รีวิว The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์ ฉากแอ็กชั่นแข่งรถแบบไทยๆ ที่มีดีพอโชว์ได้เลย

The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์ หนัง amazon prime ‘เก้า-จิรายุ’ และ ‘วาววา-ณิชชา’ ในบทบาทสองพี่น้องกล้ากับฝันที่พร้อมสู้หลังชนฝา เพื่อท้าทายอำนาจขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การแข่งรถ และวงการต่อสู้ MMA

ตัวอย่าง  The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์

รีวิว The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์ (ไม่มีสปอยล์)

หนังไทยจากงานสร้างของค่ายเนรมิตรฟิล์ม ซึ่งในตอนแรกถูกโปรโมทว่าจะเป็นหนังโรง แต่แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นฉายลงสตรีมมิ่งบน Prime ซึ่งทำเอาหวั่นใจเหมือนกัน แต่เรื่องนี้กลับถือว่าสอบผ่านไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อหนังสั้นมากแค่ 1 ชั่ว 16 นาที (รวมเครดิต) และก็โฟกัสไปที่ฉากแอ็กชั่นทั้งการต่อสู้กับแข่งรถมารวมกันตามโจทย์ได้โอเคเลยทีเดียว

 

ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ต้องการโชว์ฉากแอ็กชั่นแข่งรถผสมอาชญากรรมแบบ Fast & Furious แบบว่าคนไทยก็ทำได้ ทำให้หนังดูทะเยอทะยานตั้งแต่แรกด้วยการโชว์ฉากการขับรถกระบะคอกบรรทุกกระหล่ำปลีมาเต็มคันรถและก็ซิ่งแข่งกัน 3 คัน โดยมีเหตุการณ์ปล้นรถตามมา ซึ่งโจทย์ฟาสแบบไทยๆ ที่ใช้รถกระบะมาซิ่งเปิดตัวนี้อ่านแล้วอาจจะตลก แต่หนังกลับทำให้มันดูเป็นฉากโชว์เปิดเรื่องสนุกและแปลกใหม่เป็นหนังแข่งรถไทยๆ ได้ตั้งแต่แรก อย่างการดริฟท์เข้าโค้งทั้งๆ ที่มีผักเต็มหลังรถ ไปจนถึงฉากรถระเบิดตูมตามที่สเกลน้องๆ ฟาสได้เลยเหมือนกัน (ระบบเสียงรอบทิศทางก็ทำได้ดีด้วย) ซึ่งฉากใหญ่แบบนี้มีให้เห็นในเรื่องอยู่ 3 ฉาก ไม่นับฉากเล็กๆ อีกนิดหน่อย ซึ่งทั้ง 3 ฉากนี้มีการออกแบบดีไซน์ดีใช้ได้เลย อย่างการดริฟท์วนรถหลายรอบสู้กับตัวร้าย ฉากสุดท้ายเป็นการซิ่งรถสปอร์ตไล่ล่าในพัทยาที่ยาวจุใจ แม้ตอนจบของฉากนี้อาจจะดูแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ก็ทำให้เห็นเลยว่าทีมงานสตันท์และทีมออกแบบฉากแข่งนี้มีของดีโชว์เป็นหน้าตาได้เลยแน่นอนครับ 

นอกจากฉากแข่งรถอาชญากรรมแล้ว หนังยังมีฉากแอ็กชั่นแนวการต่อสู้แบบ MMA ผสมมวยไทยเข้ามาอีกด้วย ซึ่งเป็นการรวมเรื่องเข้ากับแก๊งอาชญากรรมที่ใช้สังเวียน MMA ขนาดใหญ่ในพัทยาเป็นตัวดึงความสนใจตำรวจออกไป โดยมี วาววา-ณิชชา มารับบทเป็นนักสู้สาวเจ้าของค่ายมวยไทยที่ต้องมาเจอกับอดีตคู่ต่อสู้ชาวญี่ปุ่นที่เคยแพ้มวยไทยเธอไป แต่ตอนนี้เป็นแชมป์ MMA ที่แก๊งอาชญากรรมอยู่เบื้องหลัง เนื้อเรื่องจะผูกโยงเข้ากับ เก้า-จิรายุ ที่มารับบทน้องชายของเธอที่ทิ้งค่ายมวยไปจากโศกนาฎกรรมที่เขาทำผิดพลาดและไปรับหน้าที่ขับรถให้แก๊งอาชญากรรมในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ซึ่งแม้ฉาก MMA จะมีแค่ฉากเดียวในตอนท้าย แต่หนังก็ทำออกมาให้ดูแล้วตื่นเต้นสนุก มีท่ารุกรับด้วยมวยไทยผสมกับ MMA และก็ดูไม่ปลอม แค่ไม่หนักแน่นกดดันเท่าของจริงเท่านั้น แต่เอาว่าสำหรับผู้เขียนที่ตีตั๋วดู One ลุมพินีสดในสนามมาและติดตามดูมาตลอด ถือว่าให้ผ่านเลยครับ 

