playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Uncut Gems หนังที่พูดไม่หยุดจนน่ารำคาญที่สุดของ “อดัม แซนด์เลอร์”

Uncut Gems เพชรซ่อนเหลี่ยม

สรุป

นี่เป็นหนังที่ได้รับคำชมจนเรียกว่าโอเวอร์เรต ตัวหนังแม้จะมีพล็อตที่แปลกใหม่ แต่การดำเนินเรื่องราววนเวียนซ้ำกับเรื่องเดิมๆ ทั้งเรื่อง ทำให้หนังเหมือนไม่ได้เดินเรื่องไปไหน หรือมีความแปลกใหม่อะไรอย่างที่พล็อตและหน้าหนังถูกทำให้คิดว่าเป็น แถมด้วยบทพูดของตัวละครในเรื่องที่พยายามพูดสวนตะโกนแข่งกันตลอดความยาวของหนังสองชั่วโมงกว่า ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญจนพาลเกลียดตัวละครไปด้วย แต่นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างต้องการไว้ก็ได้ เพราะบทสรุปจบสุดท้ายก็มีที่มาจากความรำคาญที่ไต่ระดับจนสุดทนนี้เช่นกัน ซึ่งยังดีที่หนังยังมีความน่าสนใจและลากเรื่องยาวน่าติดตามเพื่อดูบทสรุปจบนี้ได้อยู่ครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
4.25 (4 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • พล็อตเรื่องคนเสี่ยงโชคติดพนันหนักจนเกินเยียวยาที่แปลกใหม่อยู่
  • การรับบทแปลกใหม่แตกต่างจากเดิมของ อดัม แซนด์เลอร์
  • เดินเรื่องด้วยบทสนทนาล้วนๆ ทั้งเรื่อง
  • มุมมองการทำธุรกิจอัญมณีที่ต้องมีการเติมแต่งปั่นราคา
  • บทสรุปจบอึ้งๆ

Cons

  • บทพูดตะโกนแข่งกันไม่หยุดตลอดสองชั่วโมง
  • เสียงดนตรีประกอบหลายฉากดังแข่งกับบทพูด
  • ความไม่สมเหตุผลของจำนวนเงินที่พระเอกติดหนี้เทียบกับทรัพย์สินที่มีอยู่
  • หนังเดินเรื่องง่ายๆ เรียบๆ ไม่ได้มีการเฉือนคมอะไรแบบที่หน้าหนังทำให้คิดว่าเป็น

Uncut Gems เพชรซ่อนเหลี่ยม หนังของอดัม แซนด์เลอร์ ที่ Netflix ซื้อมาลงในระบบไม่มีฉายในโรงภาพยนตร์ในไทย เรื่องราว ฮาเวิร์ด แรตเนอร์ นักค้าอัญมณีผู้มีวาทศิลป์ชาวนิวยอร์กที่คอยมองหาโอกาสรวยลัดเสมอ ครั้งนี้เขาเสี่ยงทุ่มเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่เหลือเชื่อแต่อันตรายอย่างที่สุด

 Uncut Gems (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง Uncut Gems เพชรซ่อนเหลี่ยม

ก่อนรับชมได้ยินเสียงวิจารณ์ว่าเป็นผลงานการแสดงที่ดีที่สุดของอดัม แซนด์เลอร์ แต่หลังดูจบก็ต้องขอค้านเลยว่าเขาไม่ได้เล่นดีอะไรจากที่เคยเป็นอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ดีเสมอตัวอยู่แล้ว (ดีแบบเป็นตัวอดัมเองจนคนจำภาพนี้ได้) เพียงแต่เรื่องนี้เป็นหนังแนวดราม่าผสมอาชญากรรมซึ่งอดัมไม่เคยได้รับบทแบบนี้มาก่อนเท่านั้น ก็เลยอาจจะถูกยกสูงขึ้นเกินกว่าหนังตลกสไตล์เดิมๆ ของเขา แต่ก็ยังเล่นเป็นตัวละครที่พูดมากเน้นยิงมุกอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนโทนมาแนวพ่นคำพูดเป็นชุดกับมุกแห้งๆ เครียดๆ พร้อมกับเรื่องราวที่มีหลายองค์ประกอบชวนปวดหัวได้เหมือนกัน

