playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Wheel of Time SS2 ซีรีส์แฟนตาซีมวยรองที่กลายมาเป็นเรือธงของ Prime แทน The Rings of Power!

The Wheel of Time SS2

Summary

สรุปเป็นซีรีส์แอ็กชั่นแฟนตาซีของ Prime ที่ก้าวกระโดดจากซีซั่น 1 มาอย่างมาก ทั้งทุนสร้างที่มากกว่า ทำให้งานโปรดักชั่น CG ดูดีขึ้นมาก บทการดำเนินเรื่องที่ค่อยๆ ไต่ระดับเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปิดตัวร้ายใหม่หลายตัวเป็นช่วงๆ โดยที่เนื้อเรื่องทั้งฝั่งตัวเอกกับฝั่งตัวร้ายก็มีความสมดุลย์ทั้งเวลาการให้เรื่องราว ปูมหลัง แรงจูงใจ ทุกตัวละครในซีซั่นนี้เป็นสีเทา มีทั้งผิดกับถูกในตัวเองทุกคน เป็นซีซั่นที่เน้นการเดินทางเพื่อเปลี่ยนผ่านจิตใจของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีมาก ขนาดที่ว่าผู้ชมเลือกเชียร์ได้แม้ว่าจะเป็นฝั่งตัวร้าย หรือเกลียดฝั่งตัวดีได้ด้วยเช่นกัน นี่คือผลงานแฟนตาซีของ Prime ที่ดีมากจนเหนือกว่าเรือธงอย่าง The Rings of Power ไปแล้วครับ 

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • บทดีกว่าซีซั่น 1 มาก เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิด
  • แสดงให้เห็นอีกด้านของฝั่งตัวร้ายและตัวเอก
  • ทุนสร้างสูงขึ้น งานโปรดักชั่น CG ออกมาดีมาก
  • มีพากษ์ไทย

Cons

  • 2 ตอนแรกเริ่มเรื่องช้า และไม่ค่อยน่าสนใจ

The Wheel of Time SS2 ซีรีส์แอ็กชั่นแฟนตาซีทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญสหรัฐในซีซั่นแรก ที่แม้จะไม่ดังเท่า The Rings of Power ที่ทุนสูงกว่าถึง 465 ล้านเหรียญสหรัฐ มีปัญหาเรื่อง CG ช่วงหลังๆ ที่หลุดเยอะ แต่ด้วยพื้นฐานจากนิยายดังเก่าแก่ที่มีมานานทำให้มีพื้นฐานบทที่ดีกว่า ทำให้มีผู้ชมจำนวนมากติดตาม แม้จะมีเรื่องเสียงแตกจากแฟนๆ นิยายอยู่บ้างตามประสาการดัดแปลง แต่ก็น้อยกว่า The Rings of Power มาก ทำให้ Amazon Prime คงเห็นจุดนี้จึงเพิ่มทุนอัพเกรดให้ซีซั่น 2 มีความอลังการมากกว่าเดิม และอุดจุดอ่อนเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น

รีวิว The Wheel of Time SS2 (ไม่มีสปอยล์)

 ซีซั่นนี้คือการเล่าเรื่องการผจญภัยของตัวละครหลักทั้ง 5 แยกจากกัน ทุกคนมีเส้นเรื่องของตัวเองแตกต่างจากภาคแรก และอยู่กันคนละสถานที่ แม้จะมีบางคนอย่าง Egwene กับ Nynaeve สองสาวที่เข้าไปฝึกพลังในหอคอยขาวช่วงแรก แต่ช่วงกลางเรื่องก็จะแยกกันออกมาเป็นเรื่องการปลุกพลังของทั้งคู่ที่แตกต่างกัน โดยตัวละครที่เหลือ Perrin Mat และ Rand ที่เป็นมังกรจุติ ต่างก็มีเส้นเรื่องเพื่อสำรวจหาพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ชาย ซึ่งตามตำนานของหอคอยขาวเล่าว่าถ้าผู้ชายมีพลังจะวิปลาส ซีซั่นนี้จะทำให้ผู้ชมได้เห็นอีกด้านที่แตกต่าง และตั้งคำถามกับความเชื่อในตำนานนั้นว่าเป็นจริงหรือไม่ พร้อมทั้งมีคำตอบให้ในตอนท้ายสุดของเรื่องที่ทำได้น่าประทับใจมาก 

