าจะเป็นการสืบทอดต่อไปยังทีมเพื่อนๆ ของมอรี่ที่ตามสืบสานอุดมการณ์นี้ต่อไปครับ

มอรี่กับที่เกิดคดีบูชายัญหมาเยอรมันเชพเพิร์ดกับสัญลักษณ์ซาตาน ซึ่งเขาเชื่อว่าเกี่ยวโยงไปถึงหมาที่เดวิดอ้างว่าเป็นคนสั่งให้เขาฆ่า
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!