คะแนน Uncut Gems
คะแนนนักวิขารณ์ชอบ แต่คะแนนคนดูเททิ้ง

หนังชื่อเรื่องเกี่ยวกับเพชรที่ยังไม่เจียรไน แถมชื่อไทย “เพชรซ่อนเหลี่ยม” ยังตั้งได้แบบชวนว้าวว่านี่คงเป็นหนังตัดเหลี่ยมเฉือนคมกันสุดๆ เรื่องย่อก็ยังออกมาในแนวให้เข้าใจว่าแบบนั้น ผสมกับตัวอย่างที่ดูเร้าระทึกกันสุดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วหนังแทบไม่มีอะไรแบบที่ว่ามานั้นเลย เรื่องราวกับบทสรุปของหนังสามารถเล่าจบได้สั้นๆ และไม่ได้มีการหักมุมเฉือนคมอะไรแบบน่าตื่นตาตื่นใจทั้งสิ้น

หนังเป็นเรื่องของ ฮาเวิร์ด แรตเนอร์ นักค้าอัญมณีที่ได้หินก้อนเพชรดิบๆ มา 1 ชิ้นจากเอธิโอเปีย โดยตั้งใจนำมาเปิดประมูล แต่แล้วเพชรดิบก้อนนี้กลับไปเตะตานักบาสมืออาชีพวัย 36 ปีที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ายังมีฝีมือและมีความเชื่อว่าหินก้อนนี้มีพลังช่วยทำให้เขาเล่นได้ดี ซึ่งฮาเวิร์ด แรตเนอร์ ที่มีหนี้ท่วมหัวกำลังเอาตัวไม่รอดเพราะเจ้าหนี้และมาเฟียตามบี้เขาอยู่ทุกวัน เขาจึงต้องหาทางปั่นราคาเพชรให้สูงที่สุดและนำเงินที่ได้มาเสี่ยงพนันครั้งใหญ่สุดในชีวิต

พล็อตเรื่องมีความแปลกใหม่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยกับตัวเอกที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่ตัวหนังเองจริงๆ กลับกลายเป็นภาพของอดัม แซนด์เลอร์ ที่รับบทยิวที่ติดการพนันบาสเก็ตบอล NBA และวันๆ ก็พยายามเอาตัวรอดหาเงินด่วนจากทางนั้นมาโป๊ะทางนี้วนไปวนมา ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากผีพนันทั่วไปที่มีเงินเท่าไหร่ก็เอาไปลงการพนันหมด แม้เจ้าหนี้จะตามมาราวีถึงที่หรือถึงขั้นซ้อมก็ยอมเจ็บตัวแต่ไม่มีตังให้ อาศัยโกหกยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เท่านั้น แถมตัวเขาก็ไม่ได้ฉลาดอะไรมากในเรื่อง ยังโดนคนหลอกหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าบทนี้มีเล่ห์เหลี่ยมตรงไหน? นอกจากโกหกยียวนเอาตัวรอดกับทนมือทนตีนนักเลงทวงหนี้ไปวันๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าใครหวังมองหาหนังเฉือนคมหักมุมอะไรแบบนี้บอกเลยไม่มีครับ

แล้วที่น่าปวดหัวมากๆ คือ หนังเต็มไปด้วยการพูดตะเบ็งเสียงแข่งกันของตัวละครแทบทุกตัวในเรื่อง ลำพังแค่ฟังอดัมพูดพ่นไม่หยุดก็ปวดหัวแล้ว ยังต้องเจอกับตัวละครผิวดำกับพวกมาเฟียที่พยายามพูดสวนซ้อนเวลาถกเถียงกับพระเอกอยู่ตลอดเรื่อง แล้วก็ไม่ได้เป็นบทสนทนาที่ฟังแล้วเฉียบคมหรือมีอะไรมากกว่าไปกว่าการทวงหนี้กับการขอยื้อเวลาของพระเอกวนซ้ำไปมาจนจบ

ประเด็นของการอยากรวยทางลัดของพระเอกก็ทำออกมาธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีเหตุหรือแรงจูงใจให้เราเข้าใจมาก่อนว่าทำไมต้องหมกหมุ่นกับความอยากรวยเร็วแบบนี้ นอกจากว่าอยากรวย อยากทำตามที่คิดแล้วได้ผลก็เพียงแค่นั้น  ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็เปิดร้านเพชรมีลูกน้องหลายคน ลูกค้าก็มีเข้ามาตลอดเรื่อง ซึ่งเปิดร้านทำงานได้ขนาดนี้ก็ไม่น่าจะขัดสนกับพวกทวงหนี้ที่แค่หลักแสน แถมยังมีห้องพักส่วนตัวไว้อยู่กับกิ๊กอีกต่างหาก ซึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่พระเอกมีกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากพวกทวงหนี้ที่เอาถึงตายค่อนข้างย้อนแย้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย

สิ่งที่ดีที่สุดของหนังคือตอนจบ หลังจากลากเรื่องราววนเวียนซ้ำๆ กับการหนี้ ทวงหนี้ ก็กลายมาเป็นไคลแม็กซ์สำคัญกับการพนันบาสเก็ตบอลของพระเอกที่ทุ่มหมดตัววัดดวงเลยว่ารอดหรือไม่รอดทั้งเงินก้อนและชีวิต ซึ่งเป็นฉากเดียวของเรื่องที่เรียกว่าลุ้นที่สุด ผ่านการแสดงของอดัมที่ออกแนวคนเชียร์กีฬาที่อินสุดๆ ล้นๆ จนเกินเบอร์ แต่ก็ยังไม่วายทำให้รู้สึกว่าตัวละครตัวนี้สุดโต่งน่ารำคาญมากจนถึงมากที่สุด

แต่ความน่ารำคาญนี้ถ้ามองอีกมุมนั่นอาจจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ เพื่อให้คนดูเกลียดและเครียดตามกับคำพูดและการกระทำของพระเอกมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งตัวละครในเรื่องทุกตัวก็มีอาการเครียดไปกับความน่ารำคาญจนล้นของพระเอกเช่นกัน จนสุดท้ายก็เลยกลายเป็นบทสรุปจบที่มีที่มาจากความสติแตกจนอึ้งได้เหมือนกัน แม้จะไม่ได้หักมุมหรือฉีกอะไรเพราะพล็อตจบแบบนี้มีดาษดื่น แบบที่พูดชื่อขึ้นมาก็ร้องอ๋อกลายเป็นสปอยล์ไปทันที แต่ก็รู้สึกว่าหนังบิ้วมาทั้งเรื่องอย่างจงใจให้น่ารำคาญเพื่อให้ฉากจบนี้มีพลังมากที่สุด ซึ่งก็คงทำได้สำเร็จตามนั้นจริงๆ

หนังจบที่พระเอกพนันชนะได้เงินล้าน แต่กลับโดนมาเฟียทวงหนี้ยิงแสกหน้าให้แล้วไปปล้นร้านเพชรพระเอกแทน หลังรำคาญกับความสติแตกบ้าบอของพระเอกที่เอาเงินไปลงการพนันหมด แล้วยังขังให้ดูเกมบาสเก็ตบอลที่พระเอกลงพนันไป แทนที่จะเอามาจ่ายให้จบไปซะตั้งแต่แรกที่ได้มา

แต่ถึงหนังจะมีส่วนน่าคาญมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถึงขนาดทนดูไม่ได้ หนังยังคงมีความน่าติดตามเรื่องว่าจะจบลงที่ไหนยังไง ซึ่งก็ถือว่าหนังพาคนดูลากยาวสองชั่วโมงกว่ากับเรื่องเดิมวนเวียนไปมาได้สำเร็จ แค่อาจจะไม่ได้รู้สึกดีหรือว้าวอะไรแบบเสียงวิจารณ์ที่มีมาก่อนจากเมืองนอกเท่านั้นครับ

นี่เป็นหนังที่ได้รับคำชมจนเรียกว่าโอเวอร์เรต ตัวหนังแม้จะมีพล็อตที่แปลกใหม่ แต่การดำเนินเรื่องราววนเวียนซ้ำกับเรื่องเดิมๆ ทั้งเรื่อง ทำให้หนังเหมือนไม่ได้เดินเรื่องไปไหน หรือมีความแปลกใหม่อะไรอย่างที่พล็อตและหน้าหนังถูกทำให้คิดว่าเป็น แถมด้วยบทพูดของตัวละครในเรื่องที่พยายามพูดสวนตะโกนแข่งกันตลอดความยาวของหนังสองชั่วโมงกว่า ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญจนพาลเกลียดตัวละครไปด้วย แต่นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างต้องการไว้ก็ได้ เพราะบทสรุปจบสุดท้ายก็มีที่มาจากความรำคาญที่ไต่ระดับจนสุดทนนี้เช่นกัน ซึ่งยังดีที่หนังยังมีความน่าสนใจและลากเรื่องยาวน่าติดตามเพื่อดูบทสรุปจบนี้ได้อยู่ครับ

 

คลิกรับชมผ่าน Netflix ที่นี่

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นในเว็บคลิกที่นี่

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!