playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว What Happened to Mr Cha? ชาอินพโย หนังเกาหลีสุดฮา ตลกต่อเนื่องทั้งเรื่องไปจนจบในฉากเดียว!

ชาอินพโย สุภาพบุรุษสุดขั้ว

สรุป

หนัง Netflix แท้ๆ ของเกาหลีที่มีความบันเทิงอยู่เต็มเปี่ยม และมอบเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน แถมยังแอบทึ่งกับบทที่เล่นกันอยู่ฉากเดียวยาวถึง 1 ชั่วโมงครึ่งได้อย่างลื่นไหลไม่น่าเบื่อเลย โดยที่ยังมีเรื่องราวปรัชญาของชีวิตดาราผ่านวงการแสดงแทรกไว้อยู่อย่างลงตัว ถึงไม่รู้จักชาอินพโย ก็ดูสนุกได้แน่นอนครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • มุกตลกที่ยิงเข้ามาไม่หยุดต่อยอดกันไปเรื่อยๆ ภายในฉากหลักของเรื่องฉากเดียวจนจบ!
  • ปรัชญาและสัจธรรมของชีวิตดาราที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่จะยอมรับได้เมื่อไหร่เท่านั้น
  • เอาชีวิตจริงของดารังในอดีตชาอินพโยมาล้อเลียนเสียดสีด้วยตัวเอง
  • ตัวละครน้อยนิด แต่ขยันยิงมุกกันทุกคน

Cons

  • ช่วงคลี่คลายปมสุดท้ายกลับไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นอีก จนทำให้ดูจบแบบง่ายๆ ว่างเปล่าไปหน่อย
  • ถ้าไม่อินกับชาอินพโยที่เล่นเป็นตัวเองซ้อนในเรื่องก็อาจจะไม่สนุกเลยก็ได้
  • ตัวเรื่องเหมือนจะมีกำลังใจให้ตัวชาอินพโย ให้คนดูเอาใจช่วยจากเคราะห์กรรม แต่กลับไม่มีเลย

What Happened to Mr Cha? ชาอินพโย สุภาพบุรุษสุดขั้ว หนังตลกสร้างจากเรื่องสมมุติ แต่อิงกับเรื่องจริงของดาราเกาหลีดังในอดีตชาอินพโย เมื่อหมดยุคดาราดังแล้วแต่เขายังไม่รู้ตัว จนเกิดเหตุร้ายที่กลายมาเป็นสถานการณ์บังคับให้เขาต้องรู้สึกตัว

ตัวอย่าง ชาอินพโย สุภาพบุรุษสุดขั้ว What Happened to Mr Cha?

นี่เป็นหนังที่สร้างขึ้นอ้างอิงจากตัวตนจริงนักแสดงชาวเกาหลีใต้ ชาอินพโย (Cha In-pyo) ที่เกิด 14 ตุลาคม 2510 อายุปัจจุบัน 54 ปี เป็นดารารุ่นเก่าที่เคยโด่งดังมากในอดีต โด่งดังถึงขั้นคนในยุคนั้นเกิดอาการคลั่งไคล้ฟีเว่อร์ทำท่าประจำตัวส่ายนิ้วชี้ไปมาแบบเท่ๆ ของเขากัน ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ตามหนังหรือซีรีส์เกาหลี หรือคนรุ่นหลังจะไม่รู้จักก็ไม่แปลกใจ เพราะเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ทำมาล้อเลียนเสียดสีวงการดาราด้วยกันเอง ซึ่งประเทศไหนๆ ก็คงมีซุปตาร์แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เพราะเมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดของวงการแล้ว ก็ไม่อยากยอมรับว่าต้องตกมาจุดต่ำสุดได้เช่นกัน และตัวเรื่องเองก็มีอธิบายความเป็นมาของเขาให้ได้เห็นกัน นี่จึงเป็นหนังล้อเลียนดาราที่แม้คนดูไม่รู้จักก็เข้าใจเรื่องราวและสนุกกับความบ้าของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

ตัวหนังใช้เวลาช่วงต้นสั้นๆ แค่ 10 นาทีเพื่อปูให้คนดูรู้จักชาอินพโยแบบคร่าวๆ ทั้งจากงานหนังในอดีตกับฉากการถ่ายแบบปัจจุบันที่แสดงตัวตนของเขาออกมาว่าเป็นคนเนี๊ยบ รักษาภาพลักษณ์ดูดีทั้งภายนอกและภายในจิตใจที่เจ้าตัวย้ำเสมอว่า “จริงใจ” กับงานที่ทำ แม้จะผิดพลาดบ้าง แต่ทุ่มเทจริงใจให้กับมันก็พอ ซึ่งมันก็เลยกลายเป็นอาการล้นๆ เกินปกติไปบ้างกับคนนอกที่มองมาที่เขา แต่เจ้าตัวก็ยืนยันมั่นใจว่าแนวทางที่ตัวเองเชื่อและพยายามรักษามาตลอดหลายสิบปีในวงการคือสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้ยังมีงานมีกินมีใช้อยู่ โดยมี “อารัม” เป็นผู้จัดการประจำตัวมานาน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่วายถูกตำหนิจากนิสัยเนี๊ยบดูดีไปหมดของชาอินพโยอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ติดคำพูดขอโทษจนเป็นนิสัย โดยลึกๆ อยู่ข้างในเก็บงำเรื่องปัญหาของเจ้านายไว้อยู่ตลอด จนเมื่อเจ้านายดันพลาดซวยไปติดในซากอาคารที่ถล่มลงมากับน้องหมาที่ตัวเองพาไปเดินเล่น แล้วพยายามให้เขาช่วยโดยไม่แจ้งตำรวจหรือกู้ภัย เหตุเพราะเปลือยกายอยู่เลยกลัวเสียภาพลักษณ์ถ้าสื่อเอาไปลง ซึ่งทำไปทำมากลายเป็นเรื่องซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนอารัมเองก็ไม่ไหวจะเคลียร์กับเจ้านายที่ไม่รู้ปัญหาของตัวเองแบบที่เห็น

