playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ The Woods (พราง) คนหายในป่า กลับมาเป็นฆาตกร??? (ไม่มีสปอยล์)

The Woods (พราง)

สรุป

ตัวเรื่องสั้น ตอนละ 50 นาที มีแค่ 6 ตอนจบเท่านั้น แต่การเล่าเรื่องหลายจุดทั้งในอดีตกับปัจจุบันยังยืดเยื้อไม่กระชับเท่าที่ควร เรื่องออกแนวดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้เน้นให้ลุ้นว่าใครเป็นฆาตกร แม้คนดูอาจจะสงสัยตัวละครหลายตัว แต่ก็ไม่มีทางคิดออกว่าเรื่องจริงเป็นยังไงจนกว่าเฉลย ตามสไตล์ ฮาร์ลาน โคเบน ที่ผูกเรื่องไว้ยุ่งเหยิงกว่าคดีเปิดเรื่องเสมอ แต่เมื่อถึงตอนเฉลยก็ไม่ถึงกับเซอไพรส์อะไรนัก เพราะสไตล์ของ ฮาร์ลาน โคเบน มักจะจบลงด้วยดราม่ารันทดๆ มากกว่าเป็นฉากลุ้นไล่ล่าฆาตกรอะไรแบบนั้น แต่ก็เป็นฉากจบที่ดีพอสมกับที่ดูมาทั้งเรื่องครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • ทำจากนิยายของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่ขึ้นชื่อพล็อตคนหายแบบประหลาดๆ ทุกครั้ง
  • เล่าเรื่องสืบสวนสองยุคไปพร้อมกัน
  • ดารานักแสดงช่วงวัยรุ่นย้อนยุคหน้าตาดี
  • พล็อตซับซ้อนผูกปมไว้เยอะจนคาดเดาไม่ได้

Cons

  • ตัวเรื่องมีแค่ 6 ตอน แต่ก็ยังมีช่วงเนือยๆ ไม่กระชับเท่าที่ควร
  • ซับพล็อตของตัวเอกในปัจจุบันใส่มาเป็นส่วนเกินจากที่คนดูต้องการ
  • มีบางจุดไม่เคลียร์นิดๆ ไม่เหมือนเรื่องก่อนๆ ของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่เคลียร์กระจ่างหมด
  • หลายตัวละครชื่อค่อนข้างยาวจำยากเพราะเป็นภาษาโปแลนด์

 

The Woods (ชื่อไทย พราง) ซีรีส์ Original Netflix จากประเทศโปแลนด์ ทำจากนิยายของ “ฮาร์ลาน โคเบน” เมื่อปี 2007 เรื่องราวคดีฆาตกรรมกับคนหายในป่า ที่ผ่านมาแล้ว 25 ปีก็ยังไม่คลี่คลาย

 The Woods (2020) on IMDb

ตัวอย่าง The Woods (พราง)

บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาความลับสำคัญของเรื่อง

ฮาร์ลาน โคเบน  เป็นนักเขียนซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพล็อตคนหาย ผลงานก่อนนี้ของเขาใน Netflix ก็มีซีรีส์เรื่อง SAFE ว่าด้วยเรื่องพ่อที่ต้องตามหาลูกสาวที่หายตัวไป และต่อมาด้วย The Stranger แฉ เรื่องราวการเปิดโปงความลับเป็นทอดๆ ซึ่งชื่อไทยสั้นๆ ของนิยายของเขาจะเป็นแบบนี้หมด สำหรับเรื่องนี้ชื่อไทย “พราง” ก็เข้ากับตัวธีมของเรื่องดี ว่าด้วยคดีลึกลับเมื่อ 25 ปีก่อน เมื่อกลุ่มวัยรุ่น 4 คนในแคมป์ฤดูร้อนของโรงเรียนแห่งหนึ่งหายตัวไปในป่า ก่อนที่จะพบ 2 ศพถูกฆาตกรรมโหด และมีอีกชายหญิงอีกสองคนที่หายตัวไป แต่เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน “ปาเวล” พี่ชายของเหยื่อที่น้องสาวหายตัวไปกลับต้องพบกับคดีฆาตกรรมปริศนาที่มีส่วนโยงใยกลับมาหาตัวเขาในอดีต และกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้