เนื้อเรื่องยังเน้นไปที่การเปิดตัวร้ายมากมายหลายตัว โดยตัวหลักคือ Ishamael 1 ใน 5 ข้ารับใช้เจ้าแห่งความมืด ซึ่งกำลังไปปลุกคนอื่นให้ตื่นขึ้นมาในยุคนี้อีกครั้ง โดยมีตัวละครใหม่ฝั่งตัวร้ายที่มีพลังเหนือกว่าที่มีในภาคแรกอีกหลายคน ซึ่งบางคนก็เป็นตัวละครที่ปรากฎตัวในซีซั่น 1 หรือเป็นแค่เรื่องเล่าสั้นๆ ในซีซั่นนี้ผู้ชมจะได้เห็นทั้งหมดว่าใครกัน ซึ่งจุดนี้ซีรีส์ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากกับการค่อยๆ เผยตัวร้ายระดับสูงออกมาทีละคนในแต่ละตอน และยังทำให้เห็นความคิด เกมการเมือง การวางแผนทรยศกันเองของฝ่ายตัวร้ายที่มีเป้าหมายแตกต่างกันอีกด้วย โดยตัวร้ายทุกตัวแม้จะโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ก็มีเหตุผลในการทำสิ่งนั้นลงไปทุกคน ซึ่งแม้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือถูกต้องในมุมคนทั่วไป แต่ก็มีความหมายมากที่สุดกับพวกเขา ซึ่งซีรีส์สะท้อนมุมสีเทาของตัวละครฝ่ายร้ายได้ดีมาก ซีซั่นนี้ไม่มีตัวร้ายแบบชั่วหมดจรด เช่นเดียวกับกลุ่มตัวเอกในปัจจุบันที่กำลังโดนบททดสอบความดีความชั่วในตัวเองเช่นกัน

ส่วนตัวเอกฝ่ายอายเซไดอย่าง Moiraine จะถูกตัดพลังไปตั้งแต่แรก กลายเป็นตัวละครที่ไม่มีพลังแต่ยังมีอำนาจช่วยเหลือทีมตัวเอกอยู่ในแบบลับๆ ทำให้เข้าใจได้ยาก และเปลี่ยนเป็นตัวละครที่ปลดปล่อยอารมณ์ร้ายๆ ออกมาเต็มที่กับทุกคน ซึ่งเนื้อเรื่องพยายามสร้างความกังขาให้ผู้ชมตลอดเวลาว่าเธอกำลังทำอะไร และพลังของเธอจะกลับมาได้หรือไม่ หรือเธอเป็นบ้าไปแล้วแบบ Logain ที่ยังมีเนื้อเรื่องกล่าวถึงอยู่บางส่วน ซึ่งการออกมาของเขาก็เล่นได้ดีมากในบทเล็กๆ แต่สำคัญกับเรื่องราวของ Moiraine โดยตรงอีกด้วย

นอกจาก 2 ตอนแรกที่ใช้เวลาปูเรื่องใหม่ค่อนข้างนานและวางบทให้ดูธรรมดา แต่พอผ่านไปตอน 3 ซีรีส์ดำเนินเรื่องได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัดจากการพลิกหักมุมเรื่องราวตลอดทุกตอน และองค์ประกอบต่างๆ กับ CG ในเรื่องก็อลังการมากขึ้น โดยเฉพาะตอน 8 ที่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงไปกับการสู้รบในเมืองสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ต่อเนื่องตลอดทั้งตอน ไม่ใช่การโชว์แค่ตอนท้ายๆ เรื่องแบบทั่วไป  ประกอบกับบทที่ใช้เวลาค่อยๆ ไต่ระดับให้ทุกตัวละครมารวมกันที่ตอน 8 ได้อย่างสุดยอดมาก เนื้อเรื่องมีทิ้งท้ายต่อซีซั่น 3 ได้แบบน่าติดตาม นี่คือผลงานแฟนตาซีของ Prime ที่ดีมากจนเหนือกว่า The Rings of Power ทั้งซีซั่นเลยก็ว่าได้ 

สรุปเป็นซีรีส์แอ็กชั่นแฟนตาซีของ Prime ที่ก้าวกระโดดจากซีซั่น 1 มาอย่างมาก ทั้งทุนสร้างที่มากกว่า ทำให้งานโปรดักชั่น CG ดูดีขึ้นมาก บทการดำเนินเรื่องที่ค่อยๆ ไต่ระดับเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปิดตัวร้ายใหม่หลายตัวเป็นช่วงๆ โดยที่เนื้อเรื่องทั้งฝั่งตัวเอกกับฝั่งตัวร้ายก็มีความสมดุลย์ทั้งเวลาการให้เรื่องราว ปูมหลัง แรงจูงใจ ทุกตัวละครในซีซั่นนี้เป็นสีเทา มีทั้งผิดกับถูกในตัวเองทุกคน เป็นซีซั่นที่เน้นการเดินทางเพื่อเปลี่ยนผ่านจิตใจของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีมาก ขนาดที่ว่าผู้ชมเลือกเชียร์ได้แม้ว่าจะเป็นฝั่งตัวร้าย หรือเกลียดฝั่งตัวดีได้ด้วยเช่นกัน นี่คือผลงานแฟนตาซีของ Prime ที่ดีมากจนเหนือกว่าเรือธงอย่าง The Rings of Power ไปแล้วครับ 

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!