อารัม ผู้จัดการที่ต้องมาปวดหัวกับสถานการณ์บ้าบอที่ชาอินพโยขอร้องให้ช่วยแบบไม่ให้มีใครเห็น

หนังแทบทั้งเรื่อง 80% คือฉากติดในซากของชาอินพโย ที่พยายามหาทางออกไม่ให้ตัวเองเสียภาพลักษณ์บ้าๆ แบบที่ตัวเองคิด ซึ่งนี่เป็นงานเขียนบทที่โชว์กึ๋นเอามากๆ เพราะแค่ฉากเดียวของเรื่องแช่กันอยู่แต่ที่กองซากนี้ตัวเรื่องก็มีซีนตลกให้เล่าไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการยิงมุกติดกันเป็นชุดแทบไม่มีพักหายใจเลย แรกๆ อาจจะไม่ขำ แต่การันตีเลยว่าเจอยิงซ้ำต่อเนื่องกันขนาดนี้ไม่มีใครรอดไม่หัวเราะได้แน่นอนครับ แถมยังหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนดูเริ่มอินเข้าใจกับเลเวลความบ้าบอของชาอินพโย และเหตุการณ์ที่ตัวเรื่องผูกให้เขาต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดแต่ละอย่างที่ยิ่งซ้ำเติมให้อุบัติเหตุครั้งนี้กลายเป็นหายนะทำลายภาพลักษณ์ของเขาได้มากกว่าที่จินตนาการไว้ซะอีก ขอไม่สปอยล์มุกเพราะมันคือเซอไพรซ์ฮาๆ ทั้งนั้น แม้จะเขียนบทง่ายๆ แนวเอาเรื่องบังเอิญมาชนกันทั้งหมดก็ตามที

และไม่ใช่แค่จะมีแต่ซีนตลก แต่เรื่องก็ยังคงหัวใจของเรื่องที่จะเล่าไว้เหนียวแน่นตั้งแต่แรกคือ การที่เขาต้องมาค้นพบสัจธรรมของชีวิตและการยอมรับว่าตัวเองหมดยุคในวงการแสดงแล้ว ซึ่งทุกคนรู้ แต่เขาไม่รู้ และไม่พยายามยอมรับว่าอายุมากแล้ว ไม่มีใครสนใจหรือให้ค่ากับเขาในแบบอดีต แม้จะมีงานมาเรื่อยๆ แต่ก็เป็นงานแบบตัวแถม ซึ่งเขาเองก็ดันไม่เข้าใจนึกว่าเป็นตัวหลัก ซึ่งหัวใจของเรื่องนี้เป็นส่วนที่ทำให้หนังตลกเรื่องนี้แม้มีฉากเล่นกันอยู่ฉากเดียว แต่กลับมีเรื่องราวลึกซึ้งจริงจังแทรกอยู่อย่างลงตัว และก็ย้อนเอาสิ่งที่พระเอกยึดถือมาตลอดมาสอนตัวเองได้ดีอีกครั้ง เป็นการคลายปมจากสิ่งที่มีอยู่แล้วได้ดีเลย

แต่ปัญหาของเรื่องก็ “อาจจะ” อยู่ที่ตรงจุดการค้นพบสัจธรรมของชีวิตในตอนท้ายเรื่อง เมื่อหนังพยายามกระแทกแดกดันชาอินพโยไม่หยุด โดยไม่มีการเปิดโอกาสให้เขาได้ดีอะไรเลยจากการค้นพบครั้งนี้ ตัวเรื่องซ้ำเติมชาอินพโยไปจนจบ ถึงกับมีซีนตัวจริงของเรื่อง ที่เหมือนจำลองการมารับงานเล่นหนังครั้งนี้ด้วยความต้องการ คัมแบ็คหรือคืนชีพ จริงๆ แม้จะมองว่าเป็นการล้อเลียนเสียดสีตัวเองสนุกๆ แต่อารมณ์ของเรื่องช่วงท้ายกลายเป็นหนังที่จบแบบง่ายๆ ไม่มีพลิกหรือทำให้เรื่องดูมีอะไรต่อยอดไปจากนั้นได้อีก เหมือนอยากจะจบก็จบดื้อๆ ไม่เคลียร์กับปัญหาที่ค้างคาไว้หลายอย่างๆ จนเกินไป

ท่าประจำตัวที่เจ้าตัวแสนภูมิใจ

แต่โดยรวมงานนี้ก็เป็นหนัง Netflix แท้ๆ ของเกาหลีที่บันเทิงมาก มอบเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน แถมยังแอบทึ่งที่เล่นกันอยู่ฉากเดียวยาวถึง 1 ชั่วโมงครึ่งได้อย่างลื่นไหลไม่น่าเบื่อเลย ก็ไม่แปลกใจที่ชาอินพโยเองยอมรับงานแสดงที่ล้อเลียนตัวเองสุดกู่ได้ขนาดนี้ครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!