ตัวเรื่อง The Woods จะแปลกกว่าผลงานที่ผ่านมาของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่มักเล่าเรื่องทันสมัยในยุคปัจจุบัน แต่เรื่องนี้เล่าเรื่องสองยุคไปพร้อมกัน โดยฉากย้อนอดีตปี 1994 จะค่อยๆ เล่าเรื่องราวตั้งแต่แรกก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ไปจนถึงช่วงหลังจากนั้นว่าคดีนี้ในอดีตจบลงได้อย่างไร และปาเวลเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตมากแค่ไหน โดยใช้มีกลุ่มนักแสดง 2 ชุดเล่นในบทเดียวกันทั้งอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งเรื่องในอดีตช่วงวัยรุ่นก็จะเป็นแนวเรื่องราวความรักในกลุ่มเพื่อนกับปัญหาครอบครัวของแต่ละคนมาเกี่ยวข้อง ตัวเรื่องจะให้เวลาในช่วงอดีตมากพอๆ กับช่วงปัจจุบัน และมาด้วยโทนภาพสีอมเหลืองให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าตอนนี้คือเรื่องเล่าในยุคก่อนตัดมาภาพโทนสีปกติในยุคปัจจุบัน ซี่งซีรีส์ก็จำลองหลายสิ่งหลายอย่างในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี ทั้งกล้องถ่ายรูปแบบล้างฟิล์มขาวดำที่ถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานที่ตกค้างมาถึงปัจจุบัน และเรื่องราวการสืบสวนในอดีตก็จะตกเป็นหน้าที่ของตำรวจนักสืบในยุคนั้น พร้อมกับตัวปาเวลเองที่ตามสืบคดีนี้เพื่อไขปริศนาการหายไปของน้องสาว รวมถึงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเพราะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ด้วยเช่นกัน แม้เราจะรู้ว่าเขารอดมาได้จากเรื่องเล่าในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องเล่าในอดีตก็อาจจะไม่ได้เป็นจริงเสมอไป… ซึ่งทำได้ลึกลับน่าติดตามมากกว่าเรื่องในปัจจุบันซะอีก

ตัวเอกจะถูกตำรวจทั้งสองยุควางไว้เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมเหมือนกัน

ส่วนในยุคปัจจุบันปาเวลทำงานเป็นอัยการในเมืองหนึ่งที่ห่างไกลจากบ้านเกิดมาก ด้วยความที่เขาต้องการหนีจากอดีตที่เลวร้ายออกมา แต่กลับต้องมาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมชายปริศนา ที่ในตัวของชายคนนี้มีหลักฐานสำคัญโยงกลับมาหาเขา และดูเหมือนจะชี้นำให้ตำรวจเชื่อว่าปาเวลอาจจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์จากคดีในอดีต ซึ่งตัวเรื่องให้เขาต้องตามรอยว่าใครที่เป็นฆาตกรตัวจริง และรู้เรื่องในอดีตที่ยังถูกปกปิดไว้ ซึ่งตรงนี้ทำให้ส่วนความลับในอดีตค่อยๆ เผยออกมาจากการสืบในปัจจุบัน นอกจากนี้เรื่องยังผูกเขาเข้ากับคดีดังเรื่องของลูกผู้มีอิทธิพลข่มขืนสาววัยรุ่นที่กำลังตึงมืออยู่ ซึ่งตัวเรื่องก็ให้ความสำคัญคู่กันไปกับการสืบคดีส่วนตัว และกลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตเขามากพอๆ กับการตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมเช่นเดียวกัน

ตัวเอกคู่รักในอดีตกลับมาเจอกันอีกครั้ง

ตัวเรื่องในปัจจุบันค่อนข้างซับซ้อนวุ่นวายกว่าในอดีตที่ถูกเล่าแบบเส้นตรงไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ซีรีส์พยายามใส่ปม 2 คดีเข้ามาในชีวิตของปาเวลก็เรียกว่ายุ่งเหยิงมากพอแล้ว ยังเติมเรื่องราวความรักกับแฟนเก่าที่กลับมาพบกันอีกครั้งจากการที่เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในครั้งนี้เข้าไปอีก ทำให้เวลาตัดกลับที่ยุคปัจจุบันอาจจะมีงงนิดๆ ทุกครั้งว่าตอนนี้ ตัวเอกกำลังอยู่ในปมปัญหาไหน และกำลังจะทำอะไร เพราะชีวิตค่อนข้างวุ่นวายเหลือเกิน อีกทั้งเมื่อดูจนจบเฉลยเรื่องทั้งหมดแล้ว เรื่องคดีข่มขืนสาววัยรุ่นที่เสริมเข้ามาก็ยังเป็นแค่ซัพพล็อตที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหลักของเรื่องในอดีต แม้จะมีความสำคัญกับตัวละคร แต่ก็รู้สึกว่าเป็นส่วนเกินงอกออกมาแบบไม่จำเป็น จากที่คนดูต้องการติดตามว่า คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นในป่า? คนที่หายไปตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่? และอาจจะเป็นคนร้ายตัวจริงในคดีปัจจุบันด้วยหรือเปล่า? ซึ่งคำถามพวกนี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตาม และก็ทำได้ดีเลยทีเดียว ไม่ทิ้งสไตล์แนวทาง ฮาร์ลาน โคเบน ที่มักเริ่มจากคดีเดียวก่อนต่อยอดขยายเป็นคดีฆาตกรรมหลายศพเรื่อยๆ และผูกทุกตัวละครในอดีตให้มีความลับซ่อนอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอกปาเวลเองก็เช่นกัน