 

แม้หนังจะสอบผ่านในแง่แอ็กชั่นแบบตัดเกรดให้คะแนนก็ B+ ได้ แต่หนังก็มาติดปัญหาที่บทดูแปลกๆ ในบางครั้งกับการเดินเรื่องที่ไวแบบรีบมากๆ เหมือนตั้งใจประหยัดงบการถ่ายทำ ทำให้การเล่าเรื่องดูกระโดดไปเรื่อยๆ จากฉากหนึ่งผู้ชมยังไม่ทันจะเก็ทหรือเข้าใจปฏิสัมพันธ์ตัวละครมาก อย่างแก๊งตัวร้ายในเรื่องที่โผล่มาสั้นๆ แล้วก็จบไปง่ายๆ ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรจริงจังมาก หรือเนื้อเรื่องการบิ้วอารมณ์ในตอนจบที่ต้องมีตัวละครเสียสละเพื่อครอบครัวก็ทำแบบพรวดพราดตั้งใจให้ซึ้ง แต่มันขาดการปูเรื่องราวมาให้ดีพอ ซึ่งบทโดยรวมแม้มันจะไม่แย่ แต่การที่มันเล่าแบบรีบกระโดดเรื่องไปเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ทำให้หนังทั้งเรื่องถูกฉุดลงไปทันทีครับ แต่ก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะงบการผลิตไปลงกับฉากแอ็กชั่นมากสุด ทำให้ไม่มีเวลาพอในการเล่าเรื่องอะไรมากตามไปด้วย 

ในส่วนของนักแสดงโดยรวมแม้จะยังมีติดแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับดูแล้วรู้สึกติดขัดมีปัญหาจนน่าตำหนิ เก้า-จิรายุ มาในบทเด็กหนุ่มที่มีปมปัญหากับแม่ และก็ต้องหลงเข้าไปในวังวนแก๊งอาชญากรรมที่ช่วยเขาไว้ และเขาก็ทดแทนพระคุณด้วยการขับรถบ้าระห่ำรับใช้ตามสั่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีซีนมิตรภาพในแก๊งแบบเดียวกันเสริมเรื่องมานิดหน่อย แต่หนังก็ไม่ได้นำไปยกระดับให้เป็นครอบครัวแบบฟาส ส่วน วาววา-ณิชชา แสดงได้ดีและสวยเด่นในบทนักสู้สาวที่ต้องกอบกู้ธุรกิจค่ายมวยต่อจากพ่อ หนังมีฉากที่เธอฝึกในแบบนักมวยที่ดูจริงจังค่อนข้างสมจริง แม้กล้ามเธอจะไม่ได้ใหญ่แบบนักมวยจริงๆ ก็ยังถือว่าเธอสอบผ่านกับบทนี้เช่นกันครับ

 

โดยรวมเป็นหนังไทยจากค่ายเนรมิตรฟิล์มที่ผันตัวมาลงสตรีมมิ่งและทำได้ดีตามโจทย์หนังแอ็กชั่นแข่งรถอาชญากรรม เป็นเหมือน Fast & Furious แบบไทยๆ ที่ทะเยอทะยานและก็ทำได้ดีเลย (ในเงินทุนระดับนี้) รวมกับฉากการต่อสู้ที่ขาย “มวยไทย vs MMA” ได้ดีพอ ท่าทางการต่อสู้ดูไม่ปลอม  ซึ่งหนังเอาสองอย่างมารวมเข้ากับเนื้อเรื่องแก๊งอาชญากรรมได้เหมาะเจาะ ในเมืองพัทยาที่เต็มไปด้วยอาชญากรต่างชาติ แต่ว่าก็มาเสียที่บทยังไม่ลงตัวนัก และก็เล่าเรื่องกระโดดไปไวมาก ขาดการปูพื้นไล่ระดับอารมณ์ที่ดีพอ ทำให้ตอนจบดูฉาบฉวยง่ายๆ ไป แม้ไอเดียนี้จะดีก็ตามครับ  

 

---

including other English reviews