แต่เรื่องแม้จะผูกปมต่างๆ ได้ดี แต่ก็มีบางจุดที่ไม่เคลียร์หรือรู้สึกแปลกๆ อย่างผู้ต้องหาในอดีตไม่เล่าเรื่องราวความจริงออกมาให้ตัวเองพ้นผิด หรือโยงเรื่องไปยังคนร้ายตัวจริงเลย และเรื่องเล่าในอดีตบางจุดถูกเล่าออกมาแบบให้คนดูเข้าใจชัดเจนมากกว่าให้ตัวละครในเรื่องเข้าใจเท่ากับคนดู ซึ่งก็จะมีคำถามเกิดขึ้นมาตอนดูฉากเฉลยบางช่วงว่า แล้วตัวละครในเรื่องรู้เรื่องนี้ละเอียดเท่ากับที่ฉายให้คนดูเห็นหรือไม่? เพราะบางเรื่องเป็นความลับส่วนตัวมากๆ แม้จะพอโยงกับตอบเคลียร์ปมได้ แต่ก็ไม่ได้ดีมากเท่าเรื่องก่อนๆ ของ ฮาร์ลาน โคเบน นักครับ (อาจจะเพราะทำออกมาแค่ 6 ตอน มีตัดเนื้อหาจากนิยายต้นฉบับไปบ้างก็ได้)

ตัวนักแสดงในอดีตค่อนข้างคัดมาหน้าตาดีทุกคน ดูเป็นหนังวัยรุ่นสืบสวนย้อนยุคก็ยังได้ ตัวเรื่องในยุคนี้มีฉากฆาตกรรมโหด โป๊ เปลือย จนติดเรต 18+ พอสมควร (ในปัจจุบันไม่มีพวกนี้เลย) ส่วนตัวละครในปัจจุบันที่เลือกมาแสดงเป็นบทตอนโตหน้าตาค่อนข้างแตกต่างกันมาก แบบไม่มีเค้าเดิมติดมาเลย แต่ก็ไม่ถึงกับติดใจในจุดนี้นัก เพราะคนดูก็คงต้องการเนื้อหาในคดีมากกว่า

ตัวเรื่องนี้ถือว่าสั้น ตอนละประมาณ 50 นาที มีแค่ 6 ตอนจบเท่านั้น แต่การเล่าเรื่องในหลายๆ จุดทั้งในอดีตกับปัจจุบันก็ยังยืดเยื้อไม่กระชับเท่าที่ควร เรื่องออกแนวดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้เน้นให้ลุ้นว่าใครเป็นฆาตกร แม้คนดูอาจจะสงสัยตัวละครหลายตัว แต่ก็ไม่มีทางคิดออกว่าเรื่องจริงเป็นยังไงจนกว่าเฉลย เพราะสไตล์ ฮาร์ลาน โคเบน ที่ผูกเรื่องไว้ยุ่งเหยิงกว่าคดีเปิดเรื่องเสมอ แต่เมื่อถึงตอนเฉลยก็ไม่ถึงกับเซอไพรส์อะไรนัก เพราะสไตล์ของ ฮาร์ลาน โคเบน มักจะจบลงด้วยดราม่ารันทดๆ มากกว่าเป็นฉากลุ้นไล่ล่าฆาตกรอะไรแบบนั้น (ซึ่งไม่มีในเรื่องนี้และในเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นกันครับ) แต่ก็เป็นฉากจบที่ดีพอสมกับที่ดูมาทั้งเรื่องเช่นกันครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Original Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!